กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--เทรนด์ ไมโคร
ผลการสำรวจทั่วโลกพบว่าเกือบ 1 ใน 4 ของพนักงานที่ตอบแบบสำรวจ เข้าใช้ไซต์เครือข่ายทางสังคมขณะที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่ายองค์กร คูเปอร์ติโน, แคลิฟอร์เนีย — 21 กรกฎาคม 2553 — แม้ว่าสถานที่ทำงานเป็นจำนวนมากกำลังวางกรอบควบคุมการใช้งานไซต์เครือข่ายทางสังคม แต่บรรดาพนักงานก็กำลังหาทางเอาชนะสิ่งกีดขวางด้านความปลอดภัยดังกล่าวด้วยการสร้างเครือข่ายทางสังคมซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนทำงานทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
จากผลการสำรวจผู้ใช้ภายในองค์กรประจำปี 2553 ของบริษัท เทรนด์ ไมโคร ซึ่งประกอบด้วยผู้ใช้ 1600 รายในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี และญี่ปุ่น พบว่ามีการใช้เครือข่ายทางสังคมทั่วโลกภายในที่ทำงานเพิ่มขึ้นจาก 19% ในปี 2551 เป็น 24% ในปี 2553 โดยในช่วงสองปีที่ผ่านมามีการเพิ่มจำนวนของการใช้งานไซต์เครือข่ายทางสังคมภายในเครือข่ายองค์กรเป็นอย่างมาก และพบว่ากลุ่มผู้ใช้ในอังกฤษมีจำนวนเพิ่มขึ้น 6% และเยอรมนีเพิ่มมากกว่า 10%
สำหรับในญี่ปุ่นนั้น ไม่มีความแตกต่างมากนักระหว่างผู้ใช้จากธุรกิจขนาดเล็กและจากองค์กรขนาดใหญ่ แต่จากการสำรวจพบว่าผู้ใช้แล็ปท็อปมีแนวโน้มสูงกว่าผู้ใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่จะเข้าใช้ไซต์เครือข่ายทางสังคม และผลสำรวจจากทั่วโลกพบว่าการใช้ไซต์เครือข่ายทางสังคมผ่านทางแล็ปท็อปมีจำนวนเพิ่มขึ้นประมาณ 8% จากปี 2551 ถึง 2553 โดยในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% และในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 14%
ในปี 2553 พบว่ามีจำนวนผู้ใช้แล็ปท็อปที่เชื่อมต่อไซต์เครือข่ายทางสังคม 29% ขณะที่ผู้ใช้เดสก์ท็อปที่ระบุว่าพวกเขาเข้าเยี่ยมชมไซต์เหล่านี้ในที่ทำงานบ่อยครั้งมีจำนวน 18% สำหรับญี่ปุ่นในปี 2553 พนักงานของบริษัทขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะเข้าเยี่ยมชมไซต์เครือข่ายทางสังคมมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ โดยคิดเป็นสัดส่วน 21% จากบริษัทขนาดเล็กเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเพียง 7% เท่านั้น
สำหรับข้อมูลที่ได้ในปี 2553 ของทุกประเทศที่ทำการสำรวจ พบว่าผู้ใช้แล็ปท็อปที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายนอกเครือข่ายของบริษัทได้ มีแนวโน้มสูงที่จะแบ่งปันข้อมูลที่เป็นความลับผ่านทางบริการรับส่งข้อความด่วน (Instant Messenger) บริการอีเมลบนเว็บ และแอปพลิเคชั่นประเภทสื่อสังคม มากกว่าผู้ที่เชื่อมต่ออยู่ภายในเครือข่ายของบริษัท สิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างมากในเยอรมนีและญี่ปุ่น
เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ติดต่อสื่อสารผ่านทางเครือข่ายสังคม เครือข่ายสังคมจึงกลายเป็นสื่อกลางในการแจกจ่ายมัลแวร์ โดยเฉพาะ KOOBFACE ซึ่งเป็น “บ็อตเน็ตของเว็บ 2.0 ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด” ซึ่งขณะนี้ได้ควบคุมและสั่งการเครื่องตกเป็นเหยื่อแล้วประมาณ 51,000 เครื่องทั่วโลก สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของภัยคุกคาม ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความรู้แก่ผู้ใช้และนำนโยบายไปบังคับใช้อย่างเข้มงวด การพยายามเพียงแค่ป้องกันผู้ใช้ไม่ให้เข้าถึงเครือข่ายสังคมจากที่ทำงานอาจไม่สามารถลดความเสี่ยงขององค์กรได้ เนื่องจากผู้ใช้จะมองหาวิธีผ่านระบบรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ที่อาจเพิ่มโอกาสให้เกิดภัยคุกคามความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นไปอีก
นายเดวิด เพอร์รี ผู้อำนวยการส่วนงานด้านการศึกษา บริษัท เทรนด์ ไมโคร กล่าวว่า “เครือข่ายทางสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ทั้งแบบส่วนตัวและแบบมืออาชีพ และแม้ว่าบริษัทส่วนใหญ่จะมีความกังวลเกี่ยวกับเครือข่ายทางสังคมภายในสถานที่ทำงานของตน เนื่องจากเกรงว่าอาจจะสูญเสียประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานไป แต่สิ่งที่พวกเขาอาจไม่เคยตระหนักถึงเลยก็คือไซต์เครือข่ายทางสังคมจำนวนมากถูกสร้างบนเทคโนโลยีแบบโต้ตอบที่เอื้อโอกาสให้อาชญากรไซเบอร์สามารถหาประโยชน์จากผู้ใช้ โดยการขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางธุรกิจ และทำให้เครือข่ายองค์กรได้รับความเสียหายด้วยมัลแวร์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการปรับใช้โซลูชั่นรักษาความปลอดภัย และแนวทางการใช้งานเครือข่ายทางสังคมอย่างเหมาะสม จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงให้กับบริษัทที่ยอมให้พนักงานของตนสามารถเยี่ยมชมไซต์เหล่านั้นได้”
การให้ความรู้ การรับรู้ และผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยที่เหมาะสม
การให้ความรู้ผนวกกับเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับธุรกิจของคุณคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้สามารถควบคุมการสร้างความสัมพันธ์ของเครือข่ายทางสังคมได้ “คู่มือความปลอดภัยสำหรับเครือข่ายทางสังคม (Security Guide to Social Networks)” ของบริษัท เทรนด์ ไมโคร จะตรวจสอบรูปแบบการโจมตีของอาชญากรไซเบอร์ผ่านไซต์เครือข่ายทางสังคมและให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีที่องค์กรธุรกิจจะสามารถรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายภายในองค์กรจากการดำเนินการที่เป็นอันตรายได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแพร่กระจายของบ็อตเน็ต KOOBFACE ผ่านไซต์เครือข่ายทางสังคม ให้ดูที่ “วิวัฒนาการของบ็อตเน็ตของเว็บ 2.0: การกลับมาใหม่ของ KOOBFACE (Web 2.0 Botnet Evolution: KOOBFACE Revisited)” ซึ่งเป็นเอกสารด้านเทคนิคที่เขียนโดยนักวิจัยด้านภัยคุกคามของบริษัท เทรนด์ ไมโคร
ทั้งนี้ องค์กรขนาดใหญ่เลือกใช้เทรนด์ ไมโคร ออฟฟิศสแกน (Trend Micro OfficeScan) เพื่อปกป้องคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป แล็ปท็อป เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และสมาร์ทโฟน ทั้งภายในและภายนอกเครือข่ายองค์กรของตนด้วยการผสานรวมนวัตกรรมระดับโลกในด้านการป้องกันมัลแวร์และการป้องกันภัยร้ายจากอินเทอร์เน็ตของเครือข่ายป้องกันภัยอัจฉริยะเทรนด์ ไมโคร สมาร์ท โพรเท็คชั่น เน็ตเวิร์ค และนับเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้วที่ชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูล เทรนด์ ไมโคร ออฟฟิศ สแกน ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 จากการทดสอบอิสระสำหรับความสามารถโดยรวมที่ดีที่สุดในด้านการบล็อกมัลแวร์ที่แพร่ กระจายอยู่ในไซต์เครือข่ายทางสังคมและด้วยออฟฟิศ สแกน (OfficeScan) จะทำให้องค์กรขนาดใหญ่ได้รับประโยชน์จากเครือข่ายทางสังคมทั้งหมดโดยที่ปราศจากความเสี่ยงใดๆ