คุยกันหลังพวงมาลัย กับ “เป้ นฤบดี เวชกรรม” หัวสมอง 12 ปีของแก๊งค์สาระแน และ “สาระแนสิบล้อ” หนังฮาแบบไม่ปกติ

ข่าวบันเทิง Wednesday March 10, 2010 11:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--สหมงคลฟิล์ม อีกรูปแบบของหนังไทยอารมณ์ดีที่มาพร้อมลายเซ็นต์เฉพาะตัวในสไตล์ “สาระแน” Q. ย้อนกลับไปมองผลงานเรื่องแรกอย่าง “สาระแนห้าวเป้ง” เคยคิดเคยฝันไหมว่าตัวหนังจะประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลเหยียบ 100 ล้าน P. ก็ไม่เคยคาดการณ์ว่ามันจะทำยอดได้ขนาดนั้น แต่ก็มีคาดหวังไว้นิดๆ เพราะหนังมันก็มีความแตกต่างน่าจะได้รับการตอบรับ อย่างน้อยก็น่าจะมีคนสักกลุ่มที่อยากจะดูอะไรที่มันแปลกออกไป Q. เป็นความคิดความตั้งใจของทีมสาระแนเลยรึเปล่าว่าถ้าจะทำหนังต้องมาพร้อมกับโจทย์ที่แตกต่างจากหนังทั่วไป P. ผมว่ามันเป็นวิธีคิดของบริษัทเราอยู่แล้ว คือถ้าเราจะทำอะไรมันก็น่าจะมีมุมมองที่แตกต่าง ทั้งในแง่ของครีเอทีฟ หรือว่าอะไรก็ตามแต่ทั้งในบริษัทของเราหรือทีมงานที่คิดก็ปูมาทางนี้อยู่แล้ว Q. ถ้าจะให้วิเคราะห์ถึงความสำเร็จ คิดว่าเพราะอะไรถึงเกิดเป็นปรากฎการณ์ของสาระแนห้าวเป้ง จนตัวหนังประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลขนาดนั้น P. อาจจะด้วยตัวนักแสดงอย่างสตาร์บักค์และหลังเลนส์ ซึ่งเป็นความโชคดีของเราที่ได้บังเอิญไปเจอทั้ง 2 คนนี้ จนได้เข้ามาเป็นนักแสดงโดยบังเอิญ และอีกส่วนหนึ่งก็คือพี่หม่ำ ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น จึงทำให้คนอยากรู้ว่าพี่หม่ำมีอะไรกับพวกเรามันทำให้เกิดกระแส ก็น่าจะเป็นเพราะ 3 คนนี้ สตาร์บัก หลังเลนส์ และ พี่หม่ำ Q. ไม่คิดว่าเป็นเพราะสไตล์หรือรูปแบบของความเป็นสาระแนที่ถูกเอามาทำเป็นภาพยนตร์ P. คืออันนั้นคนเขาดูสาระแนมาตลอด 10 ปีเขาก็เข้าใจวิธีการแคนดิดของสาระแนมันก็ไม่ใช่สิ่งใหม่แล้ว คืออาจจะเป็นกระแสบอกต่อที่พอแคนดิดแล้วมันมีการร้อยเรื่องจนกลายเป็นหนัง แล้วก็การแสดงของสตาร์บักและหลังเลนส์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ผมว่าอันนี้มากกว่า Q. ในเมื่อสาระแนห้าวเป้งเองก็ประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลขนาดนั้น พอมาถึงผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ทำไมถึงตัดสนิใจไม่ทำแนวแคนดิด (แอบถ่าย) ที่เป็นงานถนัดของทีมสาระแนอยู่แล้ว P. คือเวลาเราทำอะไรเราก็นึกถึงคนดูเหมือนกันนะ สมมติเราเป็นคนดู เราก็ไม่อยากดูการแคนดิดเรื่องที่ 2 เพราะอาจจะเดาได้ กลับกันมานั่งในมุมคนทำมันก็ทำยากขึ้น คือทำได้แต่มันก็ต้องใช้ไอเดียมากขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คือเราเชื่อว่าถ้าเป็นคนดูหนังที่นั่งอยู่ในความมืด ในโรงภาพยนตร์เขาก็อาจจะนั่งเดาเรื่อง เรากลัวว่าถ้าเขาเดาได้มันจะไม่สนุก ตอนนี้ยังคิดอะไรที่มันแตกต่างจากเดิมไม่ได้ก็เลยยังไม่ทำดีกว่า Q. สำหรับสาระแนเรื่องที่2 มีที่มาที่ไปของไอเดียวเกิดเป็นเรื่องราวของ “สาระแนสิบล้อ”ขึ้นมาได้อย่างไร P. คือหลังจากจบสาระแนห้าวเป้งเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐหัวเรือใหญ่สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล) ก็ให้โอกาสทำเรื่องที่ 2 ทันที เราก็มีความคิดไอเดียอยู่แล้วว่าจะจับเอาซูเปอร์สตาร์ทั้งวิลลี่ เปิ้ล หอย และ โก๊ะตี๋มารวมกันซึ่งทั้ง 4 คนนี้ก็ทำรายการฮาจะเกร็งด้วยกันกับเราอยู่แล้ว เราก็พอจะมองออกถึงความตลกของคนกลุ่มนี้ เราก็นั่งคิดนั่งประชุมกันจะเอาคาแรกเตอร์อะไรให้คนพวกนี้เล่นดี ที่นี้ด้วยจินตนาการและภาพในอดีตที่เราเคยเห็นพี่ๆที่เป็นคนขับรถสิบล้อเรารู้สึกว่าคนพวกนี้ค่อนข้างที่จะมีบุคลิกเฉพาะตัวของเขาอยู่ แล้วพอนึกถึงรถสิบล้อหน้ายาวที่เราเคยเห็นในสมัยก่อน มันก็ค่อนข้างจะหมดไปแล้ว รู้สึกว่าบรรยากาศแบบนั้นมันไม่ค่อยจะได้เห็นในหนัง ซึ่งคนเขียนบทเขาเสนอมาว่าพี่เอาเป็นสาระแนสิบล้อไหม ก็เลยมาปั้นไอเดียนี้ขึ้นมาเป็นพล็อตจนกลายมาเป็นสาระแนสิบล้อ ทีนี้นอกจากพวก วิลลี่ เปิ้ล หอย และโก๊ะตี๋ มันก็น่าจะมีตัวละครใหม่ๆ สดๆ เข้ามาทำให้การเดินทางในครั้งนี้มันเร้าใจมากขึ้น ก็เลยมาลงตัวที่มาริโอ้ Q. อย่างนี้ก็ต้องมีการค้นหาข้อมูลของพวกคนขับสิบล้อด้วย P. ส่วนเรื่องราวหลักๆ ในหนังเรื่องนี้มันก็มาจากข้อมูลจริงของพวกขับสิบล้อ ซึ่งตอนนี้เขาวางมือมีครอบครัวกันหมดแล้ว เราก็ไปเอาข้อมูลนั้นมา แต่เราเอามาใช้แค่ 5 เปอร์เซ็นเองมั้ง (หัวเราะ) ที่เหลือก็ใส่กันแหลก แล้วพอมาได้คุยกับทีมงานแต่ละคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด โดยเฉพาะคนเขียนบทจะคุ้นเคยกับบรรยากาศของ 10 ล้อเป็นอย่างดี น้องบางคนพ่อเขาก็เคยเป็นเจ้าของรถ 10 ล้อ เรื่องราวต่างๆมันก็ถูกโยนลงมาในที่ประชุมเยอะแยะเลย ก็เลยคิดว่าเรื่องนี้แหละที่ยังไม่เคยมีใครทำ แล้วเราก็อยากได้หนังตลกที่มันออกแนวบ้านๆ คาแรกเตอร์จับต้องง่าย ไม่ต้องคิดมาก การเดินทางของ 10 ล้อมันก็เริ่มขึ้น แล้วช่วงนั้นผมเดินทางบ่อยด้วย แล้วเดินทางแต่ละครั้ง 7-8 ชั่วโมง มันก็เกิดไอเดียจินตนาการต่างๆ มากมาย แวะปั๊มเข้าห้องน้ำ เจอนั้นเจอนี่ต่างๆ และด้วยประสบการณ์ต่างๆก็ถูกโยนเข้ามาจนกลายมาเป็นพล๊อตเรื่องต่างๆ ของสาระแนสิบล้อ Q. ในภาพยนตร์เรื่องสาระแนสิบล้อมีการเลือกวางคาแรกเตอร์ดีไซดน์ตัวละครต่างๆ ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง P. คือในสาระแนสิบล้อก็จะมีหอยกับโก๊ะตี๋เล่นเป็นฝาแฝดกัน มีเปิ้ลเล่นเป็นน้าเช อย่าง 3 คนวิลลี่ เปิ้ล หอย ที่เราทำงานด้วยกันมานาน ก็ค้นพบว่าแค่จับพวกเขาไปใส่ในคาแรคเตอร์ใดคาแรคเตอร์หนึ่ง เขาจะถนัดกว่าที่จะเล่นเป็นตัวเอง เราก็เลยมานั่งนึกกันดูว่าถ้าอย่างนั้นเปิ้ลก็น่าจะเปลี่ยนคาแรกเตอร์จากตัวจริงให้กลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย ส่วนหอยกับโก๊ะเขาเรียกร้องไว้นานแล้วว่าอยากจะเล่นเป็นแฝดกัน ส่วนวิลลี่เคยคุยกับเขาหลายหนว่าลองพลิกบทบาทจากพระเอกดูบ้างมั้ย เบื่อมั้ยกับบทพระเอก ซึ่งวิลลี่ เขาก็เสนอมาเองเลยนะให้เขาเล่นในบทนี้เถอะ เป็นแมงดา และค่อนข้างโหดหน่อย คาแรกเตอร์ทั้งหลายมันก็เลยเกิดขึ้นมา ซึ่งตัวละครในหนังเรื่องสาระแนสิบล้อ มันจะออกมาในมู้ดลักษณะที่ว่าเคยเห็นมั้ยแบบพวกคนหลงยุค บางคนอยู่ในยุคเอลวิส ก็ยังเป็นเอลวิสอยู่ บางคนชอบพี่แอ๊ด ก็ยังเป็นพี่แอ๊ดอยู่ บางคนชอบคาวบอยก็แต่งเป็นคาวบอย ผมว่าคาแรกเตอร์แบบนี้มันมีเสน่ห์ เราก็เลยจับมาใส่ในสาระแนสิบล้อ มันเหมือนเป็นหนังหลงยุคร่วมยุคร่วมสมัย ซึ่งไม่มีการย้อนยุคใดๆ ทั้งสิ้น แต่คนพวกนี้ก็ยังอยู่ในปัจจุบัน แต่วิธีการใช้ชีวิต การแต่งตัวเขาประหลาดออกไปเท่านั้นเอง Q. อะไรคือเสน่ห์ของหนังอย่างสาระแนสิบล้อ P. ผมว่าคาแรกเตอร์ของแต่ละคนในหนังเรื่องนี้แหละ มันเป็นคาแรกเตอร์ของคนที่มีปมทั้งสิ้น ซึ่งมันไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ หรือคาแรกเตอร์ของเด็กหน้าห้องที่เรียนหนังสือเก่ง คือเป็นพวกที่โดนทิ้งบ้าง บางคนอาจจะดูแมน แต่จิตใจอ่อนไหว บางคนเป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อ แต่ไม่มั่นใจในตัวเอง คือไม่มั่นใจว่าตัวเองจะไปในทิศทางไหน จะเป็นตุ๊ดหรือจะเป็นแมน คือพฤติกรรมของตัวละครในหนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่เราเลือกมาเพื่อที่จะให้มันดูแตกต่างจากสิ่งที่เคยเห็นในปัจจุบัน มันเหมือนรวบรวมเอาคนมีปมเข้ามาไว้ในหนังเรื่องนี้ แล้วเสน่ห์อีกอย่างก็คือรสชาติของหนัง ในระหว่างที่เดินทางไปกับสิบล้อ คือมันมีทุกแบบ ความรักก็เกิดขึ้น การผจญภัยก็เกิดขึ้น เพราะว่าตัวคนขับสิบล้อโจทย์มันเยอะ การเดินทางแต่ละครั้ง มันอาจจะกวาดถนน เฉี่ยวมอเตอร์ไซค์หรือสร้างสร้างราวเอาไว้ ซึ่งนี่แหละกรรมเวรจะตามมาเก็บน้าเชในหนังเรื่องนี้ ซึ่งมีทุกรูปแบบ อาจจะเรียกหนังเรื่องนี้ได้ว่าตลกมีปม หรือตลกไม่ปกติ ซึ่งทีมงานกับเราก็เรียกกันว่า abnormal comedy ตั้งชื่อมันขึ้นมาทุกเรื่อง เรื่องที่แล้วก็ reality comedy เรื่องนี้ก็ abnormal comedy Q. ถ้างั้นคงต้องให้เล่าถึงเรื่องราวของสาระแนสิบล้อ P. เรื่องมันเกิดขึ้นมาจากเอก เป็นเด็กมัธยมปลายและมีพฤติกรรมชอบอยู่กับเพื่อนที่เป็นแก๊งค์เชียร์ลีดเดอร์ ซึ่งก็มีแต่ตุ๊ดกับผู้หญิงทั้งนั้น แล้วพ่อเขาเป็นครูฝ่ายปกครองก็ไม่มั่นใจในตัวลูกว่าจะแมนรึเปล่า พอเริ่มกลัวก็เลยส่งไปอยู่กับน้าเชเป็นคนขับสิบล้อ และมีเด็กรถคืออู๊ดกับแอ๊ดตัวแสบ พอเอกไปเจอน้าเชน้าเชก็มีความจำเป็นต้องไปส่งของ ก็ต้องร่วมผจญภัยไปด้วยกัน แล้วระหว่างทางน้าเชก็มีภารกิจก็คือต้องสอนให้เอกได้เรียนรู้ความเป็นลูกผู้ชาย และในระหว่างทางเอกก็ได้รู้จักความรักหรือเรื่องราวต่างๆ ที่น้าเชได้สอนไป รวมไปถึงความแสบของน้าเช กรรมเวรที่น้าเชเคยก่อไว้ รวมถึงโจทย์เก่าที่จะตามมาเอาคืน เอกก็เลยต้องรับชะตากรรมนั้นไปด้วย ซึ่งก็ทำให้เกือบเอาตัวไม่รอด แก๊งค์สิบล้อก็ต้องผจญภัยผ่านภารกิจเหล่านี้ไปให้ได้ Q. ฟังๆ ดูแล้วตัวหนังน่าจะรวมทุกรสชาติและอารมณ์ที่หลากหลายเลยทีเดียว P. คือหนังเรื่องสาระแนสิบล้อมันรวมอะไรไว้ทุกอย่างเลย เป็นหนังโร้ดมูฟวี่ด้วย แล้วก็ เป็นหนังตลกที่มีทุกกลิ่นที่เราคิดว่าคนไทยน่าจะชอบ อย่างแรกคือการรวมเอาบรรดาซูเปอร์สตาร์ไว้ด้วยกัน อย่างเรื่องคิวกว่าจะจับเขามารวมกันได้ก็ยากพอสมควร และอีกเรื่องหนึ่งก็คือเอ็ฟเฟ็กท์ ซึ่งพวกเราก็ลองทำกันดู เพื่อความสนุกสนานของผู้ชม ลองทำอะไรที่เราไม่เคยแตะต้องเลย และจะได้เห็นคาแรกเตอร์ของดาราเหล่านี้ในหนังเรื่องไหน คือมันเหมือนกับว่าดารานำต่างๆ เขาอยากจะร่วมสวมคาแรกเตอร์ในเรื่องนี้ด้วยความสนุกสนาน อย่างชมพู่ก็เป็นหนังเรื่องแรก ก็ยังเป็นห่วงว่าจะไปลุยกับคนพวกนี้ได้อย่างไรในเมื่อฉันสวยอยู่ แต่ว่าก็ยังกระโดดลงมาร่วมวงได้อย่างเนียน และอย่างหนังเรื่องแรกที่เราทำเป็นหนังแคนดิด เราไม่มีโอกาศที่จะเซ็ทอะไรแบบนี้ สิ่งที่เก็บกดไว้มันก็ออกมาในหนังเรื่องนี้หมด ไม่ว่าจะเป็นฉากหลายๆ ฉากที่คนเขียนบทหรือว่าพวกเราเคยคิดไว้ และเอ็ฟเฟ็กท์ที่พวกเราลองทำดูเป็นเรื่องแรก ก็ใหญ่โตมโหราฬและต้องมีอะไรตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมได้ดูแน่นอน และก็น่าจะมีอะไรเซอร์ไพรซ์เล็กน้อย อย่างส่วนใหญ่คนเขียนบทคิดอะไรมาเราก็จะช่วยเพิ่มเติม ดันความคิดเขาให้มันทะลุเลย บางครั้งเราก็ดันทุลัง อย่างเรื่องนี้ก่อนทำเราก็มีปรึกษาจากคนที่เคยทำภาพยนตร์มาก่อน เขาก็บอกมาว่าอย่าทำเลย ถ้าทำแล้วมันต้องใช้เวลาเป็นปี อันนั้นเราก็จะลดลงมา แต่ถ้าอันไหนเขาบอกว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ เราก็รีบคว้าเลย แต่พอได้ลองเท่านั้นแหละ ก็แทบกระอักเหมือนกัน ในแต่ละฉากที่คิดขึ้นมานะ Q. ใช้เวลาในการเตรียมงานหรือเสาะหาข้อมูลนานไหมกว่าจะออกมาเป็นสาระแนสิบล้อ P. ใช้เวลาไม่นานนะ คือทางผู้อำนวยการสร้างบอกให้ทำเรื่องใหม่ เราก็เตรียมตัวกับปุ๊ปปั๊บจนกลายเป็นหนังเรื่องนี้เลย มันเหมือนกับเราเคยอั้นมาจากการทำแคนดิด แต่เรื่องนี้เราปั้นมันขึ้นมาใหม่ แต่เราก็มีของที่เตรียมและคิดไว้กันเยอะ อันไหนที่พอได้กับหนังเรื่องนี้เราก็เอามาใส่ แล้วอันไหนที่ลองใส่ไปลองมันใช้ไม่ได้เราก็เอาออกไป มันก็เลยใช้เวลาไม่นาน รวมทั้งข้อมูล ของคนขับสิบล้อที่เราไปหาข้อมูลกันจริงๆ มันก็เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์และรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ นะ ถ้าใครได้รู้จักชีวิตของคนขับสิบล้อในสมัยก่อนจริงๆ จะสนุกสนานมาก แค่ใส่ไข่เพิ่มไปเท่านั้นเอง ชีวิตเขาในหนังแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่เราใส่ไข่เข้าไปแค่ 95 เปอร์เซ็นต์เอง (หัวเราะ) Q. เรียกได้ว่าเป็นการสานฝันของเหล่าสาระแนที่อยากจะทำหนังที่มีบทเป็นชิ้นเป็นอันซะที P. ครับ ก็เป็นการสานฝันตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้วที่เราเคยคิดกันไว้ในตอนทำรายการทีวี ที่เราอยากจะทำหนังที่มีบท ซึ่งนี้ก็เป็นเรื่องแรกที่เราได้สานฝัน แต่พอได้เริ่มทำตามความฝัน คือหนังเรื่องนี้มันถ่ายกลางคืนเยอะ ก็เลยรู้ว่าที่เขาไม่คิดจะทำหนังกลางคืนก็เพราะว่ามันจะมีอุปสรรคต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคิวนักแสดง หรือแม้จะขยับอะไรก็ตามในตอนกลางคืนคือมันเป็นเวลาหมดเลย มันจะมีเวลาในการทำงานช้าลง และก็เข้าใจพี่ๆ ว่าอ๋อ การทำงานบางอย่างจะมีรูปแบบของมัน เหมือนถ้าใครจะทำหนังผี ผีมันต้องเกิดขึ้นในอพาร์ทเม้นท์ หรือว่าผีปอบที่ออกมาตอนกลางวันได้ หรือว่าการถ่ายทำบนรถสิบล้อ การถ่ายทำในขณะที่เดินทาง มันเป็นเรื่องเป็นราวและมีเหตุการณ์ที่วุ่นวายพอสมควร และหนังเรื่องนี้มันเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับมือใหม่อย่างเรา เราก็ไม่แน่ใจว่าคนที่เคยทำหนังแอ็กชั่น หรือว่าบู๊อย่างนี้จนเชี่ยวชาญคงไม่ยากสำหรับเขาหรอก แต่พอเราเริ่มทำ หนังเรื่องแรก แทนที่เราจะทำหนังที่มีแต่บทพูดตลกๆ ฉากไม่ต้องเยอะ แต่เราดันมาทำหนังเดินทางซึ่งเปลี่ยนทุกฉาก สถานที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันก็เลยเป็นความยากในการทำหนังเรื่องนี้ ที่เริ่มจากคนเขียนบทที่ไม่เคยเขียนบท ไม่เคยรู้ว่าแบบฟอร์มในการเขียนบทเป็นอย่างไร คือเราก็รู้ว่าคนที่เขาเขียนบทเก่งๆเขาก็จะนับจำนวนหน้าถึงจะรู้ว่าครบตามจำนวนเวลากี่ชั่วโมง แต่คนเขียนบทเรื่องนี้มันเล่นมาตั้ง 70 ฉาก แต่ในแต่ละฉากของเขามันก็มีของ คือจะตัดแต่ละฉากมันก็เสียดาย ก็เลยทำเต็มที่ตามฉากที่น้องเขียน โลเกชั่นในเรื่องนี้ก็ค่อนข้างเยอะ เป็น 10-20 ฉากในแต่ละจุดที่ 10 ล้อมันจะเดินทางไป ก็วุ่นวาย แล้วด้วยสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา และด้วยการแต่งกาย การเข้าฉากของตัวเมนเอาแค่วิลลี่ เปิ้ล หอย และโก๊ะ การแต่งตัวก็ 2 ชั่วโมงเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว กว่ากล้องจะติดบนรถอีก กว่าจะได้ถ่ายก็เกือบเที่ยงคืน อย่างทีมงานของสาระแนสิบล้อมันก็คือทีมงานที่ทำทีวีที่ทำฮาจะเกร็งหรือสาระแน คือพอมีเวลาจากรายการเราก็ต้องมาทำหนัง เพราะเป็นคนที่เข้าใจทางตลกของ เปิ้ล หอย หรือโก๊ะอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะมีปัญหาคือน้องๆเหล่านี้ไม่รู้ระบบการทำหนัง ก็ต้องไปแอบบดู แม้กระทั่งการตีสเลทซึ่งมีสตาร์บักกับหลังเลนส์เป็นคนทำหน้าที่ประจำ ก็มีขานผิดขานถูก Q. การถ่ายทอดบรรยากาศแบบสิบล้อในหนัง P. คือที่มาของบรรยากาศเหล่านี้เราก็มีพื้นเพมาจากคนขับสิบล้อจริงๆ คือเราเห็นคนขับสิบล้อเราก็จะเห็นการแต่งตัวหรือทรงผมเหมือนคนที่อยู่ในบังโคลนรถที่เขาแต่ง บางคนก็แต่งตัวเหมือนตี๋ใหญ่ บางคนก็มีเรย์แบนเหน็บเหมือนเซอร์ปิโก้ สิบล้อบางคันก็มีเชกูวาร่าอยู่ท้ายรถ เราก็เอามาเหมาเอาว่าน่าจะเป็นไอดอลของคนขับสิบล้อ ตัวนำก็น่าจะเป็นหนึ่งในนี้สักคนหนึ่ง เราก็เอาเช กูวาร่ามา แต่จริงๆ แล้วนิสัยใจคอหรือว่าความรู้ของน้าเชคือแทบไม่มีเลย มันก็แค่เป็นคาแรกเตอร์ที่เขาคิดว่าเขาเท่ห์ ส่วนอู๊ดกับแอ๊ดด้วยความเป็นฝาแฝดเราก็ต้องหาจุดที่ทำให้โก๊ะกับหอยนั้นทำให้คล้ายกัน มันก็ต้องดัดแปลงด้วยเรื่องของทรงผมและแว่นตา มันก็พอทำให้เขาดูกลืนเข้ามาได้ แล้วอย่างผมคือเราดีไซน์ให้เขาเป็นอีกแบบหนึ่ง ให้เหมือนเด็กแนวแบบบ้านๆ เหมือนพวกเร็กโทรสเป็ก แต่หอยเขาเพิ่มให้ เขาขอเองว่าขอตัดเป็นทรงนี้ คือถ้าเห็นในหนังจะเห็นเลยว่าทรงผมนั้นหอยเป็นคนดีไซน์เอง ก็เลยโยงมาถึงอู๊ดด้วย โก๊ะก็ต้องยอมทำตาม แต่มันก็แฮปปี้ทั้งคู่ อย่างวิลลี่ ถ้าอยู่ในยุคก่อนที่สิบล้อยังแวะเข้าหาบริการข้างทางมันก็จะมีแมงดา ทีนี้วิลลี่ คาแรกเตอร์ที่เราเห็นจะเป็นแนวมาดหล่อ เท่ห์ แต่เราเห็นว่ามันมีอยู่ยุคหนึ่งที่คนเขาฮิต เหมือนอานิรุตติ์สมัยก่อน ไว้ผมแสกกลางรากไทร ซึ่งวิลลี่พอเห็นคาแรกเตอร์นี้เขาก็แฮปปี้ที่จะเล่น Q. พูดถึงวิธีการทำหนังในแบบสาระแน P. คือปกติหนังทั่วไปเขาใช้กันกล้องเดียว แต่อย่างเราอย่างต่ำ 3 กล้องเพราะว่านักแสดงอย่างเปิ้ล หอย โก๊ะตี๋เขาเป็นนักแสดงที่พอเราเล่าเหตุการณ์ที่มันจะเกิดขึ้นให้กับตัวละครเหล่านี้ที่มันจะเจอ ให้เขาฟัง เขาก็จะมีจินตนาการเพิ่ม ซึ่งเขาจะมีมุกสดที่เขาคิดไว้ในใจ ตอนซ้อมเขาจะไม่ปล่อยออกมาหรอก แต่เขาจะยิงออกมาตอนเทคแรก ซึ่งเทคแรกมันสด และก็สนุกที่สุด มันเหมือนเขาพร้อมที่จะปล่อยมุกสดออกมาในเทคแรก ซึ่งเรารู้อยู่แล้วเราเราทำงานกันมานาน ซึ่งกล้องเดียวมันไม่สามารถจับอารมณ์ชของเขาได้หมด เราก็เลยเตรียมกล้องไว้เลยในเทคแรก ส่วนเทค 2 หรือ 3 ก็เจาะเอาในส่วนที่ไม่ได้ หรือว่ามันเดินไปไม่ได้ตามเส้นเรื่องก็เติมให้ช่วยพูดเท่านั้นเอง การทำงานมันจะเป็นลักษณะนี้มากกว่า เพื่อความสดและความตลก เพราะถ้าเกิดให้คนพวกนี้ทำเทค 2,3,4 ซ้ำ มันก็จะไม่ได้ ทุกอย่างมันจะสดและดีที่สุดในเทคแรกเท่านั้น และเราก็มีการทำสตอรี่บอร์ดวางแผนการทำงานเหมือนหนังทั่วไป แต่มันก็มีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ บางครั้งตัวแสดงอาจจะเล่นบิดไปจากความสดที่มันเกิดขึ้น เราก็ปล่อยไหลตามธรรมชาติ เพราะนักแสดงเหล่านี้เขาเข้าใจคาแรกเตอร์ของตัวเองดี เวลาเขาหลุดไปจากไลน์แต่อาจจะไปเพิ่มความสนุกให้กับคนดู เราก็จะตามไปเก็บ สตอรี่บอร์ดอาจจะเป็นฉบับร่างของการทำงาน แต่มันก็ไม่ได้เป๊ะตามสตอรี่บอร์ดนัก คือมันก็มีความสด ขึ้นทุกฉาก ตัวหลักเราก็มี น้าเช อู๊ดแอ๊ด แต่มาริโอ้เขาเหมือนเป็นเด็กที่ถูกโยนเข้าใส่กลุ่มสิบล้อ ฉะนั้นแก๊งค์สิบล้อมันก็จะมีทั้งแกล้ง นอกบททำให้มาริโอ้หลุด ซึ่งมันก็จะได้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ โอ้อาจจะหลุดขำ แต่มันก็คิดได้ว่าเด็กคนหนึ่งที่มาอยู่กับน้ามันก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ที่จะออกอาการแบบนี้ มันก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับการที่มาริโอ้จะหลุดมากมาย Q. ยังคงคอนเซ็ปท์ไม่รักไม่แกล้ง P. คือมันก็เป็นการทำงานแบบของเรา คือถ้ามันเกิดอะไรขึ้นสักอย่างโดยที่อีกคนไม่รู้มันก็น่าจะตื่นเต้นดี มันก็มีบางฉากที่วิลลี่เข้าฉากกับเปิ้ล เราก็มีเตรียมกับวิลลี่ไว้โดยที่เปิ้ลเขาไม่รู้ วิลลี่อาจจะเล่นอะไรอกมาโดยที่เปิ้ลนึกไม่ถึง ก็ต้องไปคอยชมเอาเอง แต่มาริโอ้ก็มีบ้าง แต่อาจจะไม่แรงเท่าที่เปิ้ลเจอ จริงๆมันก็เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของภาพยนตร์ แต่มันไม่ใช่เทคนิคของเรานะ เพราะคนทำหนังในโลกนี้เขาก็ใช้เทคนิดนี้มาเยอะแล้ว บางทีการแสดง มันไม่เท่ากับความสดที่มันรู้สึกจริง บางทีแสดงไปเหอะ 3-4 เทคมันก็ยังไม่ได้อารมณ์จริง สู้เราบอกแค่ครึ่งเดียว และอีกครึ่งหนึ่งให้เขารู้สึกกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นตรงหน้าเลย มันถึงจะได้ความสด ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างที่ต้องการ Q. มีอะไรที่บ่งบอกถึงลายเซ็นต์หรือลายมือของทีมสาระแน P. คือมันไม่เรียกว่าลายมือ ถ้าจะบอกว่าลายมือหรือการเล่าเรื่องในแบบสาระแน ผมว่ามันออกมาแบบธรรมชาติ เป็นพฤติกรรมของคนทำงานที่นี้มากกว่า มันเกิดมาจากการที่เราทำงานกับคนที่มีอารมณ์ขัน เวลาทำงานเราก็ชวนกันสนุกมากกว่าซีเรียสที่จะทำงานให้เสร็จทุกอย่าง อย่างโก๊ะตี๋เขาจะชัดเจนมากในเรื่องของจังหวะตลก แม้กระทั่งคนทำพร๊อพหรือทำไฟ เขาก็มีส่วนร่วมในการทำหนังเรื่องนี้ คือทำงานด้วยความสนุกมันจะไม่เหนื่อย มันคงไม่ใช่ลายมือของเรา แต่มันเกิดมาจากวิธีการ ถ้าเราได้คนทำงานคนใหม่ๆรูปแบบในการทำงานมันอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้มั้ง มันอาจจะเปลี่ยนไปเป็นคาแรกเตอร์อีกแบบหนึ่ง ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ และที่สำคัญทีมงานของเราอยู่ด้วยกันมานานจนรู้และทันความคิดของกันและกัน ซึ่งผมว่ามันก็เป็นเรื่องดี เพราะคนเดียวมันไม่สามารถคิดได้หมดหรอก มันอาจจะเกิดความขัดแย้ง แต่ถ้าขัดแย้งแล้วเรื่องของเขามันดีกว่าของเราๆ ก็ต้องยอมรับฟัง Q. พูดถึงนักแสดงแต่ละคนกับแต่ละคาแรคเตอร์ใน “สาระแนสิบล้อ” เริ่มจากที่มาริโอ้ P. คือก่อนที่จะทำหนังเรื่องนี้ตัวมาริโอ้เองมีความสนิทสนมกับเปิ้ล หอย บางทีมางานแต่งงานเปิ้ล หรือมากินโคขุนที่ร้านเปิ้ล แล้วผมเห็นมาริโอ้ ผมว่าเขาคือเด็กคนนั้น เขาคือเอกเด็กม.ปลายที่ค่อนข้างเรียบร้อย คือในขณะที่คนอื่นเขาสนุกสนานกัน มาริโอ้พร้อมที่จะไปอยู่ตรงริมและแอบดูเขาสนุกกัน มันมีอารมณ์นั้นอยู่ ก็เลยมองว่ามาริโอ้นั้นเป็นเอกจริงๆ ที่เรามองภาพนั้นไว้ ก็เลยเลือกเขามา แล้วจริงๆ มาริโอ้เขาก็เคยเล่นคาแรกเตอร์แบบนี้ ที่แบบเบี่ยงเบน แต่ของเรามันเบาสมอง และก็ไม่ต้องลึกอะไรมาก และธรรมชาติของมาริโอ้ที่เขามีอยู่คือเขาเป็นคนที่มีอารมณ์ขันนะ ซึ่งเราก็ได้เห็นเวลาเขาเข้าฉากกับเปิ้ล หอย หรือโก๊ะตี๋ มันอาจเกิดมุกที่ต้องตอบโต้มุกพี่ๆ เขาแบบทันควัน คือมาริโอ้เขาก็ใช้ได้ Q. คาแรกเตอน์ของเอกที่วางไว้ P. เอกจะเป็นเด็กมัธยม ติ๋มๆ ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนเชียร์ลีดเดอร์ที่เป็นตุ๊ดกับผู้หญิง ซึ่งพ่อเองก็เป็นคนเจ้าระเบียบ ก็เลยเกิดความสับสนในใจว่าฉันจะไปทางไหนดี ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ Q. มีหลายๆ ซีนประทับใจเกี่ยวกับตัวโอ้เองในการทำงานของหนังเรื่องนี้ P. ไม่ว่าจะเป็นซีนที่เขาได้เจอน้าเช และอู๊ดแอ๊ดวันแรก พวกน้าๆ เขาก็ต้อนรับหลานๆด้วยการเลี้ยงเหล้า ซึ่งเปิ้ล หอย โก๊ะตี้เขาก็แอบเตรียมมุกสดไว้เพียบ ซึ่งมาริโอ้ก็ไม่รู้ ซึ่งมาริโอ้ก็ต้องไหลไปตามพี่ๆ เขา และก็เอาตัวรอดได้ เป็นธรรมชาติ มันมีเคมีที่อยู่ร่วมกันได้ ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่แน่แต่โชคดีคือพอโยนมาริโอ้ใส่ลงไปในสามคนนี้แล้วเขาเทคแคร์กัน มันเหมือนพี่ก็เอ็นดูน้อง น้องก็อยากจะเล่นกับพี่ เวลามีอะไรที่หลุดหรือต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามันก็ยังต่อกันไปได้ ฉากนี้ก็ฮา หรืออย่างฉากที่เอกต้องมานอนกับน้าเชคืนแรก แล้วน้าเชเขาก็ไม่มีห้อง บ้านเขาก็จนๆ ก็ต้องนอนด้วยกันกับเอก แล้วต่างคนต่างเมา พอเช้าตื่นขึ้นมาผ้าขาวม้าน้าเชก็หลุดลุ่ย แล้วน้าเชก็ปรักปรำเอกว่าทำอะไรน้ารึเปล่า ซึ่งมาริโอ้เจอดอกนี้เข้าไปก็กลั้นขำไม่อยู่ รวมไปถึงซีนกุ๊กกิ๊กของมาริโอ้กับน้องอรซึ่งเป็นนางเอกใหม่ครั้งแรก เขาก็เกร็งๆ ทั้งคู่นะ แต่คืนนั้นมาริโอ้ต้องทำการบ้านเยอะหน่อย ต่อบทกับน้องอร ชวนน้องคุย ซึ่งเขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอสมควรนะ คือเป็นนักแสดงรุ่นพี่ที่ทำให้รุ่นน้องไม่เกิดความกังวลเวลาเข้าฉากด้วยกัน เขาดูเทคแคร์น้องดี หรือแม้แต่การที่เป็นครั้งแรกที่พระเอกรุ่นเดอะอย่างวิลลี่ กับมาริโอ้ซึ่งเป็นพระเอกวัยรุ่นมาแรง ที่มาเจอในเรื่องนี้ แต่วิลลี่เปลี่ยนคาแรกเตอร์ตัวเองไปเป็นแมงดาจอมโหด ซึ่งก็มาวัดกับเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าจะแมนหรือไม่แมน แล้ว 2 คนนี้เข้าฉากด้วยกันก็ดูราบรื่นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกครั้งที่น้าหลานเปิ้ลกับมาริโอ้ต้องแสดงด้วยกัน พูดได้ว่าตัวเปิ้ลเองมีความพร้อมอยู่แล้วทั้งในจอและนอกจอ คือนอกจอมันก็มีความคิดที่อยากจะแกล้งมาริโอ้ตลอด แต่ในเรื่องน้าเชก็ต้องสอนหลานให้เป็นแมนมันก็เลยเป็นทางเดียวกันที่จะเดินไปในหนัง มันก็เป็นความสุขของนาคร ศิลาชัย ที่ได้แสดงร่วมกับมาริโอ้ เมาเร่อ อย่างวันแรกเขาอาจจะมีมุกสด ที่ตัวมาริโอ้ต้องคอยตั้งรับให้ดี พอถึงช่วงสุดท้ายพี่ๆเขาก็เริ่มเอ็นดู อย่างโก๊ะเขาก็จะมีฝากของให้มาริโอ้เล่นบ้าง โอ้เขาก็จะเริ่มมีมุกอะไรออกมา มันก็เป็นพัฒนาการของตัวละครในนั้นด้วย ซึ่งพอถึงเวลาเปิ้ลก็ไม่รู้มุกนี้ ก็เลยกลายเป็นเปิ้ลกับหอยขำบ้าง กลายเป็นความสด ก็เฮฮากันหน้ากองตรงนั้น แต่ก็เล่นต่อไปจนจบฉาก Q. การทำงานร่วมกับสาวฮอตอย่างชมพู่ที่ประเดิมหนังเรื่องแรกในชีวิตกับทีมสาระแน P. ชมพู่เขามาเล่นเป็น ดาว เป็นสาวชาวบ้านที่ใสซื่อ น่าสงสาร ซึ่งก็ต้องขอบคุณชมพู่ที่มาเล่นให้ เพราะก็มีหนังฝรั่งมาติดต่อให้เขาเล่น รู้สึกจะบทเดียวกันด้วย คือเป็นสาวขายบริการนี่แหละ แต่ก็ไม่รู้ทำไมชมพู่ถึงมั่นใจทีมงานสาระแนสิบล้อ ก้ต้องขอบคุณเขา สวรรค์มีไม่เอา แต่ดันมาทางนี้ เขาก็เป็นคนที่แบบไม่ต้องไปห่วงเขาเลย คือเขาทำการบ้านมาดีมาก ในแต่ละฉากแทบจะไม่ต้องกำกับเลย พอเราบรีฟอะไรไปเขาก็จะบอกว่าอ๋ออย่างนี้ใช่มั้ยพี่ หรือจะเป็นฉากต่อเนื่อง อย่างฉากที่แล้วชมพู่ร้องไห้ ฉากนี้ก็ต้องมีคราบน้ำตานะ เราก็สั่งทีมงานไปเอาน้ำตาเทียมมาให้ชมพู่ เขาก็บอกว่าไม่ต้อง แป๊บเดียวน้ำตาชมพู่ก็ไหลมาแล้ว คือเขามืออาชีพมาก Q. ชมพู่กับสิ่งที่ได้เจอในการเป็นนางเอกหนังตลกของสาระแน และสิ่งที่แฟนๆ จะได้เห็น P. คือเขาก็เป็นคนสวย แล้วมาเล่นหนังตลก ซึ่งเขาก็ไปได้สวย แต่จะมาสวยอย่างเดียวในสาระแนสิบล้อมันก็ธรรมดาไป เขาก็สวยจริงแต่เราขอให้เขาขาเป๋ ซึ่งเขาก็โอเค แล้วเวลาที่เปิ้ลต้องเข้าฉากกับชมพู่เขาก็จะต้องมีเตรียม ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าอะไร ซึ่งเขาก็ไม่บอกทีมงาน ไม่บอกชมพู่ด้วย คือไปรอดูกันตอนเล่นเลย ก็มีฉากแรกที่เล่นกัน น้าเชเขาก็แต่งตัวทุกอย่างเรียบร้อย พอเล่นไปได้สักพักหนึ่ง เราก็สังเกตุว่าทำไมน้าเชไม่ค่อยยิ้มเลยว่ะ พอชมพู่หันไปถามว่าพี่ขับสิบล้อเหรอ น้าเชก็หันไปหาชมพู่แล้วก็ยิ้มแล้วก็เป็นฟันหลอ แล้วเปิ้ลมันก็หวังว่าชมพู่ต้องหลุด แต่ตัวชมเขาก็เฉยๆ เพราะเขามีสมาธิไง คือเวลาเปิ้ลเตรียมมุกสดอะไรไว้กับชมมักจะไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างสมาธิสูงมาก ก็เป็นเรื่องแรกที่เขามาเล่น แต่ก็มีฉากที่แสดงความสามารถหลายอย่าง อย่างงานวัดก็ต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีเป็นเพลงรำวง ก็ไปดูการร้องเพลงของชมพู่ที่ทำให้จิ๊กโก๊ตีกัน แล้วก็จะมีฉากที่วิลลี่เปิ้ล และ ชมพู่ที่เข้าฉากด้วยกัน ส่วนใหญ่คาแรกเตอร์ในหนังคือเจอกันไม่ได้ เพราะเจอกันแล้วมีเรื่อง แล้วเจอกันก็แบบซัดกันนัวเลยเป็นคิวบู๊ของเขา 2 คน โดยมีชมพู่เป็นตัวห้าม แต่น้าเชกับไอ้หรั่งก็ซัดกันแบบ คือมันไม่มีคิวบู๊แบบพี่พันนา พรือปรัชญา แต่มันเป็นคิวบู๊แบบวัดๆ ต้องไปดูกัน คือปกตินอกจอเปิ้ลเขาก็เป็นคนอำเก่ง ซึ่งวิลลี่เขาก็ไม่มียอมอยู่แล้ว แล้วพอมาเล่นเป็นศัตรูกันก็ยิ่งไปกันใหญ่ แล้วยิ่งเล่นแอ๊กชั่นด้วยกันอีก คือใครพลาดก็เจ็บตัว Q. การทำงานของโก๊ะตี๋กับหอยที่บ้าพลังสุดๆและสปิริทแรงสุดๆ P. 2 คนนี้ไม่ยากในการเล่นเป็นแฝดนรกของทั้งคู่เพราะว่า เขาขอมาว่าอยากเล่นเป็นแฝดกันนานแล้ว และเขาเตรียมคาแรกเตอร์ของเขามาพอสมควร เดิมเราก็ได้เตรียมคาแรกเตอร์พวกทรงผมไว้ให้เขาประมาณหนึ่ง แต่หอยกับโก๊ะเขาจะมีแนวทางของเขาเอง อย่างทรงผมในหนังก็เป็นทรงที่หอยเขาดีไซน์ขึ้นมาเอง แต่พอเข้าฉากด้วยกัน 2 คนนี้ก็มีเตรียมกันเองมีวางแผนโดยเฉพาะโก๊ะตี๋ เป็นเหมือนผู้กำกับคิวตลกอีกคนหนึ่งเลย จะช่วยในหนังเรื่องนี้มาก มุกบางมุกโก๊ะตี๋ก็จะนำเสนอมาให้ ประสบการณ์ของโก๊ะตี๋ในการเล่นตลกลิเกมาตั้งแต่เด็ก พอมาร่วมงานด้วยก็ทึ่งเหมือนกันนะ เพราะเขาเก่งเรื่องกล้อง มุมกล้อง หรือว่าเรื่องตลก โก๊ะตี๋เขาค่อนข้างเซียนมาก คือแฝดนรกอู๊ดแอ๊ดต้องรับบทหนักพอสมควร หนึ่งคือชุดเดียวทั้งเรื่อง เพราะเด็กรถไม่ยอมเปลี่ยนชุด หอยเขาจะมีชุดเดียวกางเกงก็ใส่ตัวเดียว ขนาดซักกางเกงยังไม่ถอดออกจากขาเลย และการผจญภัยไปกับสิบล้อ สองคนนี้ค่อนข้างสะบักสะบอมที่สุด ทั้งลงโคลนตอนดึกๆกลางคืน อยู่ในบ่อบัวแช่น้ำครึ่งคืน แม้กระทั่งวิ่งหนี สองคนนี้ สปิริทสูงมาก บางทีถ่ายทำทั้งคืน ถึง 6 โมงเช้า โก๊ะพอถึงตี 5 แบทเริ่มจะหมด ก็จะมีหลับ แต่โก๊ะบอกขอให้ปลุกเถอะ พอปลุกปุ๊ปโก๊ะเปิดปั๊บเลย ก็เล่นได้ต่อ Q. กับนางเอกน้องใหม่ น้องอรพัทธ์ธีรา ศรุติพงศ์โภคิน P. น้องอรเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เราแคสมาจากนักแสดงหลายร้อยคน คือเขาไม่ได้มาเอง แต่ทีมงานของเราไปเดินหาแถวสยาม แล้วไปเจอน้องอร คนหนึง่ประกบซ้าย อีกคนประกบขวา น้องเขาก็กลัวนึกว่ามิจฉาชีพเขาก็จะหนี เราก็เลยอธิบายว่าเป็นแมวมองมาดูดารา เขาก็เลยยอมมาแคสติ้ง ซึ่งเราก็เห็นความเป็นธรรมชาติของน้องอร ก็เลยให้เขามารับบทเป็น บีบี ซึ่งเขาก็ทำได้ดี มีพัฒนาการ Q. คาแรกเตอร์ของบีบี P. คือมันเป็นเด็กสาวชาวบ้านที่ค่อนข้าง กล้า ซ่า ไม่กลัวใคร และมันก็มีฉากที่ต้องให้เขาเล่นหลายบทบาทเหมือนกันมันก็ต้องมีทั้งเศร้า แอ็กชั่น เลิฟซีนกับมาริโอ้ มันก็เป็นงานที่ค่อนข้างหินกับนักแสดงหน้าใหม่ แต่เขาก็ทำได้ดี ก็น่าจับตาดู แล้วจะมีอยู่ฉากหนึ่งที่เขาต้องเสียใจที่ต้องจากกับมาริโอ้ มันเป็นฉากที่เขาต้องเสียใจร้องไห้ พอเล่นจริงเขาก็ทำได้ดีระดับหนึ่งนะ เราก็พอใจก็เลิกกอง แต่หลังจากนั้น 10 นาทีน้องอรเดินมาสะกิดแล้วบอกขอเล่นใหม่ได้มั้ย คือหนูคิดว่าทำได้ดีกว่านั้น แล้วหันไปดูน้ำตายังไหลพรากอยู่เลย ยังอินกับบทนั้นอยู่ ก็เป็นความตั้งใจของน้อง Q. พูดถึงพระเอกตลอดกาลอย่าง วิลลี่ แมคอินทอช P. วิลลี่คือคาแรกเตอร์เขาค่อนข้างเหมือนเด็กโต ขยันซน ขยันปล่อยมุก ขยันคุยสนุกสนานกับทีมงานในบริษัท แต่พอออกมาในรายการเราก็จะเห็นวิลลี่ในมาดพิธีกรต้องพูดความจริง ฉะนั้นเรื่องคาแรกเตอร์ตลกก็ให้แกเก็บเอาไว้หน่อย ส่วนเรื่องนี้วิลลี่ขอหลุดไปจากวิลลี่คนเดิม ก็เลยให้เขาเปลี่ยนอย่างสุดขั้วเลยดีกว่า เขาเลยขอเล่นเป็นแมงดา เราก็โอเคได้เลย ก็มาดูวิลลี่มาเล่นเป็นแมงดาจอมโหดกัน Q. ทำไมคนถึงต้องมาดูสาระแนสิบล้อ P. ก็อยากจะชวนมาชมสาระแนสิบล้อ เพราะว่าหนังเรื่องนี้ทีมงานเราตั้งใจทำเพื่อให้เป็นหนังสำหรับคนไทยบ้านๆ ชาวบ้านชาวช่องดูกันได้อย่างง่ายๆสบาย เบาสมอง ตามสไตล์สาระแน และมีอะไรให้เซอร์ไพรซ์แน่นอนสำหรับสาระแนสิบล้อ Q. สาระแนสิบล้อ สะท้อนถึงบทบาทในฐานะการเป็นคนทำหนังที่เต็มตัวขึ้นของทีมสาระแน P. คือทุกคนชอบหนังกันหมด ไม่ว่าจะเป็นวิลลี่ เปิ้ล หอย หรือว่าเป้ พอเราว่างจากการทำรายการ เราก้จะมานั่งคิดกันว่าถ้าจะทำหนังเราจะทำแนวไหน พล็อตน่าจะเป็นอย่างไร ก็ฟุ้งกันมา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกที่มีบทที่มันผุดขึ้นมาจากไอเดียของเรา และทุกคนก็ชอบกับไอเดียนี้นะ เพราะทุกคนได้เริ่มแสดงแล้ว และต่างก็มีส่วนร่วมในการคิดคาแรกเตอร์ของตัวเอง วิลลี่เขาเป็นคนคิดคาแรกเตอร์เขาเองคือหนีจากคาแรกเตอร์ที่เขาเคยเป็น ส่วนหอยกับโก๊ะตี๋เขาก็อยากเล่นเป็นแฝดกันมานานแล้ว มันก็เลยเอามารวมกันในเรื่องนี้ ที่เหลือก็คือร่วมสร้างสถานการณ์ในการดินทางของน้าเช ซึ่งเป็นคนขับสิบล้อว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง พอก้าวมาถึงตรงนี้มันก็เริ่มชัดเจนขึ้น ก็มีอยู่อย่างเดียวคือวางรากฐานของการทำงานเรื่องต่อไป ว่าเราคงต้องมีทีมงานที่มีความรู้เรื่องหนังมากขึ้น จากการทำงานทีวีแล้วมาเป็นภาพยนตร์ ควรจะมีการปรับตัวอย่างไร เปิดรับสิ่งที่คนอื่นพร้อมจะนำเสนอให้บริษัทและก็ยังพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้กำกับคนอื่นอยู่ถ้ามีบทมีอะไรมานำเสนอนะ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ