ผู้ถือหุ้นแสนสิริโหวตผ่านแผนเพิ่มทุน 1.2 หมื่นล้านบาท เตรียมแผนรุกโปรเจ็คครบวงจร รองรับสู่อันดับหนึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์

ข่าวทั่วไป Thursday January 18, 2007 17:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--เบตี้ คอนซัลติ้ง
ผู้ถือหุ้นแสนสิริไฟเขียว ผ่านแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนครั้งใหญ่ จากเดิม 6,305 ล้านบาท เป็น 12,610 ล้านบาท พร้อมออกวอแรนท์ที่สามารถรองรับการเพิ่มทุนสูงสุดเป็น 19,238 ล้านบาท หนุนแผนใหญ่ ที่ต้องการสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่ง ขยายตลาดที่อยู่อาศัยครบวงจรเพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า ตั้งเป้าหมายชัดเจนในการรุกสู่อันดับหนึ่งวงการอสังหาริมทรัพย์ภายใน 3 ปี
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วานนี้ (18 ม.ค.) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2550 ได้มีมติอนุมัติแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 6,628,246,421.68 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 19,238,471,822.56 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 2,946,314,346 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 4.28 บาท พร้อมกันนี้อนุมัติออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (Warrant) จำนวนไม่เกิน 1,473,314,346 หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธ์ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีบริษัทหลักทรัพย์ยูบีเอส (ประเทศไทย) เป็นผู้ร่วมดำเนินการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยจะมีการดำเนินการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ที่อาจเป็นนักลงทุนในประเทศหรือต่างประเทศในลำดับต่อไป ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะดำเนินการเพิ่มทุนเมื่อบรรยากาศการลงทุนกระเตื้องขึ้นจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และตลาดหลักทรัพย์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
“ ในการประชุมครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เข้าใจถึงสถานการณ์และความจำเป็นในของการเพิ่มทุนของแสนสิริเป็นอย่างดี เนื่องจากเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหลังจากการเพิ่มทุน ไปจนถึงเม็ดเงินที่จะได้รับหลังจากการใช้สิทธิ์ซื้อวอร์แรนท์นั้น จะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนสูงกว่า 19,200 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้แสนสิริสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งด้านการขยายฐานการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น ฐานะทางเงินที่ที่แข็งแกร่งจากการลดภาระการพึ่งพาการกู้ยืมเงินลงทุนจากสถาบันการเงิน อันจะนำไปสู่การบริหารต้นทุนและการสร้างผลกำไรทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นเชื่อมั่นว่าการปรับตัวของแสนสิริในครั้งนี้ น่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย โดยแสนสิริ น่าจะสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ในระยะเวลาอันใกล้อย่างแน่นอน” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2550 รวมถึงแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต น่าจะสรุปได้อย่างชัดเจนที่สุด หลังจากได้ดำเนินการเพิ่มทุนเสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ในเบื้องต้นแผนการดำเนินธุรกิจของแสนสิริในช่วงต่อไป ยังคงยึดกลยุทธ์หลัก 4 ประการที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจมีความแข็งแกร่งนอกเหนือจากการเพิ่มทุนจดทะเบียน ประการแรกคือการสานต่อการสร้างแบรนด์สินค้าให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งโครงการบ้านจัดสรรและโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเกิดขึ้นอีกหลายโครงการ ประการที่สองคือการที่แสนสิริมียอดขายล่วงหน้า (Pre-Sale Backlog) เป็นมูลค่ารวมเกือบ 15,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องใน 1-3 ปีข้างหน้า ประการที่สามคือ แผนการขยายฐานการพัฒนาธุรกิจที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจรผ่านบริษัทในเครือต่างๆ เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า และประการสุดท้ายคือการมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีผลกระทบต่อแผนการลงทุนระยะยาว อันจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและสถาบันการเงินได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็มีความชัดเจนมากขึ้น ตามเป้าหมายสำคัญที่วางไว้ว่าจะต้องดำเนินการให้สำเร็จภายในช่วง 3 ปีนี้นั่นเอง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สตรีรัตน์ ล้ำเลิศปัญญา (จู)
Media Relation Supervisor
บริษัท เบตี้ คอนซัลติ้ง จำกัด
17 ถนนสุขุมวิท (ซอย 4) คลองเตย กทม. 10110
โทร. 02-656-9200-7
โทรสาร 02-656-9879 ต่อ 0
มือถือ 081-916-1883
อีเมล์ satreerat@batey.co.th
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ