กรุงเทพฯ--5 ก.พ.--ส.อ.ท.
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา “ยกระดับขีดความสามารถคลัสเตอร์ยางและไม้ยางพารา” ในวันพฤหัสบดีที่ 4 — วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 08.30 — 16.30 น. ณ ห้องไทยพาณิชย์ 1 ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้ “โครงการยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคอุตสาหกรรม (SMI) ปีที่ 2” เพื่อกระตุ้นการพัฒนากระบวนการผลิตและสร้างมาตรฐานที่ดีให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้ง การนำเยี่ยมชมกิจการ โรงงาน ผู้ผลิตในไลน์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อเปิดมุมมองใหม่และเกิดการต่อยอดธุรกิจระหว่างกัน
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจ และสภาพการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง ส่งผลให้ประเทศต่างๆปรับตัวเองเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและความอยู่รอดบนการแข่งขันเสรีทางการค้า รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพที่รวดเร็วของคู่แข่งขันในภูมิภาคอย่างมาเลเซีย อินโนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งสภาอุตสาหกรรมฯ ได้เล็งเห็นถึงวิกฤตของสมาชิกที่เผชิญอยู่ จึงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (Industrial Cluster) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืน
“จากยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศภาคเกษตรกรรม ยางพาราจัดเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกยางพาราในรูปแบบยางแผ่นดิบ มูลค่า 146,263 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ยาง 152,800 ล้านบาท ดังนั้น การรวมกลุ่มอุตสาหกรรมยางพาราและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมยางพารา มีความจำเป็นและจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในคลัสเตอร์ยางและไม้ยางพารา ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ เป็นอย่างมาก ซึ่งการสัมมนา “ยกระดับขีดความสามารถคลัสเตอร์ยางและไม้ยางพารา” ในครั้งนี้ ถือเป็นโครงการสำคัญที่มีส่วนช่วยพัฒนาคลัสเตอร์ยางและไม้ยางพาราไทยให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และผู้เข้าร่วมการสัมมนาจะได้รับองค์ความรู้ที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้และเกิดประโยชน์ต่อสถานประกอบการได้ นายพยุงศักดิ์ กล่าว
นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับในช่วงปีที่ผ่านมา แนวโน้มตลาดยางพารา และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และยางล้อ ตลอดจนอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ ชะลอตัวลงตามภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก ภาครัฐและเอกชนจึงพยายามหามาตรการช่วยเหลือ ทั้งการเพิ่มศักยภาพการผลิต ส่งเสริมการรวมกลุ่มคลัสเตอร์ยาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมยาง ส่งเสริมการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ เพิ่มมูลค่ายางพาราโดยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางให้มีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการขยายตลาดส่งออกเดิมและตลาดแห่งใหม่ที่มีศักยภาพ
“การดำเนินงานของผู้ประกอบการนอกจากต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การบริหารต้นทุนพลังงาน และการแปรรูปผลิตภัณฑ์แล้ว หัวใจหลักที่จะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและในตลาดโลก ก็คือการเตรียมความพร้อมด้านกลยุทธ์และติดตามปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน” นายศิริชัย กล่าว
ทั้งนี้ กิจกรรมที่จัดขึ้นภายในงานได้จัดเสวนา “CEO Forum: เพิ่ม Value Creation ของอุตสาหกรรมยางและไม้ยางพาราไทยได้อย่างไร?” ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้บริหาร 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ของสภาอุตสาหกรรม คือ กลุมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง อุตสาหกรรมโรงเลื่อยและโรงอบไม้ อุตสาหกรรมไม้อัดไม้บางและวัสดุแผ่น อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และกลุ่มอุตสาหกรรมหัตถอุตสาหกรรม มาร่วมเสวนาในครั้งนี้พร้อมรับฟัง Best Practice sharing: ยกระดับขีดความสามารถคลัสเตอร์ยางและไม้ยางพารา จากวิทยกรผู้เชี่ยวชาญ และเยี่ยมชมนิทรรศการ และศึกษาแนวทางการพัฒนาคลัสเตอร์กลุ่มผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ราชบุรีรวมถึงรับฟังเสวนา หัวข้อ “ก้าวต่อไปของคลัสเตอร์ยางและไม้ยางพารา สู่ผู้นำเอเชีย” ในวันศุกร์ที่ 5 มกราคม 53 ณ อ.บ้านโปร่ง จ.ราชบุรี จะเป็นประโยชน์ต่อการนำไปพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดของโครงการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคอุตสาหกรรม