ราชบุรีโฮลดิ้ง สานต่อเจตนารมณ์ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมเปิดโครงการ“ปลูกต้นสัก ๙๙,๗๘๔ ต้น เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 31, 2010 12:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ เนื่องในโอกาสทรงครบรอบปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษกและเฉลิมพระชนมพรรษา บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (“ราชบุรีโฮลดิ้ง”) จัดพิธีเปิดโครงการ “ปลูกต้นสัก ๙๙,๗๘๔ ต้น เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และการเฉลิมพระชนมพรรษา และนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานร่วมในพิธี ณ โรงไฟฟ้าราชบุรี จังหวัดราชบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ โดยโครงการนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้หัวข้อ “ลดโลกร้อนถวายพ่อ” เนื่องในโอกาสทรงครบรอบปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษกและเฉลิมพระชนมพรรษาของกระทรวงพลังงาน โดยประเมินว่า ต้นสักจำนวน 99,784 ต้น จะช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 32,870 ตันเมื่อต้นสักเติบโตเต็มที่ นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทได้ริเริ่มโครงการนี้เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนชั้นนำที่มุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด การดำเนินโครงการนี้จึงเป็นอีกแนวทางที่จะช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อนที่เป็นต้นเหตุของสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่นับวันทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติโดยรวม ประจวบกับปีนี้เป็นปีที่ 10 แห่งการก่อตั้งบริษัทและในปี 2554 จะเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษกและ เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราจึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันเพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยการสร้างป่าสักให้เป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศของโลกให้ลดลง โครงการนี้นอกจากจะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดียิ่งจากกระทรวงพลังงานแล้ว เรายังได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากกรมป่าไม้ซึ่งได้มอบต้นกล้าสักทองมงคลสายพันธุ์เสาชิงช้ามาให้เราปลูกในพิธีเปิดโครงการและมอบให้ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นที่ระลึกอีกจำนวนกว่า 500 ต้น” สำหรับโครงการ “ปลูกต้นสัก ๙๙,๗๘๔ ต้น เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” มีระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี ตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 จนถึงเดือนธันวาคม 2554 โดยมุ่งหวังที่จะเพิ่มจำนวนต้นสักในประเทศให้มากขึ้น โดยต้นสักจำนวน 99,784 ต้นจะนำไปปลูกในพื้นที่ 6 แห่ง ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าราชบุรี จำนวน 9,784 ต้น ส่วนที่เหลือจะนำไปปลูกในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ แม่สิน แม่สาน และแม่สูงฝั่งซ้าย จังหวัดสุโขทัย และพื้นที่ป่าชุมชนที่เข้าร่วมโครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ในจังหวัดสุโขทัย เชียงใหม่ ลำพูน และนครราชสีมา โดยคาดว่า จำนวนต้นสักที่เพิ่มขึ้นอีก 99,784 ต้นจะช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 32,870 ตันเมื่อต้นสักโตเต็มที่ เนื่องจากต้นสักมีศักยภาพในการเก็บกักก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศไว้ในรูปเนื้อไม้ เพื่อลดภาวะก๊าซเรือนกระจกได้ดีกว่าพันธุ์ไม้ชนิดอื่น และผลิตก๊าซออกซิเจนเพิ่มขึ้นได้ 24,000 ตัน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ป่าไม้ของประเทศด้วย “ต้นสักจำนวน 99,784 ต้น เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความจงรักภักดีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ซึ่งทุกภาคส่วน ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กรมการทหารช่าง มณฑลทหารบก จังหวัดราชบุรี หน่วยงานในจังหวัดราชบุรี กรมป่าไม้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เยาวชน ชุมชน ป่าชุมชนต่างๆ และพนักงานของบริษัท จะได้ร่วมกันปลูกต้นสักโดยมีจุดหมายสูงสุดอันเดียวกันคือ เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว” นายนพพล กล่าว ปิดท้าย ข้อมูลทั่วไปต้นสัก ต้นสัก มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Teak และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tectona Grandis มีถิ่นกำเนิดอยู่ในตอนใต้ของประเทศอินเดีย พม่า ไทย อินโดนีเซีย และหมู่เกาะอินเดียตะวันออก เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ผลัดใบในฤดูร้อน ขึ้นเป็นหมู่ในป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือ บางส่วนในภาคกลางและภาคตะวันตก มีอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้นสัก แบ่งออกได้เป็น 5 ชนิดตามสีของเนื้อไม้ การตกแต่ง ความแข็ง ความเหนียวของเนื้อไม้ คือ 1. สักทอง เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลทอง มีเสี้ยน ต้องตกแต่งง่าย 2. สักหิน เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลหรือสีจาง ตกแต่งง่าย 3. สักหยวก เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลอ่อน 4. สักไข เนื้อไม้สีน้ำตาลเข้มปนเหลือง มีใบบน ยากแก่การตกแต่ง 5. สักขี้ควาย เนื้อไม้สีเขียวน้ำตาล น้ำตาลดำดูเป็นสีเลอะๆ ในช่วงก่อน พ.ศ. 2503 พื้นที่ป่าไม้ของประเทศมีถึงร้อยละ 50 ของพื้นที่รวมของทั้งประเทศ แต่จากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ และการขาดการจัดการที่ยั่งยืน ทำให้พื้นที่ป่าไม้ของประเทศลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากความต้องการใช้ไม้ในประเทศ กอปรกับความตระหนักถึงคุณค่าของป่าไม้ ทำให้โครงการปลูกสร้างสวนป่าไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ เอกชน แม้กระทั่งชุมชนต่างๆ ให้ความสนใจทำการปลูกสร้างสวนป่า ไม้ที่นิยมทำการปลูกสร้างสวนป่า ได้แก่ ไม้สัก ไม้ยูคาลิปตัส ไม้สน ไม้โกงกาง และไม้โตเร็วชนิดอื่นๆ ป่าไม้มีบทบาทในวงจรคาร์บอน (Carbon cycle) ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดคาร์บอนไดออกไซด์ และดูดซับเข้าไปเก็บไว้ในรูปมวลชีวภาพ CO2 จะถูกปลดปล่อยออกมาจากพื้นที่ป่าไม้เมื่อบริเวณดังกล่าวถูกเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินไปเป็นประเภทอื่น เช่น การเกษตรกรรม พื้นที่อยู่อาศัย เป็นต้น ความสามารถในการดูดซับ CO2 จึงขึ้นอยู่กับอัตราการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน ความหนาแน่นของป่าไม้ ชนิดไม้ เป็นต้น โครงการ “ปลูกต้นสัก ๙๙,๗๘๔ ต้น เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” มุ่งเน้นการปลูกเพิ่มจำนวนต้นสักในประเทศให้มากขึ้นเนื่องจากต้นสักมีศักยภาพในการเก็บกักก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศไว้ในรูปเนื้อไม้ (Carbon Sink) เพื่อลดภาวะก๊าซเรือนกระจกได้ดีกว่าพันธุ์ไม้ชนิดอื่น นักวิชาการประเมินว่าต้นสัก 1 ต้นจะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 0.329 ตันใน 15 ปี โดยโครงการนี้มีเป้าหมายจะปลูกต้นสักจำนวน 99,784 ต้น ซึ่งเป็นตัวเลขมงคลที่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย คำนวณตามปริมาตรเนื้อไม้สักเมื่อเริ่มปลูกและโตเต็มที่ใช้เวลาประมาณ 15 ปี จะได้เนื้อไม้สัก 0.28 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นน้ำหนัก 182 กิโลกรัม/ต้น จากข้อมูลการวิจัยพบว่า เนื้อไม้ 1 ตัน จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ 1.81 ตัน และปล่อยก๊าซออกซิเจน (O2) ได้ 1.32 ตัน ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 18,160 ตัน เมื่อต้นสักโตเต็มที่ เมื่อปลูกครบจำนวน 99,784 ต้น จะได้น้ำหนักรวม 18,160.688 ตัน สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใน ชั้นบรรยากาศลดลงได้ 32,870 ตัน และผลิตก๊าซออกซิเจนเพิ่มขึ้นได้ 24,000 ตัน ข้อมูลทั่วไปบริษัท บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2543 โดยในปี 2553 นับเป็นปีที่ 10 ของการก่อตั้งบริษัท บริษัทดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ดำเนินการแล้วจำนวน 4 โครงการ มีกำลังผลิตติดตั้งรวมประมาณ 4,347 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าราชบุรี กำลังผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้น (99.99%) 3,645 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ กำลังผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้น (50%) 350 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ กำลังผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้น (25%) 350 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้ง 3 โครงการตั้งอยู่ในจังหวัดราชบุรี และโรงไฟฟ้าประดู่เฒ่า กำลังผลิตติดตั้ง 1.75 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม โดยร่วมกับกรมป่าไม้ จัดทำโครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน เป็นระยะเวลา 5 ปี (2551-2555) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนทั่วประเทศมีระบบการจัดการป่าชุมชนที่เข้มแข็ง มีการใช้ประโยชน์จากป่าอย่างพอเพียงและสมดุล พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์และหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ของทุกภาคส่วนทั้งในระดับชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ratch.co.th สื่อมวลชนสัมพันธ์ :บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) วิวรรณ พยัฆวิเชียร / คณุตม์ บุญหนูกลับ โทร. 0 2978 5221-4 อีเมล์ : wiwanp@ratch.co.th บริษัท อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ จำกัด (บริษัทประชาสัมพันธ์) หงสินันท์ / จิตติมา / สาธิดา โทร 0 2252 9871 อีเมล์ : hongsinunt.s@abm.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ