ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของบมจ. ปตท. เคมิคอล; ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพ

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday June 5, 2010 13:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 มิ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวของบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH ที่ ‘A+(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิที่ ‘A+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ที่มีหลักประกันที่ ‘AA-(tha)’ ในขณะเดียวกันฟิทช์ได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพจากแนวโน้มเครดิตเป็นลบ การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงาน และอัตราส่วนทางการเงินต่างๆที่ใช้ในการพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทฯ ที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปี 2553 รวมถึงการที่ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯจะสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินลงได้ ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (adjusted net debt to EBITDAR) และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สิน (funds from operations adjusted net leverage) ที่คาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 2 เท่า ภายในปี 2554 ทั้งนี้เป็นผลจากการผลิตในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบของโรงงานผลิตโอเลฟินส์และโรงงานผลิตโพลิเมอร์แห่งใหม่ และค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่คาดว่าจะลดลง นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่มีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่มาจากประเทศในแถบเอเชีย ผลประกอบการของ PTTCH ในปี 2552 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าที่ 15.6 พันล้านบาท เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 จากระดับที่ต่ำมากในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 และ ไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 แม้ว่าหนี้สินสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 34.6 พันล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าของบริษัทฯเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 เท่า ณ สิ้นปี 2552 แต่ยอดหนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวยังคงดีกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ไว้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทฯที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดและค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าสำหรับ 12 เดือนล่าสุด ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 ของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ระดับ 1.7 เท่า อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2553 ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลง ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวของบริษัทฯน่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2 เท่า ณ สิ้นปี 2553 และปรับตัวดีขึ้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2 เท่าหลังจากปี 2553 เป็นต้นไป เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการผลิตและส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น อันดับเครดิตของ PTTCH สะท้อนถึงการสนับสนุนจากความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจและการดำเนินการที่มีในระดับที่สูงกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. (ปัจจุบัน ฟิทช์จัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ ปตท. ที่ระดับ AAA(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) เนื่องจาก PTTCH เป็นผู้ดำเนินการหลักสำหรับกลุ่ม ปตท. ในธุรกิจปิโตรเคมีที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบ นอกจากนี้ PTTCH ยังมีสัญญาการจัดซื้อวัตถุดิบในระยะยาวกับ ปตท. และมีสัญญาการขายในลักษณะ Off-take Agreement กับ ปตท. อีกด้วย อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ PTTCH มีขนาดการผลิตผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ที่ใหญ่และมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ รวมถึงการขยายการผลิตลงไปในธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้รวมและช่วยลดความผันผวนของรายได้ในระยะยาวอีกด้วย อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงปัจจัยความเสี่ยงทางด้านความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ตามวัฏจักรของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งนำไปสู่ความผันผวนของอัตราส่วนกำไรและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 2553 มีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินเนื่องจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกำลังการผลิตโอเลฟินส์ในตะวันออกกลางที่ใช้วัตถุดิบก๊าซธรรมชาติซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำ รวมถึงแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะกดดันส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบและอัตราการใช้กำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2553 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแออยู่ จากการที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้ตัวแทนของภาครัฐระงับโครงการทั้งหมด 65 โครงการในบริเวณพื้นที่มาบตาพุดเนื่องจากโครงการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้บริษัทฯไม่สามารถใช้กำลังการผลิตจากโรงงานที่สร้างใหม่ได้อย่างเต็มที่ โดยบริษัทฯมี 7 โครงการที่ถูกระงับดำเนินงานชั่วคราวจากคำสั่งดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทฯยังมีโรงผลิตโอเลฟินส์ใหม่ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลักโดยต้องใช้วัตถุดิบดังกล่าวจากโรงแยกก๊าซที่ 6 ของปตท. ซึ่งเป็น 1 ใน 65 โครงการที่ถูกระงับด้วย อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในปี 2553 นอกจากนี้ผลกระทบต่อบริษัทฯอาจจะลดน้อยลง หากโรงแยกก๊าซที่ 6 ของปตท.และโรงผลิตโพลิเมอร์โรงงานใหม่ที่มีกำลังการผลิต 300,000 ตันต่อปีของบริษัทฯ ได้รับการยกเว้นโดยไม่ถูกรวมอยู่ใน 19 โครงการร้ายแรงที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยกรธรรมชาติและสุขภาพ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการ 4 ฝ่ายกำลังยกร่างเพื่อจะเตรียมนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือน มิถุนายน 2553 เพื่อให้อนุมัติต่อไป ปัจจัยที่จะส่งผลในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทฯประกอบด้วย ภาวะถดถอยของอุตสาหรรมที่รุนแรงและยืดเยื้อกว่าที่คาดการณ์ไว้ การลงทุนที่มีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมที่สูง รวมถึงอัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าที่คาดไว้ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าที่สูงกว่า 2 เท่าอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้ามการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบ ความสามารถทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ การมีกระแสเงินสดสุทธิ (free cash flow) ที่เป็นบวกและมีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลในทางบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทฯ หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตหาได้ที่ www.fitchratings.com ในการจัดอันดับเครดิตฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม Corporate Rating Methodology ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 และ Rating Chemical Company ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2553 ติดต่อ: เอกพันธ์ พรหมประพันธ์, เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, Vincent Milton, + 662 655 4755 หมายเหตุ: การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้ ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com การใช้อันดับเครดิตที่จัดทำโดยฟิทช์เรทติ้งส์มีข้อจำกัดและขอบเขตการใช้ ซึ่งข้อจำกัดและขอบเขตของการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวสามารถหาได้จาก HTTP://FITCHRATINGS.COM/UNDERSTANDINGCREDITRATINGS นอกจากนี้คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฎข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ