ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ.ศุภาลัย” ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 20, 2010 13:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาทของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกันก็ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “A-” และหุ้นกู้มีประกันที่ระดับ “A” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย แบรนด์สินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดผู้มีรายได้ระดับปานกลาง ความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพ ตลอดจนลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง และการแข่งขันในการซื้อที่ดินของผู้ประกอบการที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่อันดับเครดิตของหุ้นกู้นั้นได้รับแรงหนุนจากมูลค่าของอาคารสำนักงานให้เช่า “ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์” ซึ่งใช้เป็นหลักประกันที่ระดับ 1.7 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้คงค้างตลอดอายุของหุ้นกู้ด้วย แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจแม้ว่ามาตรการด้านภาษีของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงและการแข่งขันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ กระแสเงินสดและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมแม้จะมีแผนการขยายธุรกิจเชิงรุกมากขึ้นและมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทศุภาลัยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2532 โดยตระกูลตั้งมติธรรม ณ เดือนมีนาคม 2553 ตระกูลตั้งมติธรรมยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทที่ถือครองหุ้นในสัดส่วนทั้งสิ้น 28% บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนาประมาณ 40 โครงการ ด้วยมูลค่ายอดขายคงเหลือ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 ประมาณ 12,000 ล้านบาท และยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้เป็นจำนวนมากถึงประมาณ 18,700 ล้านบาท โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทมีทั้งโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งคิดเป็น 63% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดและโครงการบ้านจัดสรรซึ่งคิดเป็น 37% ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้บริษัทสามารถเสนอขายที่อยู่อาศัยในราคาที่แข่งขันได้ ยอดขายของบริษัทในปี 2552 คิดเป็นมูลค่า 13,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จาก 9,091 ล้านบาทในปี 2551 ในขณะที่ยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 8,104 ล้านบาท จาก 3,773 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2552 ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการเปิดขายโครงการใหม่ในช่วงปี 2552 จนถึงช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 ส่วนรายได้ของบริษัทนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขาย โดยในปี 2552 เพิ่มขึ้นถึง 56% เป็น 9,618 ล้านบาท จาก 6,170 ล้านบาทในปี 2551 ในไตรมาสแรกของปี 2553 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 52% เป็น 3,162 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการโอนคอนโดมิเนียมในโครงการศุภาลัย ริเวอร์ เพลส และศุภาลัย ปาร์ค ศรีนครินทร์ มูลค่ารวมประมาณ 4,600 ล้านบาทในปี 2552 รวมทั้งการโอนคอนโดมิเนียมโครงการซิตี้โฮม รัชดา-ปิ่นเกล้ามูลค่า 969 ล้านบาท และการโอนบ้านจัดสรรที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2553 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงแข็งแกร่งกว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ระดับ 38.33% ในปี 2552 และ 39.69% ในไตรมาสแรกของปี 2553 การที่บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงเป็นผลมาจากการบริหารต้นทุนการดำเนินงานที่ดี นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับ 77.06% ในปี 2552 และ 39.21% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2553 ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 30.10% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 และ 21.59% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 โดยลดลงจาก 48.50% ณ สิ้นปี 2551 ทริสเรทติ้งยังกล่าวถึงภาวะตลาดที่อยู่อาศัยว่าในปี 2552 ที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนซึ่งเป็นผลมาจากความไม่มีเสถียรภาพของการเมืองภายในประเทศและวิกฤติการณ์ทางการเงินทั่วโลก แม้ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 แต่ก็ยังถือว่าชะลอตัวอยู่และถูกครอบงำโดยผู้ประกอบการรายใหญ่มากยิ่งขึ้น หลังจากมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในปี 2552 ผู้ประกอบการรายใหญ่ส่วนใหญ่จึงวางแผนขยายธุรกิจเชิงรุกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า การซื้อที่ดินในทำเลดีจึงมีแนวโน้มที่จะมีต้นทุนสูงขึ้น ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่สิ้นสุดไปเมื่อปี2552 และมาตรการบางส่วนซึ่งกำลังจะสิ้นสุดในปี 2553 ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 2553 ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 2553 จะค่อยๆ ฟื้นตัวตามการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A- อันดับเครดิตตราสารหนี้:SPALI133A: หุ้นกู้มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557 A- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ