กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--ซีรีบรัม พีอาร์
ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ ยิ้มรับความสำเร็จก้าวแรก กับการขยายธุรกิจแฟรนไชส์รับสร้างบ้านครบรอบ 1 ปี สามารถขยายจาก 11 สาขาเมื่อปีที่แล้วเพิ่มเป็น 17 สาขาในปัจจุบันและจะครบ 20 สาขาภายในปีนี้ มั่นใจก้าวเดินถูกทางในการที่จะพัฒนาตลาดรวมรับสร้างบ้าน ให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในวงกว้าง พร้อมๆ กับการเติบโตของเครือข่ายศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ทั่วประเทศในอนาคต เผยความสำเร็จนี้มาจากกลยุทธ์การตลาดที่นำมาใช้ภายใต้แนวคิด QSR (Quality + Speed + Relation) ปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจให้กับคู่ค้าและกลุ่มลูกค้า เผยแนวโน้มผู้บริโภคเลือกบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพมากขึ้น เพราะสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยบริการที่จริงใจ
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือที่รู้จักกันในนามศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า จากแนวคิดที่บริษัทฯ ได้ริเริ่มขยายธุรกิจหรือสาขาในรูปแบบของ “แฟรนไชส์รับสร้างบ้าน” เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2552) นับเป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย นโยบายหลักคือการขยายตลาดรับสร้างบ้าน ออกไปยังภูมิภาคทั่วประเทศ ภายใต้แบรนด์พีดีเฮ้าส์ ให้แก่ผู้สนใจลงทุนหรือผู้มีใจรักงานบริการรับสร้างบ้าน จากวันที่เปิดตัวแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ อย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลาครบ 1 ปีพอดี ทั้งนี้สามารถขยายศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์จาก 11 สาขาเพิ่มเป็น 17 สาขาในปัจจุบัน ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทุกภูมิภาคและมากกว่า 45 จังหวัดทั่วไทย
“ครั้งแรกที่บริษัทฯ ออกมาบอกว่าจะขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์ ผู้อยู่ในแวดวงธุรกิจรับสร้างบ้านและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ต่างตั้งข้อสงสัยและบอกว่าเป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปได้ยาก เพราะเชื่อกันว่าไม่มีตำราเล่มใดจะสอนให้ทำธุรกิจรับสร้างบ้านได้ หรือหากจะถ่ายทอดความรู้ (Know-how) ให้ผู้เข้ามาลงทุนใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ก็ไม่คิดว่าจะสามารถทำธุรกิจรับสร้างบ้านได้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งมองว่าอาจจะเข้ามาสร้างปัญหาให้แก่วงการรับสร้างบ้านอีกด้วย เหตุเชื่อว่าจะสร้างบ้านไม่ได้มาตรฐานและประสบปัญหา วันนี้จึงถือเป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นดั่งที่เข้าใจผิดกัน เพราะโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ นั้นบริษัทฯ ทุ่มเทและพัฒนาขึ้นมาอย่างมีระบบ ประกอบด้วย แผนธุรกิจ แผนการตลาด งบลงทุนและคืนทุน คู่มือปฏิบัติงาน (Operation Manual) การสนับสนุน แบรนด์สินค้า เป็นต้น”
ไตรมาสสองที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายสาขาในพื้นที่ภาคใต้เป็นแห่งแรก ได้แก่ สาขาภูเก็ต และยังขยายเพิ่มในเขตกรุงเทพฯ อีกหนึ่งแห่งคือ สาขารามอินทรา (กม.8) นับเป็นสาขาที่ 16 และ 17 สำหรับในครึ่งปีหลังจะขยายให้ครบ 20 สาขา โดยสาขาอยุธยาจะเป็นสาขาที่ 18 ในส่วนสาขาที่ 19 และ 20 อยู่ระหว่างเปรียบเทียบความพร้อมและความเป็นไปได้ของการลงทุนในพื้นที่จังหวัดที่สนใจ ได้แก่ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี สงขลา นครสวรรค์ อยุธยา หรือแม้แต่กรุงเทพฯ เป็นต้น เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการปลูกสร้างบ้านโดยใช้บริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ
กลยุทธ์แห่งความสำเร็จที่บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้นำการตลาดแนวใหม่ภายใต้แนวคิดที่เรียกว่า QSR ประกอบด้วย Quality คุณภาพ Speed ความรวดเร็ว และ Relation ความสัมพันธ์ที่ดี มาใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการแข่งขันทางธุรกิจ ที่สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและการให้บริการของพีดีเฮ้าส์ ซึ่งเป้าหมายของ QSR คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กรในกลุ่มคู่ค้าและกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคอย่างแท้จริง ประกอบด้วย
1. Quality คุณภาพที่มาจากการพัฒนาหลักสูตรการบริหารและปฏิบัติงานในธุรกิจรับสร้างบ้าน พร้อมนำมาใช้ฝึกอบรมผู้บริหารและพนักงานทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ทำให้สามารถสร้างบ้านและให้บริการลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ ภายใต้มาตรฐานเดียวกันของแฟรนไชส์พีดีเฮ้าส์ทุกสาขาทั่วประเทศ กลุ่มลูกค้าสามารถมั่นใจได้จากการรับประกันและดูแลบำรุงรักษาตัวบ้านนานถึง 3 ปี และโครงสร้างบ้านเป็นระยะเวลาถึง 15 ปีด้วยกัน
2. Speed ความรวดเร็ว ทั้งจากระบบการบริหารจัดงานธุรกิจและงานด้านการก่อสร้าง ในด้านการจัดการธุรกิจ ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ สามารถขยายสาขาออกสู่พื้นที่หรือตลาดใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อขยายสู่ตลาดใหม่และตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า ที่มองหาบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพมาให้บริการ เช่น การนำระบบแฟรนไชส์มาต่อยอดธุรกิจรับสร้างบ้านเดิม ทำให้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ในด้านความรวดเร็วของงานก่อสร้าง บริษัทได้นำระบบโครงสร้างสำเร็จรูปแบบ Multi-joint Lock มาใช้ในการก่อสร้างบ้านทุกหลัง ทำให้ลดระยะเวลาในการก่อสร้างได้มากกว่า 2-4 เดือน ช่วยให้ก่อสร้างบ้านเสร็จเร็วกว่าที่สัญญากำหนดไว้เกือบทุกหลัง หรือคิดเป็น 97%
3. Relation ความสัมพันธ์ที่ดี ถือเป็นกลยุทธ์หลักและเป็นแนวทางการดำเนินงานที่บริษัทยึดถือมาอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาตลอด 20 ปี บริษัทได้พัฒนาโปรแกรม Home Mileage มาใช้เป็นเครื่องมือในการให้บริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมนี้เองเป็นที่มาของการสร้างบ้านหลังที่สองของลูกค้าหลายราย และการบอกต่อลูกค้าใหม่ให้แก่บริษัท ขณะเดียวกันบริษัทก็สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มคู่ค้า โดยร่วมกันพัฒนาและยกระดับคุณภาพการสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
นายสิทธิพรกล่าวปิดท้ายว่า แม้ครึ่งปีแรกภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะหดตัวจากผลกระทบทางการเมือง แต่ประเมินว่าตลาดรับสร้างบ้านในครึ่งปีหลังยังมีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะความต้องการสร้างบ้านในต่างจังหวัด เพราะด้วยทัศนคติ การรับรู้ และพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่มองหาบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพและมีความรับผิดชอบต่อสังคม อย่างเช่นเครือข่ายศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ ที่มีสาขาอยู่ทุกภูมิภาค ให้มาเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบการสร้างบ้านมีมากขึ้น เพราะกลุ่มลูกค้าเชื่อมั่นว่าในความเป็นมืออาชีพจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามความต้องการและงบประมาณที่วางไว้ ที่สำคัญยังมีบริการหลังการขายอีกด้วย