กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--พม.
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในเวทีเสวนาโต๊ะกลม “พลังสภาเด็กและเยาวชน...ขับเคลื่อนสังคมไทย” ที่ห้องประชุมนานาชาติ ๔๐๔ อาคารประชุมสุข อาชวอำรุง คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า ปัจจุบันสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และสื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้เด็กและเยาวชน ขาดภูมิคุ้มกันก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย การจัดการปัญหาดังกล่าวเปรียบเสมือนพยายามอุดรอยรั่ว ตามแก้ไขเท่าไรก็ไม่สิ้นสุด ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญและยอมรับคุณค่าของเด็กและเยาวชน ช่วยกันกระตุ้นให้เขากล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก ตามศักยภาพและพลังในเชิงสร้างสรรค์ โดยสร้างการมีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหาของเด็กและเยาวชนแบบบูรณาการ เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสดำเนินกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ในท้องถิ่น สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ให้เป็นประโยชน์ รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงไม่ตกเป็นเหยื่อหรือสร้างปัญหาให้กับสังคม และพร้อมที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศต่อไป
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า การดำเนินงานที่ผ่านมา กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) ได้เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชน ได้แสดงศักยภาพของตนเองในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งเสนอแนะแนวทางการพัฒนาเด็กและเยาวชนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านตัวแทนสภาเด็กและเยาวชนในระดับต่าง ๆ และผู้แทนที่เป็นคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ เห็นได้จาก ปี ๒๕๕๓ เด็กและเยาวชนได้เสนอเรื่องจังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็กและเยาวชน และกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน เป็นวาระเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ซึ่ง ครม. มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๒ ก.พ.๒๕๕๓ และ สท. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนวาระฯ ในพื้นที่นำร่อง ๑๐ จังหวัด ๔ ภาค รวมทั้งจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ บูรณาการพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชนใน ๔ ภาค เพื่อบูรณาการการดำเนินงานโครงการสร้างบทบาทและพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน ร่วมกับโครงการสนับสนุนบทบาทเครือข่ายสภาเด็กและเยาวชน โดยมุ่งเน้นให้สภาเด็กและเยาวชนอำเภอ สภาเด็กและเยาวชนจังหวัด เป็นศูนย์กลางกระตุ้นให้เกิดการรวมตัวกันของกลุ่มแกนนำเยาวชนในระดับตำบล เป็นสภาเด็กและเยาวชนระดับตำบล เพื่อให้เกิดการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์เชิงจิตอาสาอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ที่มีชีวิต” ฝึกฝนความชำนาญในการอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมแบบประชาธิปไตย ฝึกการทำงานเป็นทีม และเป็นฐานให้สภาเด็กและเยาวชนเข้มแข็งขึ้น ขณะเดียวกันก็จะช่วยให้เด็กและเยาวชนมีพื้นที่สร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ป้องกันไม่ให้ไปทำกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อตนเองและสังคม
“การปลูกฝังให้เด็กและเยาวชน เป็นคนดี หรือการสอนให้เป็นคนดีอาจไม่สามารถฝังลึกลงไปในจิตใจได้ แต่ถ้าได้ลงมือกระทำความดีด้วยตนเองโดยผ่าน “กิจกรรมจิตอาสา” จะเป็นการปลูกฝังความดีให้เด็กและเยาวชน พร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ดังนั้น “จิตอาสา” จึงเป็นหัวใจของการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาต่าง ๆ ทำให้เด็กและเยาวชนได้ทำงานเป็นทีม รู้จักคิด วิเคราะห์ มีความรับผิดชอบและตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผล คุณธรรม จริยธรรม และสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้” นายอิสสระ กล่าว