ไมเคิล แพทริค คิง (เขียนบท / ผู้กำกับการแสดง / ผู้อำนวยการสร้าง) Q&A

ข่าวบันเทิง Tuesday May 25, 2010 15:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--MMM Digital ไมเคิล แพทริค คิง (เขียนบท / ผู้กำกับการแสดง / ผู้อำนวยการสร้าง) Q&A คำถาม: เรื่องน่าตื่นเต้นของการกลับมาทำหนังอีกเรื่องคืออะไร? ไมเคิล แพทริค คิง: เรื่องน่าทึ่งของหนังภาคต่อ Sex and the City 2 คือการเดินทางก่อนที่ผมจะได้ทำหนังด้วยซ้ำ ผมมีความคิดว่าหนังควรเป็นเหมือนปาร์ตี้และเรากำลังเจอกับความตกต่ำด้านการเงิน และสาวๆ ก็ต้องการจะไปที่ไหนสักแห่งที่หรูหราและจู่ๆ อาบูดาบีก็ผุดขึ้นมาในสมองผม และผมก็คิดว่า จะตลกแค่ไหนที่พวกสาวๆ อเมริกันชอบออกความเห็น ตัวคนเดียว — ถึงแม้ว่าพวกเธอจะแต่งงานแล้วก็ตาม—ไปอยู่ในตะวันออกกลาง ที่ซึ่งยึดถือประเพณีและยังอนุรักษ์นิยมมากๆ จากนั้น จอห์น เมลฟิกับผมก็เสาะหาโลเคชั่น และเราก็จบลงที่โมรอคโค มันมีทุกอย่างที่ผมต้องใช้และมากกว่านั้น แต่เนินทรายนั้นต้องใช้เวลาบินไป 2 ชั่วโมง ข่าวดีก็คือเนินทรายเป็นที่ที่ใช้ถ่ายทำเรื่อง Lawrence of Arabia และเราก็ได้รับประสบการณ์ที่น่าทึ่งมาก ฝูงอูฐกับ 5 วันและนักแสดงสาวๆ กับมุกตลกของการถ่ายหนังก็คือ นักแสดงแต่ละคนมีแฮร์สไตลิสท์ เมคอัพสไตลิสท์ และช่างแต่งตัว เพราะว่า Sex and the City เป็นเครื่องหมายการค้า และส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการค้าก็คือความสง่างามอย่างที่เป็น มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่จะทำ ในช่วงวันที่เราอยู่บนหลังอูฐ สาวๆ ต้องนั่งอยู่ตามลำพังและเราต้องทำงานให้เร็วกว่าปกติ เพราะไม่มีใครเข้าใกล้ได้เพราะปัญหาเรื่องรอยเท้าบนพื้นทรายและอื่นๆ แต่ผมต้องขอบอกว่า พวกเธอเป็นทหารที่เก่งมาก ต้องนั่งอยู่บนหลังอูฐสี่วัน และอูฐของคิมและซาราห์ เจสสิก้ามีลักษณะพิเศษตรงที่มันคิดจะนั่งก็นั่งลงโดยไม่มีเหตุผล และโดยไม่เตือนล่วงหน้า บางทีกำลังอยู่ช่วงกลางซีนและมันก็นั่งปุบลงไปเหมือนกับหุ่นของเล่นที่ถูกกด และผมก็จะได้ยินเสียงกรีดร้อง แล้วอูฐก็นั่งลงไปแล้วก็ยืน และพวกเธอก็จะเช็คซึ่งกันและกันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม เรื่องน่าทึ่งก็คือพวกอูฐจะไม่ทำแบบนั้นในหนัง แค่ตอนที่เราไม่ได้ถ่าย ผมก็เลยคิดว่ามันเป็นปัญหาของท่าที ; มันไม่ได้ทำให้ผมเสียเวลา แต่มันบ้ามาก และพวกสาวๆ คนอื่นก็อยู่บนหลังอูฐด้วย พวกอูฐ ความห่างไกล โลเคชั่นแปลกตา—นับเป็นการผจญภัยอย่างหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงที่นิวยอร์ค ซึ่งเหมือนเป็นการถ่ายทำอีกแบบหนึ่งไปเลย เราสนุกกับการทำหนังเรื่องนี้มาก รู้สึกเหมือน โอ เรากำลังทำหนังแบบนั้น และเมื่อเราไปยังตะวันออกกลาง มันเป็นเหมือนเรากำลังสร้างตำนานของเดวิด ลีน มันเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ และมันเป็นสิ่งที่ผมอยากให้ผู้ชมได้รับ: การพักผ่อนที่สนุกสนานครั้งใหญ่ คำถาม: อะไรคือความท้าทายของการถ่ายทำในหนังใหญ่ขนาดนั้นบนท้องถนนของนิวยอร์คกับพวกคนมุงดู? ไมเคิล แพทริค คิง: ตอนที่เรากำลังถ่ายทำฉากเปิดเรื่อง มันเป็นที่ Bergdorf สาวๆ ทั้งสี่คน มีคนดูเป็นพันๆ และผมก็ไม่ได้พูดเกินจริง มันเป็นประสบการณ์เดียวกับหนังเรื่องแรก ตอนที่ทุกคนคิดว่าตัวละครสี่คน สาวๆ ทั้งสี่ เป็นคนของพวกเขา และพวกเธอเป็นส่วนหนึ่งของนิวยอร์ค มีอยู่ฉากนึงที่เราถ่ายอยู่แล้วมีรถทัวร์ติดภาพ Sex and the City วิ่งผ่านไปแล้วเราก็ได้ยินเสียงเบรกดังเอี๊ยด และถ้าคุณมานิวยอร์ค เดินเล่นอยู่บนฟิฟธ์อเวนิวแล้วชนโครมเข้ากับแคร์รี่ มิแรนด้า ซาแมนธ่า และชาร์ลอตต์ที่มีอยู่จริงๆ มันเป็นเหมือนการได้มาทัศนาจรที่นิวยอร์คจริงๆ อีกเรื่องที่น่าสนใจของมันก็คือมีคนที่มาพูดกับผมว่า “ไม่รำคาญเหรอที่มีคนมาออเป็นพันๆ?” ผมก็จะว่า “แล้วไม่แย่กว่าเหรอถ้าไม่มีใครสน?” สมมติว่าคุณจัดปาร์ตี้แล้วไม่มีใครมาร่วมงาน สมมติว่าคุณถ่ายทำภาคต่อแล้วคนมาพูดว่า “เอ๊ะ” มันคงจะเป็นเรื่องใหญ่ ผมคิดว่าพวกนักแสดงสาวๆ ฝังตัวเข้าไปในสิ่งพิเศษและความยิ่งใหญ่ที่ต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนอื่นๆ รวมทั้งความเป็นอยู่ของจริงอย่างที่พวกเธอเป็น อย่างที่คนเป็นแคร์รี่ในใจพวกเขาและเป็นมิแรนด้า และรู้ว่าเพื่อนพวกเขาเป็นชาร์ลอตต์ และเพื่อนอีกคนเป็นซาแมนธ่า มันจึงเป็นเหมือนการลงทุนในตัวนักแสดงสาวๆ พวกนี้ และเป็นการลงทุนในการเดินทาง และความนิยมจะเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกได้จากคนส่วนใหญ่ ผมรู้สึกเกี่ยวกับตัวละครพวกนี้และเหตุการณ์นี้ด้วยความชื่นชม และดีที่มันเกิดกับพวกเธอ แต่มันน่าทึ่งและพวกเธอก็น่ารักมากๆ ทุกเรื่อง พวกเธอเข้าใจ เราทุกคนเข้าใจ และเหตุผลเดียวที่มีภาคต่อ เหตุผลเดียวที่มีหนังเรื่องแรกก็คือพวกแฟนๆ และความจริงก็คือคนดูแคร์มากและพวกเขาก็อยากดูสาวๆ พวกนี้ หนึ่งในหลายเหตุผลที่ผมทำหนังเรื่อง Sex and the City 2 กับความรู้สึกของมัน โทนของมัน ก็คือพวกคนดูเรื่องแรก ตอนที่ผมไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์ หรือตอนเปิดตัวหนัง ผมจะเห็นพวกผู้หญิงเข้าแถวยาวเหยียดแต่งตัวกันสวยงาม เหมือนจะไปปาร์ตี้ ผมบอกกับตัวเองว่า “ผมอยากให้ภาคต่อเป็นการต่อเนื่องของงานปาร์ตี้ ผมอยากให้มัน เป็น ปาร์ตี้” อย่างอื่นที่ผมอยากทำเรื่องนี้ก็คือผมอยากไปรอบโลก ผมอยากทำให้มันไปสู่โลกที่ยิ่งใหญ่กว่าในมุมของผู้หญิง เพราะตอนที่เราเปิดตัวหนังเรื่องแรกในลอนดอนกับเบอร์ลินและปารีสกับโตเกียว ผมเริมได้เป็นว่ามันมีมากกว่าผู้หญิงอเมริกัน มันเป็นโลกของผู้หญิงอย่างแท้จริงที่บ่งชี้ถึงเนื้อเรื่องและปัจจัยเหล่านี้กับพวกตัวละคร ผมก็เลยคิดว่า งั้นก็ทำให้ยิ่งใหญ่กว่า ดังนั้นครึ่งแรกของหนังคือนิวยอร์ค และครึ่งหลังก็เป็นที่ตะวันออกกลาง คำถาม: มันง่ายแค่ไหนที่พวกผู้หญิงจะสื่อกับตัวละครพวกนี้และชีวิตของพวกเธอ? ไมเคิล แพทริค คิง: ชีวิตของแคร์รี่ มิแรนด้า ชาร์ลอตต์ และซาแมนธ่า การเขียนชีวิตของพวกเธอนับเป็นความรับผิดชอบ เพราะสาวแต่ละคนสะท้อนบางอย่างในการดู ในคนดู มีคนแบบชาร์ลอตต์มากมายข้างนอกนั่นที่ให้ความสนใจโดยเฉพาะกับทางเลือกของชาร์ลอตต์ และทางเลือกของชาร์ลอตต์ก็คือเธอลาออกจากงานและเป็นคุณแม่อยู่บ้านเลี้ยงลูก และเธอแต่งงานกับชายที่ไม่ได้อยู่ในความคิดตั้งแต่แรกว่าจะเป็นเจ้าชายในฝัน แต่ก็อาจจบลงด้วยการเป็นรักแท้ของเธอ ผมจึงแน่ใจว่าผู้หญิงหลายคนข้างนอกจะตอบสนองกับความคิดของการเป็นแม่และแต่งงานกับคนที่เราจะต้องประหลาดใจว่าเราตกหลุมรักด้วย ส่วนมิแรนด้านั้น แน่นอนว่าต้องทำงาน เป็นทนายที่มีแรงขับสูง ห้าว เป็นผู้หญิงประเภทแถวหน้าในความสัมพันธ์ และมีผู้หญิงหลายคนที่คอยดูทางเลือกของเธอ แล้วก็ซาแมนธ่า แน่นอนว่าเป็นแนวคิดเสรีของทุกคน เธอบอกว่า “ฉันไม่อยากทำอะไรเหมือนเธอ ฉันจะทำแบบของฉัน ฉันเป็นคนเจ้าสำราญ ฉันชอบแหกกฎ” ดังนั้นทุกคนจึงอยากเห็นสิ่งที่เธอกำลังจะทำ และแคร์รี่ แน่นอนว่าเป็นหัวใจหลักของทุกอย่างแ เวลาที่เราถามใครๆ ว่า เหมือนตัวละครไหน พวกเขามักจะพูดชื่อแคร์รี่ขึ้นมาเป็นคนแรก แล้วพวกเขาก็จะพูดต่อไปว่า เหมือนซาแมนธ่าด้วย แล้วก็ชาร์ลอตต์นิดหน่อย แต่พวกเขาจะพูดว่าแคร์รี่เสมอเพราะว่าเธอเป็นหัวใจหลักและฐานของทุกเรื่อง เวลาที่ผมเขียนเรื่องพวกนี้ มันสำคัญที่ผมจะต้องให้ความเคารพกับการลงทุนที่คนดูมีอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ในซีรีส์เริ่มต้นจากสาวโสดสี่คน แล้วบางคนก็แต่งงานไป แต่ไม่มีสักครั้งที่จะไม่มีสาวโสดคนนึงในหนังเรื่องนี้เพราะมันจะไม่แฟร์สำหรับพวกสาวโสด ผมคิดว่าการที่เรามีตัวละครสาวสี่คน ทำให้เรามีทางเลือกเยอะอยู่ แต่เราก็ต้องขยันมากๆ ที่จะคิดว่าสาวๆ พวกนี้จะอยู่ที่ไหน เพราะผมคิดว่าความสำเร็จคือการรับมือกับคนพวกนี้กับชีวิตของพวกเธอ คราวนี้เรากำลังมองดูพวกตัวละครที่อยู่ในช่วงอายุ 30 ต้นๆ และตอนนี้ 40 เพราะเวลาที่เราทำงานซีรีส์ทุกๆ ปี ผมจะต้องแน่ใจว่าเราไม่ได้ย้ำบางอย่าง มันบังคับให้เราต้องเดินไปข้างหน้าในทิศทางอื่น มันเป็นเรื่องของการเดินไปข้างหน้าและความสนุกของการเขียนเรื่อง และเราก็ไม่กลัวความจริงที่ว่าพวกเขาสร้างทางเลือกที่ทำให้พวกเธอเดินไปในทิศทางต่างกัน เพราะนั่นเกิดขึ้นในชีวิตอยู่เสมอ ผมมีนักแสดงสาวฝีมือดีสี่คน ที่ดีขึ้นทุกครั้งที่เราได้เห็น ดูแล้วน่าทึ่ง ชีวิตพวกเธอก็เปลี่ยนไป แล้วตอนนี้เราก็ต้องเจอกับแคร์รี่ แบรดชอว์ สาวสวยโสด ซึ่งไม่สามารถหาผู้ชายมารักเธอได้ หรือขอแต่งงานไปเป็นแม่บ้าน มันเกิดอะไรขึ้น? เธอใช้ชีวิตยังไงในเขาวงกตของสังคม มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบอกกล่าว ชีวิตของพวกเธอถูกยึดติดและวุ่นวายและเป็นมนุษย์ และสถานที่ที่พวกเธออยู่และไปเป็นเหมือนการพักร้อน แม้แต่ในหนังตัวอย่างก็ยังมีประโยคที่ปิดท้ายว่า “บางครั้งเราก็ต้องหนีไปกับพวกสาวๆ” ในตอนนี้ ในหนังของเราพวกเธอต้องเดินทางข้ามเนินทะแลทรายซาฮาร่าในชุดชาแนล แต่นั่นคือสิ่งที่ผมพูด มันเป็นพลังเดียวกัน เหมือนการไปเที่ยวไหนสักแห่งกับแฟน เว้นแต่ว่านี่เป็นเหมือนแฟนที่เรามีคนเขียนบทให้ และต้นทุนสำหรับหนังใหญ่ เราจะได้รับประสบการณ์และใช้ชีวิตกับพวกเธอ และในหนังเรื่องนี้ในบรรยากาศที่แสนสวยงามเสื่อมโทรมและ แต่ส่วนลึกยังคงเป็นเหมือนที่บ้านและเกี่ยวเนื่องกับอารมณ์และความท้าทาย ผมหวังว่าจะมีความเป็นส่วนตัวในภาพกว้าง คำถาม: เราเริ่มต้นกับแคร์รี่และเรื่องยิ่งใหญ่ตรงไหนในหนังเรื่องนี้? ไมเคิล แพทริค คิง: เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผมก็คือตอนที่ผมเขียนเรื่องนี้และพยายามจะหาทางจบแบบมีความสุขตลอดไป และนั่นคือความหมายของมัน เพราะว่าตอนจบของหนังเรื่องแรกมันโรแมนติคมาก และในหนังเรื่องนี้เขาเลือกเธอและเธอยกโทษให้เขา และมันเป็นการเดินทางยาวไกลที่จะไม่ได้ถูกเลือกโดยเขา แล้วเขาก็เลือกเธอและการฝ่าฟันในหนังเรื่องแรกยังมีอยู่เพราะผมอยากให้คนเชื่อว่าเขารู้คุณค่าของเพชรที่เขามีอยู่และเกือบทำหลุดมือไป และในตอนนี้สองปีหลังจากนั้น พวกเขามีธุรกิจ และความสบาย และบ้านแสนสุขทุกอย่าง สาวสี่คนนี้ไม่เหมือนใคร ไม่เคยเหมือน มิแรนด้ามีลูกหลังแต่งงานและแต่งเมื่ออายุมาก เธอเป็นใหญ่ในบ้าน ชาร์ลอตต์เปลี่ยนศาสนาเป็นยูดาส; เธอรับเลี้ยงลูกสาวที่เป็นเด็กเอเซีย เธอมีลูกของตัวเองอีกคน ซาแมนธ่าได้ลองรักและตัดสินใจว่าเธอจะเป็นโสดตลอดไป และแคร์รี่เป็นคนที่ลองมาแล้วทุกอย่าง และสามารถคบกันต่อได้กับชายคนนี้ และกลายเป็นศิลปินอิสระ คำถาม: ช่วยสรุปเรื่องได้ไหม? ไมเคิล แพทริค คิง: สำหรับเรื่องย่อสั้นๆ แคร์รี่ แบรดชอว์กลายมาเป็นแคร์รี่ แบรดชอว์ เพรสตัน เธอลำบากนิดหน่อยกับการเป็นแคร์รี่ เพรสตัน เธอยุ่งยากใจกับการเป็นภรรยาแบบทั่วๆ ไป เธอกำลังสงสัยเกี่ยวกับตัวเองและงาน มันเป็นแนวชีวิตใหม่ที่เธอพยายามขบให้แตกในการเป็นนาง ในขณะที่เธอใช้เวลาทั้งชีวิตและการทำงานด้วยการเป็นนางสาว เรื่องราวของชาร์ลอตต์ ยอร์ค โกลเดนแบลต เรียบง่ายอย่างที่เธอต้องการคือแต่งงานและมีลูก ตอนนี้เธอมีลูกสองคนและคนนึงกำลังอยู่ในช่วงวัยต่อต้านตอนสองขวบ และเธอก็รู้สึกปลื้มมากกับการเป็นแม่ แต่เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการมาตลอด แต่เธอไม่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้ แม้แต่กับเพื่อนสนิท ผลลัพธ์ก็คือเธอเหมือนกำลังติดคุก ติดกับดักของการเป็นคุณแม่สมบูรณ์แบบ ซาแมนธ่า โจนส์ เป็นคนที่คอยจัดการทุกอย่างมาตลอดเกี่ยวกับชีวิตของเธอ และตอนนี้เธอกำลังจัดการกับร่างกาย เธอเป็นคนนำสมัย อย่างเดียวกับเรื่องเซ็กส์ และเรื่องเสื้อผ้า เธอกังวลมากในการรักษาความสาวเอาไว้ในช่วงของวัยทอง และเธอก็หรูเริ่ดเชิดไว้และรู้ทุกเรื่องจนกระทั่งเธอไปตะวันออกกลาง และฮอร์โมนทั้งหมดของเธอ ฮอร์โมนทางชีวเคมีของเธอหายไป แล้วจู่ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า “ฉันยึดติดความสาว ฉันเปราะบางเกินไป” เธอถึงตระหนักได้ว่าบางครั้งก็มีบางอย่างที่มากกว่าเรื่องครีม และมิแรนด้า ฮอบบ์ ก็บ้างานเหมือนอย่างเคย ทนายความจบจากฮาร์วาร์ดที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง เธอใช้ทั้งชีวิตทุ่มเทให้การทำงานเป็นอย่างแรก มิแรนด้าอยากเป็นทนายมาตลอด และใช้เวลาทั้งชีวิตจนมาถึงจุดที่มีตำแหน่งสูง และอยู่ในบริษัทที่มีคนทำให้เธอต้องลำบาก และเธอก็เลือกเองและด้วยศักดิ์ศรีในการทำงาน และโยนงานทิ้งไป ความเป็นตัวตนของเธอเล็กน้อยหรือเกือบทั้งหมด เธอจึงต้องหาให้เจอว่าตัวเองเป็นใครเมื่อไม่มีงานทำ เพราะชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายมากของพวกเธอ สาวๆ เลยหาเวลาที่จะเจอกันแค่สี่คนได้ยาก มีทั้งเด็กๆ สามี และงาน จู่ๆ โอกาสก็ลอยมาพร้อมกับสมิธ เจอร็อด ซึ่งเป็นดาราแอ็คชั่นใหญ่ และทำหนังที่ไปถ่ายทำในตะวันออกกลาง และเพราะซาแมนธ่าเป็นนักประชาสัมพันธ์ของเขา และทำให้เขาเป็นดาราดัง เธอจึงได้โอกาสจากผู้อำนวยการสร้างหนัง ซึ่งมาจากอาบูดาบี ในอาหรับเอมิเรตส์ ที่เสนอการเดินทางซึ่งออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดกับเพื่อนๆ สามสาวของเธอ เพื่อไปชมโรงแรมของเขาเละอาจทำประชาสัมพันธ์ให้ คำถาม: มีผลอะไรไหมกับการที่ให้ตัวละครทั้งสี่ไปที่ไหน หรือพวกเธอยังคงความเป็นชาวนิวยอร์คอยู่? ไมเคิล แพทริค คิง: แคร์รี่, มิแรนด้า, ซาแมนธ่า กับชาร์ลอตต์อาจจะเป็นตัวละครที่ตายยากในนิวยอร์ค แต่เมื่อพวกเธออยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นในเม็กซิโก หรือในนิวยอร์คซิตี้ หรือในตะวันออกกลาง มันก็ยังเป็นตัวละครทั้งสี่คนนี้ มันเป็น Sex and the City และสามารถไปที่ไหนก็ได้เพราะก็จะเป็นตัวละครสี่คนเดิมนี้ ชีวิตของพวกเธอตามไปด้วยทุกหนทุกแห่ง พวกเธอจะคุยกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นบนหลังอูฐ หรือในคอฟฟี่ช็อพ มันเป็นดีเอ็นเอเดียวกัน เรื่องสนุกก็คือมันเป็นการผจญภัยครั้งใหญ่ของพวกเธอและพวกผู้ชม คำถาม: คุณจะบรรยายถึงการร่วมงานกับแพทริเซีย ฟิลด์และความทุ่มเทของเธอว่าอย่างไร? ไมเคิล แพทริค คิง: ผมคิดว่าแพทริเซีย ฟิลด์เป็นอัจฉริยะ ผมชอบการทำงานกับเธอมาก เธอมีแนวที่เป็นเอกลักษณ์กับสิ่งที่เธอทำและผมยินดีอ้าแขนรับ เพราะเธอรู้ข้อมูลลึกซึ้งอย่างที่ผมไม่รู้ และสำหรับหนังเรื่องนี้แล้ว สัมผัสของเธอเกี่ยวกับ “โลก” เป็นเรื่องสำคัญมาก ผมเคยทำงานกับแพทมาตั้งแต่ซีรีส์และเรียนรู้ไปด้วยกันเพราะเธอเป็นเหมือนปิกัสโซ มีแรงกระตุ้นและเราก็ทำตาม แพทมีแรงบันดาลใจ เอาสคริปท์ให้และเธอจะทำตาม เธอทำให้ทุกคนในเรื่อง มันตลกดีเพราะเราคิดว่ามันเฉพาะกับพวกสาวๆ แต่เธอกับทีมทำทุกอย่าง แต่งตัวให้พวกผู้ชาย และสร้างเลื้อผ้าให้กับตัวละคร แพทเเคร์มากอีกด้วยเกี่ยวกับพัฒนาการของพวกตัวละคร—เธอรู้ในมุมของเสื้อผ้า และพยายามที่จะปรับปรุงมันด้วย มีอยู่หลายชุดในหนังเรื่องนี้ที่เธอโชว์ให้ผมดู ที่หรูเริ่ดมากแต่ก็เป็นแบบ Sex and the City อย่างที่ผมรู้จัก ใช่ ผมจะต้องถ่ายมันอย่างแตกต่างเพราะมากเท่าไหร่ก็คงไม่พอ มันมักจะมีทางเลือกที่กว้าง ใหญ่แบบสีลูกกวาด ที่เธอทำให้คนรักหรือเกลียดได้ และผมชอบมันมาก คำถาม: จอห์น คอร์เบตกลับมาในเรื่องนี้เป็นไอแดน พูดถึงเขาหน่อยได้ไหม? ไมเคิล แพทริค คิง: รู้มั้ย เวลาสาวๆ บอกกับผมว่าชอบเรื่อง Sex and the City, ผมมักถามคำถามนี้ว่า : “บิ๊กหรือไอแดน?” และเราจะบอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เพราะพวกเธอตอบรับ มีผู้หญิงหลายคนที่ชอบ มร. บิ๊ก เพราะเขาท้าทาย เขาห้าว เขามีแรงผลักดัน เขาไม่ให้สิ่งที่เราอยากได้ สิ่งที่ไม่สามารถหาได้ และก็ยังมีพวกผู้หญิงที่อยากได้ไอแดน เพราะว่าเขาน่ารัก เซ็กซี่ และให้กำลังใจ และรักเรา อยากได้เราไม่รู้จักพอ ทางเลือกพวกนั้นยอกถึงตัวตนพวกเธอได้ คำถาม: ใครไปดูหนังเรื่องนี้? ไมเคิล แพทริค คิง: ผมเขียนบทเรื่องนี้ ภาคต่อของ Sex and the City เพราะว่าผมอยากให้มันยิ่งใหญ่ สนุก และผจญภัย ผมอยากให้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ อยากให้มีมุมมอง เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างเรื่องธรรมดาและไม่ธรรรมดา และเรื่องราวยิ่งใหญ่ของสี่สาวพวกนี้ และสิ่งที่ผมค่อนข้างสนุกที่ได้ดูว่ามีเรื่องราวมากมายให้พวกผู้ชายได้เกี่ยวข้อง มันเป็นบทใหม่ของหนังเรื่องนี้ระหว่างคุณกับภรรยาคุณ ความสัมพันธ์กับที่บ้านและการมองดูมันเล็กน้อย คนมักพูดว่า “ทำไมผู้ชายจะต้องชอบหนังเรื่องนี้?” อย่างแรกคือ ถ้าพวกผู้ชายไปดูหนัง จะมีผู้หญิง 600 คนอยู่ในโรงกับพวกเขา และอย่างที่สอง หวังว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดี เป็นหนังที่ดี พวกเขาก็จะสนุกไปด้วย แต่รู้ไหมผู้ชายคนไหนที่พาสาวไปดูจะต้องสนุก ความจริงคือมันมีบางอย่างสำหรับคุณด้วย มันเป็นหนังสนุกและผมก็เป็นผู้ชาย ผมชอบมัน และผมเขียนบทดีๆ ให้ผู้ชาย ผู้ชายได้รับการนำเสนอในมุมดี และไม่ต้องกลัวหรอก เพราะมันคือชีวิตจริง เกี่ยวกับชีวิตคู่และคอมเมดี้เยอะมาก คำถาม: ช่วยเล่าถึงซาราห์ เจสสิก้าในการเป็นผู้อำนวยการสร้าง ไมเคิล แพทริค คิง: ความสามารถยิ่งใหญ่อย่างแรกของผู้อำนวยการสร้าง สำหรับผมมันคือสามารถรู้ถึงเรื่องที่ดีและเป็นคนดู และซาราห์ เจสสิก้า เป็นคนดูที่ดีสุดสำหรับผม ตอนที่ผมเล่าเรื่องให้เธอฟัง และเธออ่านสคริปท์ เธอสามารถถอดหมวกผู้อำนวยการสร้างออกได้ในไม่กี่วินาที และกลายเป็นคนดู เธอเป็นคนดูคนแรกของผม แล้วเธอก็สวมหมวก และเราก็คิดได้ว่าเราจะทำยังไง และเธอจะช่วยเรื่ององค์ประกอบโปรดักชั่น หมายถึงหนังตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเรื่องซับซ้อน สไตล์หักมุมและเนื้อเรื่องกับการสร้างและกลไก กับโลเคชั่นและเธอก็คุยโทรศัพท์ตลอด ส่วนใหญ่เราจะคอยย้ำเรื่องกำหนดการ และโลเคชั่น และการสร้าง เธอเป็นผู้อำนวยการสร้างที่ทุ่มเทมากๆ เธอมีความกระตือรือร้น และสามารถทิ้งความเป็นนักแสดงไว้เมื่อถึงเวลาทำงาน และเมื่อเธอแสดงก็ไม่มีผู้อำนวยการสร้าง เป็นพรสวรรค์พิเศษ
แท็ก sex and the city  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ