กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--ก.ไอซีที
นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนา “เพื่อนำเสนอผลการศึกษา ครั้งที่ 2” ภายใต้โครงการศึกษาและกำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศ ว่า การจัดประชุมสัมมนาฯ ครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อนำเสนอผลการศึกษาภายใต้โครงการศึกษาและกำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศ ที่กระทรวงไอซีทีฯ ได้ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินการศึกษาในประเด็นต่างๆ ครอบคลุมทั้งการจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศโดยรวมของประเทศที่ชัดเจน และสอดรับกับแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งการจัดทำมาตรฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศ และการจัดทำมาตรฐานของอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้สำหรับงานภูมิสารสนเทศ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานด้านภูมิสารสนเทศให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และให้ข้อมูลของแต่ละหน่วยงานสามารถใช้งานร่วมกันได้ นอกจากนี้ยังจัดทำหลักสูตรสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศสำหรับบุคลากรของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้วย
“การประชุมสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอผลการศึกษาดังกล่าว ที่กระทรวงฯ ได้จัดทำแล้วเสร็จให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนได้รับทราบ เพื่อเตรียมการนำผลการศึกษาไปใช้ประโยชน์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตนเอง รวมทั้งยังเปิดรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงผลการศึกษาต่อไปด้วย พร้อมกันนี้ยังมีการนำเสนอความคืบหน้าของการจัดตั้งหน่วยงานกลางด้านภูมิสารสนเทศ หรือ กรมสำรวจและทำแผนที่พลเรือนอีกด้วย โดยกระทรวงฯ ได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา จำนวน 69 หน่วยงาน รวม 150 คน เข้าร่วมการประชุมสัมมนาครั้งนี้“ นายธานีรัตน์ กล่าว
สำหรับโครงการศึกษาและกำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศนี้ จัดทำขึ้นเพื่อวางแนวทางให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากที่ผ่านมาการจัดทำและพัฒนางานภูมิสารสนเทศของประเทศ โดยเฉพาะข้อมูลพื้นฐานที่ใช้งานร่วมกัน อาทิ โครงสร้างพื้นฐานด้านภูมิสารสนเทศ (National Spatial Data Infrastructure : NSDI) นั้น ยังขาดข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการใช้งานบางส่วนอยู่ ขณะที่ข้อมูลที่มีอยู่ส่วนใหญ่ไม่ทันสมัย บางส่วนยังมีความซ้ำช้อนในการจัดทำและผลิต ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณค่าใช้จ่าย และข้อมูลที่ได้มาก็ไม่เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งข้อมูลภูมิสารสนเทศเกือบทั้งหมดจะดำเนินการโดยหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากมีความยุ่งยากในการจัดทำ มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งข้อมูลภูมิสารสนเทศส่วนใหญ่ ยังต้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของประเทศ จากข้อจำกัดดังกล่าวจึงทำให้ภาคเอกชนและประชาชนไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม จากความต้องการใช้ระบบบริการทางภูมิสารสนเทศต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ จึงทำให้คนไทยที่ต้องการใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศของไทยกลายเป็นผู้ใช้บริการจากผู้ให้บริการทางด้านข้อมูลภูมิสารสนเทศต่างประเทศ ดังนั้น เพื่อวางแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว อย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงฯ จึงได้ดำเนินโครงการศึกษาและกำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีทางภูมิสารสนเทศอย่างยั่งยืน และก้าวทันประเทศต่างๆ ทั่วโลก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 021416747 MICT