กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--บีโอไอ
หน่วย BUILD บีโอไอ นำทัพผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยร่วมงาน อีนาป้า 2010 ณ กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ศึกษาช่องทางการลงทุนพร้อมสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงอุตสาหกรรม ตั้งเป้าต่อยอด พาต่างชาติร่วมงานซับคอนไทยแลนด์ ดันไทยเป็นฮับชิ้นส่วนยานยนต์ในอาเซียน
นายชนินทร์ ขาวจันทร์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม ( BUILD ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) เปิดเผยว่า หน่วย BUILD เตรียมนำคณะผู้ผลิตชิ้นส่วนและเครื่องจักรอุปกรณ์ของไทยเข้าร่วมงานอีนาป้า 2010 ( INAPA 2010 ) ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านชิ้นส่วนและเครื่องจักรในการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 -27 มีนาคม 2553 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนและเครื่องจักรอุปกรณ์ของไทย สามารถพบปะเจรจาธุรกิจ และขยายช่องทางด้านการตลาดให้ชิ้นส่วนไทยไปในระดับภูมิภาค
ปัจจุบัน การลงทุนด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในอินโดนีเซียมีมากขึ้น แต่ยังขาดอุตสาหกรรมสนับสนุนที่มีคุณภาพ จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยจะเข้าไปศึกษาช่องทางการลงทุนในอินโดนีเซีย รวมทั้งจะเป็นการขยายเครือข่ายเชื่อมโยงอุตสาหกรรม และส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไปยังประเทศอินโดนีเซียต่อไป ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยที่ตอบรับเข้าร่วมงานแล้วมีทั้งสิ้น 35 ราย จากกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ และกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมทั่วไป
นายชนินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมครั้งนี้ เป็นนโยบายเชิงรุกที่หน่วย BUILD ต้องการให้ผู้ซื้อรวมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนในต่างประเทศรับทราบถึงศักยภาพและแนะนำตัวให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย เพราะงานอีนาป้า 2010 จะมีผู้ประกอบการกว่า 20 ประเทศเข้าร่วม มีบริษัทนำสินค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์เข้าร่วมจัดแสดงถึง 400 บริษัท และจะมีบริษัทผู้ซื้อชิ้นส่วนเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 25,000 บริษัท
ขณะเดียวกันจะเชิญชวนให้ผู้ร่วมงานครั้งนี้มาต่อยอดธุรกิจที่งานซับคอนไทยแลนด์ 2010 ซึ่งเป็นงานแสดงอุตสาหกรรมชิ้นส่วนที่ยิ่งใหญ่ของไทยในเดือนพฤษภาคม 2553 และหน่วย BUILD มีแผนจะจัดกิจกรรมเชิงรุกนำผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยไปยังประเทศอาเซียนเพิ่มมากขึ้น มีเป้าหมายให้ไทยเป็นฮับด้านอุตสาหกรรมชิ้นส่วนในอาเซียนภายในปี 2015
สำหรับมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนในปี 2553 ที่หน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมตั้งเป้าหมายว่าจะเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมกิจกรรมตามแผนปี 2553 นั้น มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2552 ตามภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังจากผู้ประกอบการชิ้นส่วนในประเทศได้รับผลกระทบค่อนข้างมากช่วงต้นปี 2552