ชายไทยวัย 40 พึงระวัง เหตุแพทย์ชี้เสี่ยงสูงประสบภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

ข่าวทั่วไป Thursday July 26, 2007 09:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--นิโอ ทาร์เก็ต
จากผลการทำ เวิร์คชอป ในหัวข้อ “เติมความสดใสและชีวิตชีวาให้กับผู้ชายอายุเกิน 40 ปีในเอเชีย (Powering up the Lives of Asian Men Beyond 40) ในงาน 4th Congress of Asia Pacific Society of Aging Male (APSSAM) ที่บาหลี, อินโดนีเซีย โดยบริษัท ไบเออร์ เชริ่ง ฟาร์มา จำกัด พบว่าการใช้ Testosterone Undecanoate ควบคู่ไปกับ Vardenafil ทำให้สมรรถภาพทางเพศของชายวัย 40 ดีขึ้น
น.พ. กวิรัช ตันติวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า “1 ใน 5 ของชายที่ประสบภาวะ ED จะมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนต่ำกว่าระดับปกติ ซึ่งทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อการรักษาภาวะ ED แบบมาตรฐานทั่วไปได้ ดังนั้น เมื่อทำการรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone Undecanoate) ควบคู่ไปกับการใช้ตัวยาวาดีนาฟีล (Vardenafil) จะสามารถออกฤทธิ์เสริมกันได้อย่างน่าพอใจในการรักษาภาวะ ED เนื่องจากพบว่าการหลั่งสาร Nitric Oxide ที่เป็นสารที่ช่วยควบคุมการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย”
“ในประเทศไทยพบว่าชายไทยอายุระหว่าง 40-70 ปี ประสบภาวะ ED มากกว่า 42% โดยผู้ชายที่มีอายุเกินกว่า 40 ปี มักจะมีอัตราการลดลดของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย) ประมาณ 1.2% ในทุกปี ซึ่งหากระดับฮอร์โมนเพศชายค่ารวมต่ำกว่ามาตรฐาน (มาตรฐานอยู่ที่ 11-12 นาโนโมล/ลิตร) จะพบว่าอาจมีลักษณะเนื้อเยื่อภายในลำอวัยวะเพศเสื่อมลงและมีปริมาณไขมันเข้าไปสะสมในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะ ED”
น.พ. กวิรัช ยังระบุอีกว่า “ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone Undecanoate) แบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ขนาด 1000 มิลลิกรัมจะสามารถทำให้ระดับของ Testosterone คงอยู่ในกระแสเลือดได้นานขึ้นจนกลับมาคงอยู่ในระดับปกติได้เป็นระยะเวลานานถึง 3 เดือน ในขณะที่ชนิดปิดผิวหนังซึ่งยังไม่มีในประเทศไทยจะใช้เวลาประมาณในการอยู่ในร่างกายนาน 6-9 เดือน”
น.พ. กวิรัช ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “การรักษาภาวะ ED นอกจากการใช้ยาแล้ว คนไข้สามารถบรรเทาอาการในเบื้องต้นด้วยตนเอง โดยการใช้วิธีต่างๆ เช่น เข้านอนแต่หัวค่ำ ออกกำลังกายไม่ต่ำกว่าวันละ 30 นาที อย่างน้อย 3 วันในหนึ่งอาทิตย์ สื่อสารและขอความร่วมมือจากคู่ครองหรือฝ่ายหญิง หมั่นสร้างอารมณ์ที่แจ่มใสไม่เครียดง่าย หากวิธีเบื้องต้นไม่ได้ผล ควรพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา เพราะการพบแพทย์แต่เนิ่นๆ จะทำให้การรักษาส่งผลดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง”
ผู้สนใจสามารถขอรับคำปรึกษาเบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญด้านโรค ED ได้ที่ศูนย์สมรรถภาพชายมีไฟ ผ่านศูนย์ฮอตไลน์ที่เบอร์ 02-442-2988 และเว็บไซต์ www.thai-edclinic.com
เกี่ยวกับไบเออร์ เฮลธ์แคร์
กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ไบเออร์ เฮลธ์แคร์ เป็นบริษัทในเครือของ Bayer AG ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านเภสัชกรรมและเวชภัณฑ์ของโลก ในปี 2004 กลุ่มบริษัทย่อย Bayer HealthCare มียอดขายสูงถึง 8.5 พันล้านยูโร
ทั้งนี้ กิจกรรมทางการตลาดของกลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ ไบเออร์ เฮลธ์แคร์ ทั่วโลก ครอบคลุมผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ ผลิตภัณฑ์ด้านชีววัตถุ ผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์แคร์ ผลิตภัณฑ์กลุ่มโรคเบาหวาน รวมถึงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการวินิจฉัยโรค และเภสัชกรรม ในปีพ.ศ. 2547 ไบเออร์ เฮลธ์แคร์ มีพนักงานกว่า 35,300 คนทั่วโลก
ไบเออร์ เฮลธ์แคร์ มุ่งมั่นในการค้นหาและผลิตเวชภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมในอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสุขภาพของทั้งคนและสัตว์ทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ของเราช่วยยกระดับความกินดีอยู่ดีและคุณภาพชีวิตโดยผ่านการวินิจฉัย ป้องกัน และให้การรักษาโรคที่เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
นิสิตา ใจเย็น
โทร. 02-631-2290-5 ต่อ 310
แฟ็กซ์ 02-234-6192-3

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ