การเคหะแห่งชาติ ปลื้มยอดขายบ้านเอื้ออาทร 5 เดือน คว้า 10,000 ล้านบาท

ข่าวอสังหา Monday March 22, 2010 16:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--การเคหะแห่งชาติ การเคหะแห่งชาติ ปลื้มยอดขายบ้านเอื้ออาทร 5 เดือน คว้า 10,000 ล้านบาท แถมยังทำกำไรไตรมาสแรกได้แล้วถึง 762 ล้านบาท ใจป้ำตรึงราคาขายบ้านเอื้อต่อจนถึงมิถุนายนนี้ นายศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ รองผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ เปิดเผยถึง ยอดขายของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ยอดขายในช่วงวันที่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2553 กคช.สามารถขายบ้านเอื้ออาทร ได้ รวม 7,834 ยูนิต และยอดขายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 - วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 กคช.ขายโครงการบ้านเอื้ออาทรขายได้รวม 27,352 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาทเศษ โดยในไตรมาสแรก ของปีงบประมาณ 2553 ( ต.ค.52-ธ.ค.52 ) สามารถส่งมอบอาคารบ้านเอื้ออาทรให้ประชาชนได้ จำนวน 17,219 หน่วย,ได้รับสินเชื่อจากธนาคาร จำนวน 17,656 หน่วย, ทำสัญญาเช่าซื้อกับการเคหะแห่งชาติ จำนวน 4,106 หน่วย, การทำสัญญาจะซื้อจะขายจำนวน16,914 หน่วย และในไตรมาสแรกนี้การเคหะแห่งชาติสามารถทำกำไรได้แล้วมูลค่า 762 ล้านบาท นายศิริโรจน์ ยังได้กล่าวถึง แผนการตลาดของการขายโครงการบ้านเอื้ออาทร ในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม นี้ว่า การเคหะฯจะยังคงตรึงราคาขายบ้านเอื้ออาทรไว้ที่ 390,000 บาท/ ยูนิต เช่นเดิม ทุกทำเลทุกโครงการ ทั่วประเทศ เหตุผลที่ยังคงขายบ้านในราคาเดิมเนื่องจากต้องการให้ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีโอกาสซื้อก่อน เพราะบ้านที่ลูกค้าจองเพิ่มจะเสร็จ และหลังจากนั้นจะทำการปรับราคาขายขึ้นอีก 5-10 % / ยูนิต ในเดือนมิถุนายน 2553 ตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตามการขายบ้านเอื้ออาทร ในขณะนี้ กคช. ตั้งเป้ายอดขายไว้วันละ 100 ยูนิต / วัน หรือ 3,000 ยูนิตต่อเดือน กคช.ยังสามารถขายโครงการได้ตามปกติ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของโลกยังคงเป็นเศรษฐกิจขาขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ต่างไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว,ภัยแล้ง,การเมือง หรือแม้แต่การไม่ต่อมาตรการกระตุ้นธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม แต่พบว่าจากการจัดงานแสดงสินค้าบ้านและขายของภาคเอกชนต่างๆยังสามารถทำยอดขายได้ 5-10 % โดยภาพรวม นั้นก็แสดงให้เห็นว่า การซื้อที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ลูกค้ายังคงต้องการ และบ้านเอื้ออาทร เป็นหนึ่งในสินค้าที่จำเป็นสำหรับการอยู่อาศัยและได้เปรียบที่สร้างเสร็จและสามารถเข้าอยู่ได้ทันที ช่วงนี้ก็น่าจะเป็นโค้งสุดท้ายสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะมีบ้านในราคาที่ผู้มีรายได้น้อยก็สามารถเป็นเจ้าของได้ควรจะมีโอกาสซื้อไว้ก่อนที่การเคหะฯจะทำการปรับราคาขึ้นอีกตามที่แจ้งไว้ นายศิริโรจน์ ยังได้กล่าวถึงการนำ 3 โครงการ 4 ทำเลใหม่ ( พาร์ควิลล์ กรุงเทพกรีฑา —ร่มเกล้า ,พาร์ควิลล์ ร่มเกล้า,การ์เด้นวิลล์ บางปู ,กรีนเพลส ปากเกร็ด) ของการเคหะแห่งชาติมาขายในงานครบรอบ 37 ปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ได้รับความสนใจจากลูกค้าประมาณ 20 % โดยคาดว่าจำนะมาขายต่อและตั้งเป้าว่าภายในเดือนเมษายน ยอดจองน่าจะได้ 70 % แล้วหลังจากนั้นการเคหะฯจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติในดำเนินการก่อสร้างต่อไป ทั้งนี้โครงการที่นำมาเพื่อให้ลูกค้าจองดังกล่าวอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางในบางโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและเหมาสะกับกับการใช้งาน ส่วนผลการดำเนินงานทางด้านการเงิน ในไตรมาสแรก ของปีงบประมาณ 2553 นายศิริโรจน์ กล่าวว่า 1.ภาระหนี้สิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 จำนวน 87,467 ล้านบาท 2.ภาระหนี้สิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 จำนวน 80,402 ล้านบาท 3.ภาระหนี้สิน ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2552 จำนวน 71,871 ล้านบาท ลดภาระหนี้ได้ 15,596 ล้านบาท ( ซึ่งเป็นหนี้ที่จะครบกำหนดเป็นการล่วงหน้าของปี 2553,2554 และ 2555 ) 4.ยอดขายปีงบประมาณ 2551 เป็นเงิน 6,350 ล้านบาท ยอดขายปีงบประมาณ 2552 เป็นเงิน 15,755 ล้านบาท ยอดขายไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2553 เป็นเงิน 6,638 ล้านบาท 5.กำไร( ขาดทุน) 2551 ขาดทุน 1,089 ล้านบาท 2552 กำไร 1,494 ล้านบาท ไตรมาสแรก 2553 กำไร 762 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ