เบาหวานกับโรคอ้วน ภัยร้ายใกล้ตัว

ข่าวทั่วไป Tuesday September 12, 2006 13:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--แอ๊บบอตแคร์
เป็นที่น่าตกใจว่าประชากรโลกประมาณ 60 — 70 % กำลังเผชิญปัญหา โรคอ้วน ซึ่งทำให้ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา อาทิ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อัมพาต อัมพฤกษ์ และโรคเบาหวาน ที่น่าเป็นห่วงคือมีประชากรทั่วโลกเป็นโรคเบาหวานกว่า 200 ล้านคน และหากไม่มีการป้องกันที่ดีคาดกันว่าในปี ค.ศ. 2025 จะมีประชากรที่เป็นโรคเบาหวานเพิ่มจำนวนเป็น 300 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 60% ตัวอย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกามีอัตราการเพิ่มของผู้เป็นเบาหวานมากถึง 3,000 รายต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและทุพพลภาพสูงจนน่าตกใจ สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานส่วนใหญ่เนื่องจากการขาดการออกกำลังกายและรับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ซึ่งหากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ดี จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น โรคหัวใจ คนที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน 2 — 4 เท่า นอกจากนี้ยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น ตาบอด ไตวาย การสูญเสียขา แผลเป็นที่รักษายาก ตลอดจนเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต ซึ่งผู้ป่วย 8 ใน 10 รายที่เป็นเบาหวานเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ
บริษัท แอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส จำกัด หนึ่งในผู้นำทางด้านโภชนาการระดับโลก ผู้ผลิต กลูเซอนา เอสอาร์ อาหารทดแทนหรืออาหารระหว่างมื้อ สูตรครบถ้วน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ได้เข้าร่วมประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติครั้งที่ 1 ซึ่งจัดโดย สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายด้านอาหารและโภชนาการ ได้เชิญ Associate Professor Dr. Charles L. Baum MD., MS., Corporate Vice President for Health Affairs , U.S.A และอาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขั้นทะเบียนวิชาชีพ ( Registered Dietitian U.S. A.) ร่วมเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับเบาหวานกับโรคอ้วน ภัยร้ายใกล้ตัว โดยมีแนวทางในการบริโภคอาหาร เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวคือ
1. ลดอาหารที่ให้พลังงานสูง
2. รับประทานอาหารที่มีคาร์โบโฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ(Glycemic Index) เพื่อให้ร่างกายได้ใช้เวลาในการย่อยมากขึ้น อาทิ ข้าวไม่ขัดสี ผัก ผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด เป็นต้น
3. รับประทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว หรือ กรดโอเลอิก ( Monounsaturated Fatty Acid : MUFA ) พบได้น้ำมันดอกทานตะวันชนิดที่มีกรดโอเลอิกสูง น้ำมันมะกอก เป็นต้น
เดิมผู้ป่วยโรคเบาหวานส่วนใหญ่จะพบอาการเบาหวานเมื่อมีอายุเฉลี่ยประมาณ 60 - 65 ปี แต่ปัจจุบันพบว่าแนวโน้มช่วงอายุเฉลี่ยของผู้เป็นเบาหวานกลับน้อยลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยเด็ก จนถึงวัยรุ่น ก็เริ่มเป็นเบาหวานมากขึ้น ดังนั้นพ่อ - แม่ ผู้ปกครอง ควรจะหันมาใส่ใจในเรื่องการออกกำลังกายและการบริโภคอาหารมากขึ้น เพื่อป้องกันมหันตภัยร้ายต่างๆ ที่จะตามมาอีกทั้งเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคต่างๆ จะเห็นได้ว่าการรักษาเบาหวานที่เหมาะสมสามารถช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลดีขึ้น ลดภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น โภชนบำบัดจึงมีส่วนสำคัญในการรักษาเบาหวาน ถึงเวลาสำรวจตัวเองและคนรอบข้างแล้วว่า เริ่มอ้วนหรือยัง?
แอ๊บบอตแคร์ โทร 0-2252-2448 โทรสาร 0-2252-0455
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ