มอเตอร์เวย์ปลื้ม ช่วงวันแม่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เดินหน้าโครงการขับขี่ปลอดภัย หวังเตือนสติสารถีไทยใจร้อน

ข่าวทั่วไป Friday August 18, 2006 15:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--โปรคอมมูนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์
สถิติอุบัติเหตุจราจรและความสูญเสียทั่วประเทศปี 2548 พบคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเฉลี่ย ชั่วโมงละ 1 ราย และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยต้องกลายเป็นผู้พิการทางสมองและแขนขา สูงเป็นอันดับ 1 ซึ่งอัตราการตายต่อปีจากอุบัติเหตุจราจรของประเทศไทย มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 120,000 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย โดยสาเหตุอันดับ 1 เกิดจากการขับรถเร็วกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และจากการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้รถช่วงเทศกาลปีใหม่ พบว่า 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่า 50 มิลลิกรัม
มอเตอร์เวย์ เป็นถนนที่ผู้ขับขี่จัดให้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในการสัญจร เนื่องจากมีความรวดเร็ว สะดวก สบาย และมุ่งสู่จุดหมายปลายทางได้ทันท่วงทีกับภารกิจที่นัดหมาย โดยไม่ต้องรอลุ้น ไม่ต้องหงุดหงิด ทว่า ในถนนทุกๆ สาย ทุกๆ เส้นทาง ย่อมเกิดอุบัติเหตุได้เสมอ หากผู้ขับขี่ขาดความระมัดระวัง สำนักงานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง ซึ่งดูแลรับผิดชอบเส้นทางมอเตอร์เวย์ ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมในเรื่องดังกล่าว หลังพบว่าสถิติจราจรในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549 นี้ มอเตอร์เวย์มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นสูงกว่าเกณฑ์ ชี้วัดที่กำหนดไว้ จึงได้จัด โครงการรณรงค์ความปลอดภัยในการเดินทางบนมอเตอร์เวย์ เมื่อวันที่ 12 — 14 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อมุ่งสร้างจิตสำนึกขับขี่ปลอดภัย และส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายผู้ใช้รถใช้ถนนบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ที่มีจิตสำนึกและตระหนักถึงการร่วมมือกันในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับขี่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางมากยิ่งขึ้น โดยมอเตอร์เวย์บริการดูแลผู้ใช้เส้นทางอย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชม. ด้วยทีมกู้ภัยและอุปกรณ์ทันสมัยครบครัน
นายสุชาติ ลีรคมสัน ผู้อำนวยการ สำนักงานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง เปิดเผยว่า “มอเตอร์เวย์เป็นเส้นทางที่มีระดับคุณภาพสูงมาก ทางด้านวิศวกรรมการทางและวิศวกรรมจราจร เพื่อให้การเดินทางมีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และสร้างความพึงพอใจของผู้ใช้เส้นทาง ซึ่งในบางครั้งก็ทำให้ ผู้ขับขี่บางรายใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ทำให้เกิดอุบัติเหตุและความสูญเสีย ทางสำนักงานฯ จึงมุ่งเน้นรณรงค์ให้ผู้ใช้เส้นทางขับขี่อย่างปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็มีความพร้อมในการให้บริการดูแลความปลอดภัยและให้ความช่วยเหลือผู้ใช้เส้นทางอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยชุดกู้ภัยเส้นทางละไม่น้อยกว่า 32 นาย พร้อมอุปกรณ์กู้ภัยที่ทันสมัยครบครัน ตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ อุปกรณ์ดับเพลิง เครื่องตัดถ่าง ผงเคมีซับน้ำมันกันลื่น อุปกรณ์ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น นอกจากนี้ยังมีรถกู้ภัยวิ่งตรวจการณ์ทั้งขาเข้าและขาออก ที่จะเข้าไปดำเนินการทันทีเมื่อพบรถขัดข้องหรือต้องการความช่วยเหลือ และเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าจะไม่เกิดกรณีไปถึงที่เกิดเหตุทันเวลาแต่ขาดอุปกรณ์ช่วยเหลือที่สำคัญ อันส่งผลให้เกิดความสูญเสียขึ้นอย่างน่าเสียดาย”
จากการจัดกิจกรรมรณรงค์ความปลอดภัยตลอด 3 วันที่ผ่านมา พบว่า ยอดรวมปริมาณการใช้รถที่ผ่านด่าน 4 ด่านบนทางหลวงพิเศษได้แก่ ด่านฯลาดกระบัง ด่านฯพานทอง ด่านฯธัญบุรี ด่านฯ ทับช้าง มีทั้งสิ้น 710,600 คัน โดยทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี มีปริมาณรถที่ผ่านด่าน 326,500 คัน และทางหลวงพิเศษ หมายเลข 9 บางปะอิน-บางพลี มีปริมาณรถที่ผ่านด่าน 384,100 คัน และพบว่าในทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 มีรถเสีย 51 คัน อุบัติเหตุ 5 คัน บาดเจ็บ 3 คน ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 มีรถเสีย 78 คัน อุบัติเหตุ 1 คัน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเป็นที่น่ายินดีคือ ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย
“นานา ไรบีนา” นักแสดงและนักขับรถแข่ง ซึ่งได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ครั้งนี้ ได้เล่าถึง ประสบการณ์การขับขี่บนท้องถนนและเปิดเผยถึงมุมมองที่มีต่อการจัดกิจกรรมดังกล่าวว่า “นานาว่าโครงการรณรงค์เรื่องขับขี่ปลอดภัยของทุกหน่วยงาน ดีมากๆ เพราะการขับขี่ต้องช่วยกันกระตุ้นจิตสำนึก และพยายามย้ำเตือนกันบ่อยๆ เพื่อให้ตระหนักอยู่เสมอว่า การขับขี่ต้องไม่ประมาท สำหรับโครงการฯ ของมอเตอร์เวย์ ที่ นานา เข้าไปมีส่วนร่วม ดีใจมากๆ ค่ะ ที่มีส่วนร่วมช่วยในโครงการฯ ดีดีแบบนี้ เต็มที่และเต็มใจมากๆ นานาเคยเกิดอุบัติเหตุเมื่อประมาณ 7-8 ปีที่ผ่านมา บนถนนสายบางนามุ่งหน้าเข้า กทม. ตอนนั้นฝนตก ถนนลื่น รถคันข้างหน้าชนกัน รถของนานาเป็นคันที่ 4 สุดท้ายเลย สภาพรถด้านหน้ายับเข้ามาถึงห้องโดยสาร แต่นานาไม่เป็นอะไรมาก เพราะคาดเข็มขัดนิรภัย แค่ฟกช้ำบริเวณที่คาดเข็มขัด สักประมาณ ครึ่งชม.-สี่สิบห้านาที มีหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งรพ. มูลนิธิ ตำรวจจราจร แต่หน่วยงานหลักที่ช่วยเรื่องยกรถ ก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร (ตำรวจทางหลวง)
นานาใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์สาย กรุงเทพ-ชลบุรี เป็นประจำเพราะต้องไปซ้อมที่สนามชลบุรี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง แต่เคยยางแตกแล้วก็เกิดระเบิดขึ้น โชคดีว่าขับไม่เร็วมาก เลยนำรถเข้าไหล่ทาง พอดีมีเพื่อนนั่งไปด้วย และเพื่อนที่ขับตามหลังมาอีกหลายคัน ก็เลยช่วยกันเปลี่ยนยาง นานาว่า อุบัติเหตุไม่ได้ขึ้นอยู่ถนนสายใด แต่ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่ว่าจะมีสติแค่ไหนในการขับขี่ บางทีการ ขับขี่บนถนนมอเตอร์เวย์ที่เอื้อให้ขับด้วยความเร็วสูงได้ จะทำให้ผู้ขับขี่ระมัดระวังมากขึ้นด้วยซ้ำไป ในขณะที่ในทางกลับกัน การขับขี่บนถนนปกติ ก็อาจทำให้ขาดความระมัดระวังได้เช่นกัน จำไว้เลยว่าทุกๆ ถนน ทุกๆ สาย ไม่ว่าจะเป็นถนนเส้นไหน ไม่ควรประมาทค่ะ ถ้าคุณไม่อยากเป็นหนึ่งในสถิติของการเกิดอุบัติเหตุจราจร ก่อนสตาร์ทรถก็ควรเช็คเครื่องยนต์ว่าสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ พักผ่อนให้เพียงพอ เมาไม่ขับ คาดเข็มขัดนิรภัย เคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญต้องมีสติ ขณะขับรถตลอดเวลา
หากผู้ใช้เส้นทางต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งได้ที่หน่วยกู้ภัยสาย 7 (กรุงเทพ-ชลบุรี) โทร. 0 3857 7852 หน่วยกู้ภัยสาย 9 (บางปะอิน-บางพลี) โทร. 0 2509 6832 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 โดยไม่เสียค่าบริการ
ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
อุมา พลอยบุตร์
โทร. 0 2691 6302-4, 0 2274 4782, 0 2274 4961 — 2
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ