กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
สภากทม. จี้ให้ผู้บริหารกทม. เร่งแก้ไขข้อบัญญัติเรื่องการเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวันและค่านมของเด็กที่อายุเกิน 6 ปี ซึ่งยังอยู่ในการดูแลของศูนย์พัฒนาเด็กของกทม. อีกทั้งไม่ต้องคืนเงินส่วนที่จ่ายไปแล้วสำหรับเด็กอายุเกิน 6 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 7 ปี โดยให้ทันก่อนเปิดภาคเรียนปี 53 เพื่อไม่ให้เป็นภาระของศูนย์ฯ
ในที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครสมัยสามัญ สมัยที่ 1 (ครั้งที่ 7) ประจำปี พ.ศ. 2553 นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ก.เขตคลองเตย ได้เสนอญัตติเรื่อง ขอให้กทม. สนับสนุนค่าอาหารกลางวันและอาหารเสริม (นม) ให้แก่เด็กของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่อายุ 6-7 ปี โดยกล่าวว่า เนื่องจากกทม. กำหนดให้ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนรับเด็กอายุตั้งแต่ 2-6 ปี เข้ารับการพัฒนาความพร้อมด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา โดยกทม. จะสนับสนุนค่าอาหารกลางวัน นม แก่เด็ก แต่มีปัญหาเกิดขึ้น โดยเมื่อเด็กมีอายุเกิน 6 ปี เด็กจะไม่ได้รับการสนับสนุนค่าอาหารกลางวัน นม จำนวน 15 บาทต่อวันต่อหัว ซึ่งเด็กก็ยังอยู่ในการดูแลของศูนย์ ทำให้เป็นภาระกับศูนย์ที่ต้องเฉลี่ยค่าอาหารให้เด็กในส่วนนี้ ซึ่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสนับสนุนการพัฒนาชุมชน พ.ศ. 2536 ระบุว่าการใช้สิทธิเบิกจ่ายค่าอาหาร สำหรับเด็กก่อนวัยเรียน เด็กจะต้องมีอายุตั้งแต่ 2 ปี ไม่เกิน 6 ปี ขัดแย้งกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 22 ที่ระบุว่า “ การปฏิบัติต่อเด็ก ไม่ว่ากรณีใด ให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ และไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ”อีกทั้งยังมีการเรียกเก็บเงินค่าสนับสนุนอาหารนมคืน แต่ศูนย์ได้นำไปใช้ดูแลเด็กไปแล้ว และเป็นจำนวนเงินที่มากศูนย์ไม่สามารถรับภาระนี้ได้ โดยเฉพาะที่ศูนย์ฯคลองเตยต้องจ่ายคืนประมาณ 179,000 บาท จึงอยากให้กรุงเทพมหานคร เร่งหาแนวทางแก้ปัญหาให้สามารถเบิกจ่ายค่าอาหาร และนมได้ตามปกติ รวมถึงไม่ต้องคืนเงินส่วนที่จ่ายไปแล้วสำหรับเด็กอายุเกิน 6 ปีบริบูรณ์แต่ไม่เกิน 7 ปี โดยไม่ขัดกับข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร
ด้าน นายสมชาย เวสารัชตระกูล ส.ก.เขตสายไหม กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้ปกครองเด็กในศูนย์เด็กเล็กมีฐานะยากจน หาเช้ากินค่ำ หากกทม. ไม่รีบแก้ไขปล่อยให้เกิดขึ้น สุดท้ายภาระและปัญหาจะตกอยู่ที่เด็ก ครูพี่เลี้ยง ผู้ปกครองในที่สุด
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ข้อบัญญัติและหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้จัดสรรเด็กในศูนย์ฯ ได้ถึงอายุ 7 ปี ขณะที่ในส่วนของบางเขตที่ได้ส่งเงินคืนไปแล้วนั้น จะจัดสรรส่งเงินคืนให้ในภายหลัง พร้อมทั้งให้แก้ปัญหาเบื้องต้น โดยให้สำนักพัฒนาสังคมหาวิธีบริหารเงินในศูนย์ฯ และเร่งหาข้อสรุปโดยเร็วเพื่อให้ทันกับการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2553 ต่อไป.