กรุงเทพฯ--15 มี.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงผลการปฏิบัติงานในการดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมถึงการเตรียมความพร้อม และการให้บริการต่างๆ ในการดูแลผู้ชุมนุมในช่วงที่มีการชุมนุม ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า)
จัดเทศกิจ น้ำดื่ม น้ำใช้ และรถดับเพลิง ประจำจุดชุมนุม
กทม. เจ้าหน้าที่เทศกิจดูแลด้านการจราจรและความปลอดภัยแก่ประชาชน อีกทั้งจัดรถสุขาเคลื่อนที่บริการเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมรวม 26 คัน และสุขาแบบน็อคดาวน์ 80 ห้อง จัดแท็งก์บริการน้ำดื่ม น้ำใช้ขนาด 1,600 ลิตร แก่ผู้ชุมนุมจำนวน 50 แท็งก์ จัดเตรียมรถดับเพลิงป้องกันเหตุอัคคีภัยจำนวน 424 คันพร้อมเจ้าหน้าที่ประจำรถ 1,800 คน พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง โดยจัดรถดับเพลิงและรถกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 61 คันในพื้นที่ใกล้เคียงกับการชุมนุม เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์ในจุดสำคัญ 32 จุด และสามารถให้เข้าถึงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือได้ อย่างทันท่วงที
เก็บขยะพื้นที่ชุมนุมราชดำเนินได้กว่า 37 ตัน
ทั้งนี้ในช่วงที่มีการชุมนุม กทม.ได้จัดเจ้าหน้าที่เก็บและกวาดมูลฝอยและดูดสิ่งปฏิกูล จากสำนักสิ่งแวดล้อม เขตพระนคร เขตดุสิต และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย รวมจำนวน 51 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่บริการ 540 คน ปฏิบัติงานวันละ 2 ครั้ง คือช่วงเวลา 08.00—13.00 น. และ 13.00—21.00 น. ปรากฏว่า ภายหลังจากที่ผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศไปยังกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ในเวลา 09.00 น.วันที่ 15 มี.ค. 53 เฉพาะในพื้นที่ที่มีการชุมนุมบริเวณบริเวณถนนราชดำเนิน สามารถจัดเก็บมูลฝอยได้ทั้งสิ้น 37 ตัน
จัดทีมแพทย์และพยาบาลพร้อมช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
นอกจากนี้กทม. ได้จัดทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลในสังกัด จำนวน 49 คันประจำอยู่ ณ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พร้อมช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน อีกทั้งรถพยาบาลเคลื่อนที่เร็วประจำ 6 จุด ได้แก่ บริเวณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ สี่แยก จปร. หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ลานพระบรมรูปทรงม้า นางเลิ้ง และสี่เสาเทเวศร์ นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลเอกชนร่วมเป็นเครือข่ายรองรับผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 แห่ง ซึ่งขณะนี้ มีผู้ใช้บริการจำนวน 255 ราย เป็นอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย อาทิ เป็นลม ปวดศีรษะ และอีก 11 รายมีอาการโรคประจำตัวจำเป็นต้องนำส่งโรงพยาบาล
นักเรียนกทม. ไม่กระทบอยู่ระหว่างปิดภาคเรียน
สำหรับโรงเรียนในสังกัดกทม. 435 โรงเรียน ขณะนี้อยู่ระหว่างปิดภาคเรียน แต่คณะครูยังทำงานปกติจนถึงวันที่ 31 มี.ค.53 ทั้งนี้การรับสมัครนักเรียนเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 102 โรงเรียน กำหนดระยะเวลาการรับสมัครวันที่ 13-17 มี.ค. ยกเว้นเขตปทุมวัน ดินแดง และราชเทวี ได้ขยายการรับสมัครนักเรียนไปจนถึงวันที่ 24 มี.ค. และจับสลากในวันที่ 28 มี.ค. ในส่วนของการรับสมัครนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 7 โรงเรียน กำหนดระยะเวลาการรับสมัครวันที่ 13-17 มี.ค. และจับสลากในวันที่ 28 มี.ค. ขณะที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง จะเปิดให้บริการในวันที่ 22 มี.ค. เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้สถานที่เป็นหน่วยเตรียมความพร้อมและที่พักของตำรวจจำนวน 1,500 นาย
ประชาชนแจ้งเหตุร้ายผ่าน 1555 กว่า 200 ราย
ส่วนการดำเนินงานของสายด่วน กทม. โทร 1555 ซึ่งกทม. ได้เพิ่มภารกิจการรับแจ้งเหตุและเสนอแนะด้านความมั่นคง ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 53 เป็นต้นมา ปรากฏว่าประชาชนโทรเข้ามาใช้บริการกว่า 2,000 สายต่อวัน โดยมีประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสเหตุร้าย จำนวนกว่า 200 ราย และเสนอแนะด้านความมั่นคงกว่า 1,300 ราย ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้กำชับให้สำนักงานเขต 50 เขตจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พบปะประชาชนเป็นกรณีพิเศษ เพื่อทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ประชาชนวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จัดเจ้าหน้าที่ประจำซุ้มนักท่องเที่ยวชี้แจงจุดท่องเที่ยวที่ควรหลีกเลี่ยง
นอกจากนี้กทม. ได้จัดเจ้าหน้าที่จากกองการท่องเที่ยว กทม. ประจำซุ้มนักท่องเที่ยว 24 ซุ้มทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้ข้อมูลด้านสถานที่ท่องเที่ยว พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และชี้แจงจุดท่องเที่ยวที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมกันนี้ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบจำนวนนักท่องเที่ยวและสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อเตรียมจัดทำแผน Road Show ส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ และดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมาเที่ยวกรุงเทพฯ อีกครั้ง
ผู้ว่าฯกทม. วอนประชาชนเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวด้วยว่า กทม. ขอให้ประชาชนอดทนในช่วงที่มีการชุมนุม เนื่องด้วยอาจไม่ได้รับความสะดวกในด้านการเดินทาง การจราจร และส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งหากผู้ชุมนุมยังชุมนุมทางการเมืองด้วยความสงบและเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญซึ่งให้สิทธิในการชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็น และเรียกร้องสิทธิ ผู้ที่ไม่เข้าร่วมชุมนุมก็ควรเคารพสิทธิการชุมนุม ขณะเดียวกัน ผู้ชุมนุมทางการเมืองก็ต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคล รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นเช่นกัน