เลือกหมอน นอนสบาย

ข่าวทั่วไป Monday February 8, 2010 14:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ก.พ.--โรงพยาบาลกรุงเทพ การนอนที่ถูกสุขลักษณะ คือ นอนในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เครื่องใช้เกี่ยวกับการนอนทุกชิ้นสะอาด ที่นอนที่หนาและนุ่มจนเกินไปทำให้เกิดการปวดหลังได้ ในทำนองเดียวกันหมอนที่สูงหรือต่ำเกินไปจะทำให้คอไม่อยู่ในท่าที่ควรจะเป็นไปตามธรรมชาติ คอบิด งอ แอ่นมาก เกินไปทำให้เกิดคอเคล็ด และมีการเสื่อมอักเสบของข้อต่อของกระดูกคอมากขึ้นได้ วิธีเลือกหมอนอย่างไร เวลานอนจะได้ไม่ปวดคอ เรื่องเตียง นอกจากการเลือกเตียงที่นุ่มสบายเพื่อเพื่อเพิ่มคุณภาพในการนอนแล้ว การเลือกหมอนที่เหมาะสมก็เป็นอีกสิ่งสำคัญ ซึ่งช่วยทำให้คุณนอนหลับดีขึ้น และยังลดอาการปวดหลังหรือปวดคอได้ เหตุที่ต้องใส่ใจกับหมอนนั้นก็เนื่องจากกระดูกสันหลังของคนเรามีลักษณะคล้ายกับตัว S ที่ช่วงหน้าอกจะงอไปข้างหลัง ช่วงคอจะงอมาด้านหน้า ทำให้เวลานอนคนเราจำเป็นต้องมีหมอนหนุนคอ เพื่อให้ได้โค้งงอไปตามธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ใช่หมอนทุกแบบนะครับที่ช่วยให้รูปกระดูกของเราเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะหมอนที่ดีนั้นควรมีความอ่อนนุ่มหนุนสบาย หมอนหนุนที่ศีรษะและคอ หมอนที่ดีควรจะรองตั้งแต่ต้นคอจรดถึงศีรษะ ความสูงของหมอนประมาณ 4-6 นิ้วโดยหมอนควรจะนุ่มเพื่อที่ส่วนที่รองศีรษะยุบจนกระทั่งหมอนสามารถรองรับบริเวณคอได้ทั้งหมด หมอนเตี้ยและนุ่มเกินไป เวลานอนหมอนจะยุบลง ทำให้แรงดันในหลอดเลือดสูง โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เมื่อตื่นขึ้นมาจะเกิดอาการมึนศีรษะ หน้าและหนังตาบวม อาจทำให้มีอาการเหมือนคนตกหมอน ปวดเคล็ดต้นคอ และหันลำบาก หมอนที่สูงและแข็งเกินไป จะทำให้ส่วนของศีรษะสัมผัสกับหมอนน้อย และบริเวณที่สัมผัสกับหมอนเลือดจะไหลเวียนไม่สะดวก และทำให้คอตั้งมากเกินไป เลือดไปเลี้ยงสมองไม่สะดวก อาจทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อกระดูกต้นคอทับหลอดเลือด และเส้นประสาท หรือเกิดอาการเป็นเฉพาะที่ เช่น ปวดต้นแขน และผู้ที่อาการหนักยังอาจทำให้นอนกรนอีกด้วย ส่วนผู้ที่เป็นโรคหัวใจและปอดมีคำแนะนำว่าควรจะนอนหมอนสูง เพื่อให้หัวใจและปอดทำงานเบาขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่มีไข้สูงควรหาหมอนน้ำให้หนุน เพื่อให้ความเย็นและช่วยลดความร้อนที่ศีรษะให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นเราควรเลือกหมอนที่ไม่เตี้ยและนุ่ม ไม่สูงและแข็งเกินไป เหมาะกับสภาพร่างกายของเราจะดีที่สุด นอกจากการเบือกหมอนแล้ว ท่าการนอน ก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ละคนจะมีท่านอนที่แตกต่างกัน ชอบนอนในท่าใด หากนอนคว่ำไม่ต้องใช้หมอนหรือหากจะใช้ต้องค่อนข้างจะแบน และอาจจะมีหมอนใบเล็กๆ หนุนตรงบริเวณท้อง เพื่อความสบายของตัวคุณเอง ในท่านอนหงาย หมอนที่ใช้ต้องนิ่มและไม่สูง ให้มีการรองรับส่วนเว้าของกระดูกคอ หน้าไม่เงยไปข้างหลัง ตำแหน่งที่จะใช้หนุนได้แก่บริเวณศีรษะ คอไหล่ และเข่า นอนตะแคง มีหมอนใบหนึ่งหนุนศีรษะโดยที่หมอนต้องไม่สูงเกินไปและมีหมอนข้างอีกใบไว้ระหว่างขา อาจจะใช้ผ้าขนหนูม้วนหนุนข้อมือด้านที่ตะแคง นอกจากนั้นหมอนต้องกว้างพอที่จะไม่ต้องนอนเกร็งคอกลัวตกหมอน และหลีกเลี่ยงใช้หมอนเป่าลมหรือหมอนที่บรรจุน้ำ เพราะทำให้ศีรษะกลิ้งไปมา กล้ามเนื้อคอเกร็งไม่เป็นอันหลับนอน ไม่ได้พักผ่อนตลอดคืน ในท่านอนตะแคง หมอนต้องสูงเท่ากับระดับความสูงจากไหล่มายังศีรษะ ศีรษะต้องอยู่ในแนวเดียวกับกึ่งกลางลำตัว (ไม่ใช่ศีรษะตกลงมา ที่ไหล่ข้างที่นอนทับหรือเอียงขึ้นจากแนวกึ่งกลางลำตัวไปยังหัวไหล่ด้านตรงกันข้าม) คุณสมบัติอื่นๆของหมอน ทั้งในท่านอนหงาย หรือท่านอนตะแคง คือ ต้องมีความกว้างพอเหมาะกับขนาดศีรษะ ไม่นิ่มมากหรือแข็งมากนอกจากหมอนแล้ว ที่นอนควรมีเนื้อแน่น ไม่ยุบตัวลงเวลานอน แต่ไม่แข็งมากจนกดกระดูกของข้อไหล่ ต้องไม่นิ่มมากสามารถพลิกตัวไปมาได้ง่าย อย่าลืมว่าบ้านเรามีอากาศร้อนอบอ้าวถึงแม้บางบ้านติดเครื่องปรับอากาศไว้ ทำให้ปรับอุณหภูมิให้นอนได้อย่างสบาย แต่ไม่เยือกเย็นจนถึงกับต้องนอนขดตัวมุดเข้าไปในที่นอนที่ห่อหุ้มด้วยผ้าห่มหนาๆ การพลิกตัวไปมาทำให้การไหวเวียนของเลือดสะดวก ไม่เป็นเหน็บชาเวลาตื่นนอน และป้องกันข้อไหล่ติดจากการนอนทับทั้งคืนในท่าเดียวเท่านั้น นอนตกหมอน อาการหันคอไม่ค่อยได้เจ็บปวดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอหรือที่เรียกว่านอนตกหมอน แพทย์อธิบายว่า แท้จริงสาเหตุไม่ได้เกิดจากการนอนตกหมอน แต่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างสะบักอาจอักเสบด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองข้างก็ได้ บางคนเป็นมากขนาดทำให้กระดูกสันหลังคดไปเพราะถูกกล้ามเนื้อดึงไว้ตลอดเวลา การอักเสบมักจะเริ่มจากกล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแอ เมื่อเราออกกำลังเกร็งกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้อนั้นเกร็งตัวคล้ายเป็นตะคริว เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ดีทำให้เกิดอาการคั่งของเลือด ส่งผลให้กล้ามเนื้อระหว่างสะบักอักเสบจนกล้ามเนื้อสะบักและต้นคอพลอยอักเสบไปด้วย ในที่สุดจะแข็งไปหมดทั้งต้นคอและเลยไปถึงแผ่นหลัง วิธีแก้ไขอย่างง่าย ๆ ทำได้ 2 วิธี คือ 1. โดยการนวดใช้นิ้วมือกดบริเวณที่ปวดแรง ๆ แช่ไว้นาน ๆ ประมาณ 2 อึดใจเพื่อไล่เลือดและกรดที่คั่งในกล้ามเนื้อออกไปเพื่อให้เลือดได้สะดวก 2. โดยความร้อนจะใช้กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าชุบน้ำร้อนหรือใช้ขวดใส่น้ำร้อนห่อผ้า วางบริเวณที่ปวดและคลึงเบา ๆ ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่อักเสบคลายตัวได้ หากปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวแล้วยังไม่หายปวดต้นคอ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุอื่น ๆ ต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1719 โรงพยาบาลกรุงเทพ

แท็ก ธรรมชาติ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ