วันที่สามสงกรานต์ เกิดอุบัติเหตุ 567 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 52 คน ผู้บาดเจ็บ 613 คน

ข่าวทั่วไป Friday April 16, 2010 09:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 เม.ย.--ปภ. วันที่สามสงกรานต์ เกิดอุบัติเหตุ 567 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 52 คน ผู้บาดเจ็บ 613 คน ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2553 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เม.ย. 53 เกิดอุบัติเหตุทางถนน 567 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 52 คน ผู้บาดเจ็บ 613 คน รวมสะสม 3 วัน (วันที่ 12 — 14 เม.ย. 53) เกิดอุบัติเหตุทางถนน 1,994 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 166 คน ผู้บาดเจ็บ 2,149 คน ศปถ.จึงได้เข้มงวดกวดขันผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรและดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ใช้รถใช้ถนน พร้อมเตือนผู้ขับขี่ที่ดื่มแล้วขับจะถูกดำเนินคดีปรับขั้นสูงสุด นายอุทัยรัตน์ ชัยประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ประธานแถลงข่าวฯ เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2553 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เม.ย. 53 ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ “สงกรานต์นี้ ขับขี่ปลอดภัย คนไทยรักกัน” เกิดอุบัติเหตุ 567 ครั้ง ลดลงจาก ปี 2552 (638 ครั้ง) 71 ครั้ง ร้อยละ 11.13 ผู้เสียชีวิต 52 คน เท่ากับปี 2552 ผู้บาดเจ็บ 613 คน ลดลงจากปี 2552 (717 คน) 104 คน ร้อยละ 14.50 สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 42.86 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 18.17 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.45 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 56.79 บนถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 40.56 ทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 30.51 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กลางคืนร้อยละ 61.02 โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01 — 20.00 น. ร้อยละ 30.69 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงานร้อยละ 52.18 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 25 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก 6 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 27 คน จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ มี 4 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ยโสธร ระนอง และหนองบัวลำภู จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มี 46 จังหวัด จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บมี 5 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ยโสธร ระนอง ระยอง หนองบัวลำภู ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,559 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 67,040 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 643,656 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 75,774 ราย คิดเป็นร้อยละ 11.77 ของการเรียกตรวจ โดยมีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัยมากที่สุด 25,339 ราย รองลงมา ไม่มีใบขับขี่ 23,057 ราย สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน (วันที่ 12 — 14 เม.ย. 53) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,994 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2552 (1,605 ครั้ง) 389 ครั้ง ร้อยละ 24.24 ผู้เสียชีวิตรวม 166 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 (139 คน) 27 คน ร้อยละ 19.42 ผู้บาดเจ็บรวม 2,149 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 (1,718 คน) 431 คน ร้อยละ 25.09 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสูด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 83 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 11 คน รองลงมาได้แก่ อุบลราชธานี 10 คน และพิษณุโลก 7 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 94 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 3 วัน มี 19 จังหวัด นายอุทัยรัตน์ กล่าวต่อไปว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ยังคงพบว่ามีสาเหตุหลักมาจากการ เมาสุรา รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดกฎหมายจราจรกรณีไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่มีใบอนุญาตขับขี่มากที่สุด ศปถ. ได้สั่งการให้จังหวัดและกองบัญชาการตำรวจนครบาลกำชับเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจทั้งบนถนนสายหลักและสายรองเข้มงวดกวดขันผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรและดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ พบว่า ในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ยังคงมีประชาชนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเล่นน้ำสงกรานต์เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความคึกคะนองในการขับขี่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย จึงขอประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน หากมีการตรวจพบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่า 50 มก.เปอร์เซนต์ จะดำเนินคดีปรับขั้นสูงสุด โดยผู้กระทำความผิดมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับ 5,000 — 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตลอดจนถูกสั่งพักใบอนุญาตขับขี่ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ รวมถึงคุมประพฤติโดยให้ทำงานบริการทางสังคม ตลอดจนเข้ารับอบรมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมภายใต้การดูแลของพนักงานคุมประพฤติ ส่วนกรณีเมาแล้วขับและทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต มีโทษจำคุก 3 — 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 — 200,000 บาท รวมทั้งถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ สำหรับผู้ที่ขับหรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และกรณีผู้ขับขี่ที่ยอมให้ผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกนิรภัย จะถูกปรับเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนด ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในระยะนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ผู้ใช้รถใช้ถนนควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับผ่านเส้นทางดังกล่าว ท้ายนี้ เนื่องในวันผู้สูงอายุปีนี้ ขอให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และร่วมกันสร้างความปลอดภัยทางถนน เพื่อเป็นของขวัญแก่คนในครอบครัว .... “สงกรานต์นี้ ขับขี่ปลอดภัย คนไทยรักกัน”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ