ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ครั้งที่ 3/2553

ข่าวทั่วไป Friday March 26, 2010 16:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--ก.ล.ต. คณะกรรมการกำกับตลาดทุนในการประชุมครั้งที่ 3/2553 ประจำเดือนมีนาคม 2553 มีมติเห็นชอบการแก้ไขหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ขายหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ยังไม่มีอยู่ในครอบครองได้ 1. แก้ไขหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ แก้ไขหลักเกณฑ์โดยปรับกระบวนการเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสอดคล้องกับวิธีปฏิบัติของประเทศส่วนใหญ่ในกลุ่มอาเซียน โดยลดระยะเวลาการมีผลใช้บังคับ ของแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบ filing) ให้มีผลใช้บังคับเร็วขึ้น จากเดิมอย่างน้อย 30 วัน เป็น 14 วัน และเปลี่ยนวิธีการนับระยะเวลาการมีผลใช้บังคับดังกล่าว จากเดิมนับจากวันที่ ก.ล.ต. รับแบบ filing ซึ่งข้อมูลอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เป็นเริ่มนับจากวันที่ข้อมูลตามแบบ filing มีความครบถ้วนตามที่ประกาศกำหนด ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีเวลาศึกษาข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน ในขณะเดียวกันหากผู้ออกหลักทรัพย์และที่ปรึกษาทางการเงินจัดทำข้อมูลในแบบ filing ให้มีความครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตั้งแต่การยื่นแบบ filing ครั้งแรก ก็จะสามารถเสนอขายหลักทรัพย์ได้เร็วขึ้น 2. อนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ขายหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยที่ยังไม่มีหลักทรัพย์นั้นอยู่ในครอบครองให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) สามารถขายหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในต่างประเทศโดยที่ยังไม่มีหลักทรัพย์นั้นอยู่ในครอบครองได้ ซึ่งจะมีผลให้ บล. สามารถทำธุรกรรมเพื่อบัญชีตนเองในตราสารต่างประเทศได้มากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และ บล. ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน (participating dealer) หรือผู้ดูแลสภาพคล่อง (market maker) ของกองทุนรวมอีทีเอฟไทยที่ไปลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศก็จะสามารถทำ arbitrage ราคาของหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟในตลาดสองแห่งได้ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. และประธานคณะกรรมการกำกับตลาดทุน กล่าวว่า “หลักเกณฑ์ ที่ปรับปรุงในครั้งนี้เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อตลาดทุนโดยรวม โดยการแก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกระบวนการเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ เป็นไปตามนโยบายของ ก.ล.ต. ที่ต้องการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนควบคู่ไปกับการปรับการกำกับดูแล โดยเน้นระบบการเปิดเผยข้อมูล (disclosure based) รวมทั้งยังสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของสากลอีกด้วย สำหรับการอนุญาตให้ บล. ขายหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในต่างประเทศได้นั้น จะช่วยให้ บล. สามารถลงทุนและบริหารความเสี่ยงการลงทุนได้อย่างครบวงจร พร้อมไปกับการสนับสนุนให้การลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟไทยที่ลงทุนในอีทีเอฟต่างประเทศสามารถดำเนินไปได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องความแตกต่างของราคาในสองตลาด ซึ่งจะทำให้ตลาดทุนไทยมีสินค้าที่เป็นสากลและหลากหลาย ส่งผลให้เป็นที่สนใจของผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมากขึ้น”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ