IFS มั่นใจเข้าเทรดวันแรกไม่ทำให้ผิดหวังปัจจัยพื้นฐานดี-มีแรงหนุนจากตลาดหุ้นคึกคัก

ข่าวทั่วไป Monday August 9, 2010 14:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--IR network “ตัน เล เยน” ตอกย้ำความมั่นใจนักลงทุน IFS เข้าเทรดวันแรก 10 ส.ค.นี้ หุ้นยืนเหนือจองหายห่วง เหตุราคา IPO ที่กำหนดไว้ที่ 1.35 บาท/หุ้น จูงใจนักลงทุน ผนึกกับความแข็งแกร่งทางด้านปัจจัยพื้นฐาน และได้แรงหนุนจากภาวะการซื้อหุ้นของตลาดหุ้นในปัจจุบันที่คึกคักอย่างมาก ยิ่งสร้างความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น เผยจากนี้พร้อมลุยขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้และเชื่อว่าจะไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวัง นายตัน เล เยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IFS เปิดเผยว่ามีความมั่นใจว่าหุ้น IFS ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ในกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ เป็นครั้งแรกในวันอังคารที่ 10 สิงหาคม 2553 จะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 1.35 บาทได้ เนื่องจากระดับราคา IPO ที่กำหนดไว้ดังกล่าวค่อนข้างจูงใจนักลงทุน โดยผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตต่อเนื่องและอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดี ซึ่งเชื่อว่าในปี 2553 ก็คงจะมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน “เมื่อเข้าซื้อขายในวันอังคารที่ 10 สิงหาคมนี้ คาดว่าหุ้น IFS จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนด้วย เนื่องจากช่วงที่เปิดให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ IFS ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีการตอบรับความต้องการล้นถึง 6 เท่า และผู้บริหารมั่นใจว่าจะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือหุ้นทุกคน" นายตัน เล เยน กล่าว เงินที่ได้จากการระดมทุนนครั้งนี้ประมาณ 162 ล้านบาท มีแผนที่จะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจและบริการให้มากขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร และในอนาคตมีแผนจะเปิดสาขาในต่างจังหวัดเพื่อครอบคลุมพื้นที่การให้บริการสินเชื่อและเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ โครงสร้างการถือหุ้นของ IFS ภายหลังการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นต่างชาติ บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล จำกัด (สิงคโปร์)จากเดิมถือหุ้นร้อยละ49 จะลดลงเหลือร้อยละ 36.49 บริษัทไอเอฟเอส แคปปิตอล โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ไอเอฟเอส โฮลดิ้งส์) จากเดิมถือหุ้นร้อยละ 49.20จะลดลงเหลือร้อยละ 36.64 สำหรับผลประกอบการของ IFS ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ดี โดยในปี 2550, 2551 และ 2552 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 50.48 ล้านบาท 71.13 ล้านบาทและ 71.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นตามลำดับ ส่วนงวด 3 เดือนแรกปี 2553 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 21.81 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15.64 สำหรับผลประกอบการในปี 2553 นี้คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปี 2552 ที่ผ่านมา นายพินิจ พัวพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ IFS กล่าวว่า ภายหลังการขายหุ้น IPO ฐานะทางการเงินของ IFS มีความมั่นคงมากขึ้นจากฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถขยายการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องจึงถือเป็นปัจจัยบวกซึ่งจะช่วยผลักดันผลประกอบการให้มีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องในอนาคต และนอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้ว การกำหนดราคาขาย IPO ที่ระดับ 1.35 บาทต่อหุ้น ถือเป็นราคาที่น่าลงทุน จึงเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดีและคาดว่าเมื่อเข้าทำการซื้อขายจะไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวัง นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการร่วมการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ IFS กล่าวว่าจากการขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ IFS จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายธุรกิจเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีการเติบโตและมีผลกำไรที่ดีและสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตรามากขึ้นได้ในอนาคต ซึ่ง IFS มีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย ดังนั้นการเข้าซื้อขายในวันแรกนี้มั่นใจว่าจะได้รับความสนใจและมีการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
แท็ก ตลาดหุ้น  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ