กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ศูนย์ข้อมูลฯ แจงผลการจัดเก็บข้อมูลที่อยู่อาศัยปี 2548 พบข้อมูลการออกใบอนุญาตจัดสรรยังขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 12% โดยมีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวนทั้งสิ้น 46,299 หน่วย จาก 308 โครงการ ขณะเดียวกันบ้านใหม่สร้างเสร็จจดทะเบียนจำนวน 72,072 หน่วย ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4% นายพงษ์ศักดิ์ ชิวชรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรอบปี 2548 ว่า สถานการณ์โดยรวมยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวนทั้งสิ้น 46,299 หน่วย จาก 308 โครงการ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในส่วนของจำนวนหน่วย 12.5% และจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับปี 2547 โดยที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์มีจำนวนสูงสุดคือ 20,336 หน่วย ในขณะที่การออกใบอนุญาตก่อสร้างทาวน์เฮาส์ในปี 2547 มีจำนวน 15,991 หน่วย สำหรับบ้านเดี่ยวมีการออกใบอนุญาตจำนวนทั้งสิ้น 17,822 หน่วย โดยในช่วงเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 17,719 หน่วย (ดูตารางที่1) ทั้งนี้เมื่อมีการเปรียบเทียบข้อมูลรายไตรมาส พบว่าไตรมาส 1/2548 เป็นช่วงที่จำนวนที่อยู่อาศัยขออนุญาตจัดสรรขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 58% บ้านเดี่ยวเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่มีจำนวนหน่วยสูงสุด แต่ในช่วงไตรมาส 4/2548 การขยายตัวกับมีสัดส่วนลดลงถึง 34.3% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี อย่างไรก็ตามหากแบ่งโครงการที่ได้รับใบอนุญาตจัดสรรที่ดินตามทำเลที่ตั้งโครงการ พบว่ามีที่อยู่อาศัยขออนุญาตจัดสรรในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีจำนวน 18,433 หน่วย จาก 161 โครงการ ขณะที่มีจำนวนหน่วยที่ได้รับใบอนุญาตจัดสรรในพื้นที่ปริมณฑล 27,866 หน่วย จาก 147 โครงการ สำหรับจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ในรอบปี 2548 มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับจำนวนหน่วยที่ได้รับใบอนุญาตจัดสรร คือ 72,072 หน่วย ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ที่มีจำนวน 69,050 หน่วย ในจำนวนนี้ประกอบด้วยที่อยู่อาศัยสร้างโดยผู้ประกอบการ 35,935 หน่วย ประชาชนสร้างเอง 25,244 หน่วย และอาคารชุด 10,893 หน่วย โดยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จโดยผู้ประกอบการรวมอาคารชุดขยายตัวเพิ่ม 65% ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 46,643 หน่วย เพิ่มขึ้น 5.4% ทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์ 13,858 หน่วย ลดลง 10% อาคารชุด 10,893 หน่วย ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 29% และบ้านแฝด 678 หน่วย ลดลง 28.3% ด้านสินเชื่อผู้ประกอบการปล่อยใหม่ ทั่วประเทศ ณ ไตรมาส 4/2548 ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน มียอดสินเชื่อปล่อยใหม่จำนวน ล้านบาท ส่วนสินเชื่อผู้ประกอบการคงค้างมีจำนวนทั้งสิ้น ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ ซึ่งมียอดสินเชื่อคงค้าง ล้านบาท ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2548 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยมียอดสินเชื่อปล่อยใหม่จำนวน ล้านบาท ขยายตัว ขณะที่เมื่อช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้พิจารณาจากมูลค่าสินเชื่อบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ทั่วประเทศ ยอดโดยรวมในช่วงปี 2548 มีจำนวนทั้งสิ้น 272,535 ล้านบาท ลดลงประมาณ 7.4% เมื่อเทียบกับปี 2547 ซึ่งมีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ทั่วประเทศ 294,403 ล้านบาท ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าข้อมูลที่ศูนย์ฯจัดเก็บและรวบรวมอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ๋เป็นข้อมูลที่ได้รับจากหน่วยงานต่างๆ และเกือบทั้งหมดเป็นดัชนีด้านอุปทาน (Supply) แต่ยังขาดดัชนีด้านอุปสงค์ (Demand) และข้อมูลที่ยังไม่มีหน่วยงานใดจัดเก็บ ได้แก่ ข้อมูลที่อยู่อาศัยที่เริ่มก่อสร้าง (Housing Starts: Hard Start), ที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง, ที่อยู่อาศัยที่ขายได้ (Home Sales) และที่อยู่อาศัยคงเหลือพร้อมขาย “เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ศูนย์ข้อมูลฯจึงได้ริเริ่มจัดทำแบบสอบถามและออกสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ — มีนาคม 2549 เพื่อให้ได้ข้อมูลสถานการณ์ที่แท้จริงของธุรกิจ และมีแผนจะติดตามข้อมูลดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการสำรวจข้อมูลภาคสนาม” ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงขอบเขตการสำรวจว่า การดำเนินโครงการสำรวจกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ที่โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการเปิดขายหรือให้เช่า โดยแบ่งประเภทอสังหาริมทรัพย์ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ โครงการบ้านจัดสรร, โครงการอาคารชุดพักอาศัย , โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ และอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า รวมถึงได้กำหนดพื้นที่เป่าหมายทำการสำรวจให้ครอบคลุมพื้นที่ 17 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, นครปฐม, สมุทรสาคร) ภาคเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่,ลำพูน ภาคกลาง ประกอบด้วย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, นครนายก ภาคตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา, ขอนแก่น และภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต, สงขลา นอกจากนี้เพื่อให้การจัดทำฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มีความถูกต้องและครอบคลุมที่สุด ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ดำเนินโครงการจัดทำต้นแบบการจัดเก็บและสร้างฐานข้อมูลใบอนุญาตก่อสร้างให้แก่หน่วยงานท้องถิ่น โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 5 จังหวัดปริมณฑลและ 11 จังหวัดหัวเมืองใหม่ในส่วนภูมิภาค โดยใน Phase 1 ได้อบรมและติดตั้งโปรแกรมให้กับเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) จำนวน 311 แห่งใน 5 จังหวัดปริมณฑลเรียบร้อยแล้ว และใน Phase 2 กำหนดอบรมและติดตั้งโปรแกรมให้กับเทศบาลและอบต.อีก 1,457 แห่งใน 11 จังหวัดยุทธศาสตร์ในภูมิภาค “โครงการดังกล่าวก่อประโยชน์ให้แก่หน่วยงานปกครองท้องถิ่นโดยตรง คือช่วยให้ท้องถิ่นมีระบบคอมพิวเตอร์ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชน และยังลดพื้นที่จัดเก็บเอกสารทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายต่างๆได้ในระยะยาว อีกทั้งระบบยังมีความสามารถรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลภายในหน่วยงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างภาครัฐ (GDX —Government Data Exchange) ซึ่งสอดรับกับนโยบาย E-Government ของภาครัฐ” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวในตอนท้ายว่าภายในปี 2549 การจัดทำฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ โดยศูนย์ข้อมูลฯ จะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีข้อมูลใน 2 ส่วน คือจากการออกใบอนุญาตจัดสรร โดยองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และข้อมูลจากการสำรวจโครงการภาคสนามเข้ามาเสริม ฐานข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางในการพัฒนาท้องถิ่น โดยเฉพาะด้านการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการวางโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคในท้องถิ่นนั้นๆ--จบ--