กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการเตรียมการที่ดีและการติดตามเร่งรัดเบิกจ่ายส่งผลให้ครึ่งปีงบประมาณ 2553 (1 ต.ค. 52 — 31 มี.ค.53) สามารถเบิกจ่ายได้สูงกว่าเป้าหมาย โดยเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2553 ไปแล้ว 1,006,133 ล้านบาท ในส่วนของงบประจำ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 5.4 และ งบลงทุน สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 16.38 สำหรับงบไทยเข้มแข็ง ที่ส่วนใหญ่เป็นงบลงทุน เบิกจ่ายแล้ว 110,747 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40.7 ของงบประมาณที่ได้จัดสรรแล้ว
นายพฤฒิชัย เปิดเผยถึงผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2553 ว่า ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ 9 เมษายน 2553 ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เบิกจ่ายไปแล้ว 901,143 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.01 ของวงเงินงบประมาณ (1,700,000 ล้านบาท) โดยเป็นการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 785,730 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.10 ของงบรายจ่ายประจำ 1,479,597 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่าย ร้อยละ 5.44 สำหรับรายจ่ายลงทุนเบิกจ่ายได้ 115,413 ล้านบาท หรือร้อยละ 52.36 ของงบลงทุน 220,403 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายถึงร้อยละ 16.36 โดยหน่วยงานที่ได้รับงบลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีการเบิกจ่ายสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีการเบิกจ่ายแล้วร้อยละ 84.58 46.15 และ 42.66 ของวงเงินงบประมาณหลังโอนเปลี่ยนแปลงตามลำดับ และหน่วยงานที่เบิกต่ำสุด 5 ลำดับ ได้แก่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมทรัพยากรน้ำ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เมืองพัทยา และกรมอุตุนิยมวิทยา โดยมีการเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 1.03 13.34 16.05 16.51 และ 18.30 ตามลำดับ
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ณ วันที่ 8 เมษายน 2553 (วงเงินรวม 350,000 ล้านบาท) จากวงเงินกู้รอบแรก 199,960 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายจำนวน 61,588 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.90 ของวงเงินที่ได้จัดสรร 166,886 ล้านบาท สำหรับวงเงินกู้รอบที่ 2 จำนวน 149,999 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายจำนวน 49,159 ล้านบาท หรือร้อยละ 46.80 ของวงเงินที่จัดสรรแล้ว จำนวน 105,045 ล้านบาท
สำหรับงบไทยเข้มแข็งยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ และ บางหน่วยงานก็ยังไม่ได้มีการบันทึกข้อมูลในระบบ PFMS Web-Form อย่างไรก็ดี ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางติดตามปัญหาต่าง ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของส่วนราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้หาแนวทางป้องกันและแก้ไขได้ทันที และให้การใช้จ่ายงบประมาณจากเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันตามระยะเวลาที่กำหนดภายในธันวาคม 2553 นี้ นายพฤฒิชัย กล่าว