กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายวันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อผู้สื่อข่าวถึงความเป็นมาของการจัดทำข้อตกลงในการจำหน่ายสลากบำรุงการกุศลให้กับตัวแทนจำหน่าย ฯ ในวันที่ 3 และ 4 สิงหาคม 2553 ที่สโมสรตำรวจว่า สืบเนื่องจาก คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดำเนินการออกสลากบำรุงการกุศลให้กับหน่วยงานต่าง ๆ และคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เห็นชอบให้ดำเนินการออกประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่องการจัดสรรสลากบำรุงการกุศล จำนวน 10 ล้านฉบับ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 ได้กำหนดจัดสรรให้กับนิติบุคคล รายละ 20,000 เล่ม รวม 3 ราย ส่วนกลุ่มที่ 2 จัดสรรให้กับนิติบุคคลจำนวน 10 ราย รายละ 1,500 เล่ม กลุ่มที่ 3 เป็นการจัดสรรสลากจำนวน 5,000 เล่ม ให้นิติบุคคลจำนวน 250 ราย รายละ 20 เล่ม และกลุ่มที่ 4 จำนวนสลาก 20,000 เล่ม จัดสรรให้กับสมาคมผู้พิการ/มูลนิธิการกุศลต่างๆ โดยจะเฉลี่ยให้เท่ากันทุกหน่วยงานตามจำนวนที่แจ้งความประสงค์
ต่อมา ปรากฏว่ามีผู้แจ้งความประสงค์จะขอรับสลากไปจำหน่ายในกลุ่มที่ 3 และ 4 เป็นจำนวนมากกว่า 3,000 ราย ดังนั้น หากมีการสุ่มเลือกเพียง 250 รายตามประกาศ จะทำให้ปริมาณสลากไม่สามารถกระจายได้ตามความต้องการของผู้ประสงค์จะรับสลากไปจำหน่าย ประกอบกับมีการชุมนุมรียกร้องของกลุ่มผู้พิการบางกลุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง(นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) จึงได้มอบหมายนโยบายให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล อนุมัติพิมพ์สลากบำรุงการกุศลเพิ่มอีก 40,000 เล่มหรือ 4 ล้านฉบับ(ฉบับละ 40 บาท) เพื่อนำไปรวมกับส่วนเดิมที่จะจัดสรรให้กับกลุ่มที่ 3 และ 4 จำนวน 25,000 เล่ม (2,500,000 ฉบับ) รวมเป็นสลากทั้งหมดเพื่อจัดสรรให้กับผู้ประสงค์จะขอรับไปจำหน่าย 65,000 เล่ม หรือ 6,500,000 ฉบับ(ฉบับละ 40 บาท)
ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อไปอีกว่า สลากจำนวน 65,000 เล่ม(เล่มละ 4,000 บาท) นั้น ได้จัดสรรให้กับผู้ที่แจ้งความประสงค์จะรับไปจำหน่ายกลุ่มที่ 3 รายละ 15 เล่ม รวมทั้งสิ้น 2,626 ราย และจัดสรรให้กับผู้แทนจำหน่ายกลุ่มที่ 4 รวม 808 ราย ได้แก่ สมาคม/องค์กรผู้พิการจำนวน 388 ราย รายละ 45 เล่ม (เล่มละ 4,000 บาท) และสมาคม / องค์กรการกุศลอื่น ๆ อีก 420 ราย รายละ 19 เล่ม(เล่มละ 4,000 บาท) คาดว่าจะสามารถบรรเทาปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาและการร้องเรียนของกลุ่มผู้พิการได้
สำหรับการจัดให้มีการลงทะเบียนและจัดทำข้อตกลงในวันที่ 3 และ 4 สิงหาคมนั้น นายวันชัย ฯ กล่าวว่า ตนประสงค์ให้ผู้เป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วน/นิติบุคคล/นายกสมาคม รวมทั้งประธานมูลนิธิและองค์กรการกุศลต่าง ๆ เดินทางมาแสดงตนและลงนามในข้อตกลงด้วยตนเอง พร้อมทั้งได้จัดประชุมเพื่อชี้แจง ทำความเข้าใจ กฎระเบียบในการรับสลากไปจำหน่าย และการควบคุมไม่ให้เกิดการจำหน่ายสลากเกินราคา พร้อมทั้งได้มอบเอกสารที่จำเป็นในการดำเนินการ ทั้งนี้ บรรยากาศในการลงทะเบียนและจัดทำข้อตกลงทั้ง 2 วัน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยได้รับความร่วมมือจากสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง และ 191 ในการอำนวยความสะดวก
สำหรับหลักเกณฑ์ในการลงโทษกรณีจำหน่ายสลากเกินราคาหรือไม่ปฏิบัติตามสัญญานั้น ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า หากตรวจพบ หรือมีการจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายเกินราคาโดยนิติบุคคลหรือตัวแทนผู้ได้รับการสรรสลากโดยตรง หรือจำหน่ายเกินราคาโดยผู้ที่เป็นสมาชิกขององค์กรหรือนิติบุคคลที่ได้รับการจัดสรร จะมีการลงโทษตามลำดับ ตั้งแต่การตัดโควตาบางส่วนหรือทั้งหมดและการบอกเลิกสัญญา นอกจากนี้ หากตัวแทนจำหน่ายประเภทใดขายโควตา หรือโอนสิทธิให้ผู้อื่น โดยไม่จำหน่ายเอง สำนักงานสลาก ฯ จะตัดโควตาและบอกเลิกสัญญาในจำนวนสลากที่รับไปจำหน่ายทันที
นายวันชัย ฯ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับสถิติการจับกุมผู้จำหน่ายสลากเกินราคาตั้งแต่งวดวันที่ 1 ตุลาคม 2551 จนถึงขณะนี้ว่า ได้มีการจับกุมแล้ว 12,081 ราย ในส่วนกลาง 5,449 ราย ส่วนภูมิภาค 6,632 ราย ทั้งนี้ ได้ดำเนินการปรับตามกฎหมายและตัดโควตาอย่างเคร่งครัด ผู้ที่ประสงค์จะร้องเรียน หรือแจ้งการจำหน่ายสลากเกินราคา สามารถโทรได้ที่ “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์” โทรศัพท์ 0-2345-1466 ตลอด 24 ชั่วโมง