กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/2553 โดยธนาคารและบริษัทในเครือได้รายงานผลประกอบการโดยสรุปสาระสำคัญดังนี้
ธนาคารและบริษัทในเครือมีกำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและภาษี) รวม 6,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% และ 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2552 และไตรมาส 1/2553 ตามลำดับ
เมื่อหักสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 2,905 ล้านบาท และหักภาษีเงินได้จำนวน 1,162 ล้านบาทแล้ว ธนาคารมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 2,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% และ 3% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2552 และไตรมาส 1/2553 ตามลำดับ
รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 37% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
สินเชื่อที่มีคุณภาพเติบโต 3.2% (สินเชื่อรวมเติบโตสุทธิจำนวน 15,383 ล้านบาท) ในครึ่งปีแรกของปี 2553
คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ปรับดีขึ้นจาก 74% มาอยู่ที่ระดับ 82% ในครึ่งปีแรกของปี 2553
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ลดลงจาก 52,080 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มาอยู่ที่ระดับ 49,702 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 และลดลงอีก 5,254 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2553 มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาท
นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารพอใจในผลการดำเนินงานในไตรมาสที่สองนี้ แม้ว่าภาวะตลาดได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในระหว่างไตรมาส โดยธนาคารมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นและมีสินเชื่อที่เติบโตขึ้น ธนาคารประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 20,000 ล้านบาท ซึ่งจำหน่ายหมดลงอย่างรวดเร็ว แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการดำเนินงาน ความมั่นคง และศักยภาพของธนาคาร และหลังปิดงวดบัญชีไตรมาสสอง ธนาคารมีข้อตกลงในการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพซึ่งมีราคาตามบัญชีเท่ากับ 5,254 ล้านบาทให้กับบุคคลภายนอก ธุรกรรมนี้แม้จะไม่มีผลต่องบกำไรขาดทุนของธนาคาร แต่ช่วยลดจำนวนสินเชื่อด้อยคุณภาพลงมาอยู่ที่ระดับ 44,448 ล้านบาท หรือลดลงมากกว่า 10% จากจำนวนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันสิ้นงวดไตรมาสสอง”
“ผลสำเร็จที่เราทำได้จนถึงขณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่เหมาะสมชัดเจนที่เราได้เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี คือการรวมกิจการ (Integrate) การมุ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Optimise) และการเร่งสร้าง (Accelerate) แม้ว่าเราต้องเผชิญกับภาวะทางการตลาดที่ท้าทายในเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา การรวมกิจการที่ธนาคารได้เข้าซื้อกำลังดำเนินไปด้วยดี เราจะมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยใช้ศักยภาพและความแข็งแกร่งของธนาคารและบริษัทในเครืออย่างสูงสุดเพื่อตอบสนองลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเราต่อไป” นายมาร์ค อาร์โนลด์ กล่าวในที่สุด
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 851,575 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อ 618,891 ล้านบาทและเงินฝาก 523,258 ล้านบาท ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ17.7% เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) 12.0%
ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 851,575 ล้านบาท เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขา 578 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำเพื่อรายย่อยชั้นนำของโลกได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาบรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย โดยปัจจุบัน จีอี มันนี่ และกลุ่มรัตนรักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารในสัดส่วนร้อยละ 33 และร้อยละ 25 ตามลำดับ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร www.krungsri.com
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 02 296 3795, 02 296 2443-4
โทรสาร 02 683 1271
อีเมล์ [email protected]