ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และ บุญรอดบริวเวอรี่ เปิดตัวสารคดีเฉลิมพระเกียรติ ชุด “ปลูกป่าใน...หัวใจคนไทย” ปลุกจิตสำนึกคนไทยให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ข่าวทั่วไป Wednesday August 11, 2010 16:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--Public Hit แม้หนึ่งพลังจะน้อยนิด แต่ไม่เคยด้อยค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งพลังในการร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และหากทุกคนร่วมกันทำหนึ่งพลังของตน พลังเล็กๆ ก็จะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ประเทศไทยของเราก็จะกลับมาอุดมสมบูรณ์ดังเดิม เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บริษัท บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด และ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ในฐานะบริษัทคนไทยที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการต่างๆ เพื่อฟื้นฟูทรัพยากร ธรรมชาติให้กลับคืนมา บริษัทฯ จึงได้จัดทำรายการสารคดีชุด “ปลูกป่าใน...หัวใจคนไทย” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม 2553 และเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเข้าใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงปลุกจิตสำนึกให้ทุกคนตระหนักว่าการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติเป็นหน้าที่ของทุกคน โดยได้จัดงานเปิดตัวสารคดี ณ โรงภาพยนตร์อีนิกมา สยามพารากอน และได้เหล่าคนดังจากหลายสาขาอาชีพร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างคึกคัก ได้แก่ เกรซ มหาดำรงค์กุล, ชาคริต แย้มนาม, นัท-มีเรีย เบเนเดตตี้ และ วิว-วรรณรท สนธิไชย พร้อมด้วยสองผู้กำกับคือ นิดา สุทัศน์ ณ อยุธยา และชาต อารยะ จิติพงษ์ ณัฐวรรณ ทีปสุวรรณ ผู้จัดการสำนักงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม 2553 ชุด “ปลูกป่าใน...หัวใจคนไทย” ได้คัดเลือกบุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ ได้แก่ อัสนี โชติกุล, เกรซ มหาดำรงค์กุล, ทิพนันท์ ไกรฤกษ์ ศรีเฟื่องฟุ้ง, ชาคริต แย้มนาม, นัท-มีเรีย เบเนเดตตี้, เปอร์-สุวิกรม อัมระนันทน์ และ วิว-วรรณรท สนธิไชย มาบอกเล่าถึงประสบการณ์และทัศนคติที่ดีต่อการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมของไทยให้ดีขึ้น แล้วเชื่อมโยงเข้าสู่แนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยสภาพแวดล้อมของประเทศไทย จนเกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมาย “สารคดีเฉลิมพระเกียรติชุด “ปลูกป่าใน...หัวใจคนไทย” ได้น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมาเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์งาน เพื่อกระตุ้นให้คนไทยทุกคนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม บางคนอาจจะมองว่าสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องนามธรรม จับต้องไม่ได้ แต่ความจริงแล้วสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามาก มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมต้องอาศัยพึ่งพากันและกัน บริษัทฯ จึงได้รับเกียรติจากเหล่าคนดังจากหลากหลายวงการซึ่งป็นตัวแทนคนรุ่นต่างๆ มาถ่ายทอดประสบการณ์ ทัศนคติที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมในมุมมองของแต่ละคน สิ่งที่เรามุ่งหวังอาจจะไม่เห็นผลในทันที เพราะการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมต้องใช้เวลา แต่เราเชื่อว่าอย่างน้อยผู้คนจะเกิดความตระหนักมากขึ้น ฉุกคิดมากขึ้น และถ้าทุกคนทำสิ่งเล็กน้อยเท่าที่คนๆ หนึ่งจะทำได้ให้ดีที่สุด ภาพรวมก็จะออกมาดี” ณัฐวรรณ กล่าว ภาพยนตร์สารคดีชุด “ปลูกป่าใน...หัวใจคนไทย” นำเสนอทั้งสิ้น 8 ตอน ความยาวตอนละ 2 นาที รูปแบบการนำเสนอจะแตกต่างจากสารคดีที่เราเคยได้รับชมกันมา โดยนำเสนอผ่านการบอกเล่าประสบการณ์ตรงของแขกรับเชิญ เป็นลักษณะเหมือนการสัมภาษณ์ ซึ่งตลอดการถ่ายทำไม่มีสคริปต์ แต่แขกรับเชิญต่างถ่ายทอดมุมมองของแต่ละคนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม แล้วจึงเชื่อมโยงไปถึงโครงการในพระราชดำริของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบามราชินีนาถ นิดา สุทัศน์ ณ อยุธยา Executive Director ของภาพยนตร์สารคดีชุดนี้กล่าวว่า ตอนแรกเมื่อได้รับโจทย์ในการทำงาน รู้สึกดีที่แขกรับเชิญไม่ใช่นักอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่เป็นคนธรรมดา จากที่คิดว่าการถ่ายทอดจะยากกลับกลายเป็นง่าย เมื่อตีโจทย์ได้ว่ามนุษย์กับสิ่งแวดล้อมไม่อาจแยกจากกันได้ ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง พิธีกร นักแสดง หรือนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทุกคนมีหน้าที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติทั้งของประเทศและของโลก “ภาพที่นำเสนอในสารคดีมีทั้งภาพที่สวยงามและภาพการตัดไม้ทำลายป่า หัวใจหลักที่ต้องการสื่อสารคือมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมไม่เคยแยกจากกัน เราต้องพึ่งพาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา ถ้าทุกคนช่วยกันดูแลปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โลกของเราก็จะน่าอยู่” อีกหนึ่งผู้กำกับสารคดีชุดนี้คือ ชาต อารยะจิติพงษ์ Director ซึ่งกำกับดูแลในเรื่องความสวยงาม ความต่อเนื่องของภาพและมุมกล้อง กล่าวว่า สารคดีชุด “ปลูกป่าใน...หัวใจคนไทย” เป็นสารคดีแนวสัมภาษณ์ ซึ่งแขกรับเชิญทุกคนต่างมีไอเดียเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของแต่ละคนอยู่แล้ว หน้าที่ของผู้กำกับคือผลักดันมุมมองเหล่านั้นให้ชัดเจน และนำเสนอให้เป็นคาแรกเตอร์ของบุคคลนั้น สำหรับเซเลบริตี้คนดังที่มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในสารคดีดังกล่าวนี้หนึ่งในนั้นคือ เกรซ มหาดำรงค์กุล พิธีกรสาวสวยที่เคยไปคลุกคลีอยู่กับชีวิตชุมชนตามต่างจังหวัดเนื่องจากหน้าที่การงาน ซึ่งสถานที่หลายแห่งได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทำให้เธอรู้สึกประทับใจมาก “เกรซถือว่าเป็นคนเมืองคนหนึ่ง หน้าที่การงานก็จะอยู่ในเมือง แต่เกรซจะมีหน้าที่การงานอย่างหนึ่งคือ ออกไปถ่ายรายการ ทำให้ได้ไปสัมผัสชีวิตธรรมชาติและชีวิตชุมชนต่างๆ บางรายการไปถึงตะเข็บชายแดน รวมถึงที่ต่างๆ ที่ยังไม่ค่อยพัฒนา การได้ใช้ชีวิตทั้ง 2 แบบทำให้เราเห็นข้อแตกต่างเยอะ อยู่ในเมืองเจอแต่รถติด ไม่ค่อยเจอธรรมชาติ แต่มาต่างจังหวัด ได้ตื่นเช้ามาสูดอากาศดีๆ” “อีกที่หนึ่งที่เกรซเคยไปถ่ายรายการเมื่อสิบกว่าปีแล้ว คือที่อมก๋อย เชียงใหม่ การเดินทางไปยากมาก ถนนหนทางกว่าจะขึ้นไปได้ รถตายแล้วตายอีก พิธีกร ทีมงาน ต้องมาช่วยเข็นรถกัน พอขึ้นไปถึงได้สัมภาษณ์ชาวบ้าน เขาบอกว่า รู้มั้ยพ่อหลวงกับแม่หลวงเคยมาที่นี่แล้วนะ เราก็ตกใจมากว่าท่านมาได้ยังไง เพราะทางลำบากมาก แล้วท่านมาตั้งนานแล้วด้วย มาช่วยพัฒนาหลายๆ อย่างทั้งเรื่องการศึกษา ยารักษาโรค หลายครั้งเราเจอแบบนี้ตลอดที่ชาวบ้านบอกว่าพระองค์ท่านเสด็จฯมาแล้ว เราจึงรู้สึกว่าท่านทั้งสองทรงงานหนักจริงๆ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน ท่านไปได้หมด” พิธีกรสาว กล่าวว่า โครงการของสมเด็จฯ มีหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผืนป่า หรือสัตว์ต่างๆ เพราะสัตว์ป่ากับป่าต้องอาศัยพึ่งพากัน พระองค์ท่านทรงมีสายพระเนตรที่กว้างไกลมาก เพราะเดี๋ยวนี้ เรามักเห็นข่าวแปลกๆ ว่าสัตว์ป่าเข้ามาใกล้บริเวณบ้านคน เพราะคนไปบุกรุกพื้นที่ธรรมชาติของเขา หรือสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์ อย่าง นกหรือเต่าบางชนิด สมเด็จฯ ท่านก็ทรงมีพระราชดำริให้มีการอนุบาลสัตว์ต่างๆ เพื่อให้เขาได้มีโอกาสกลับคืนสู่ธรรมชาติ ป้อม-อัสนี โชติกุล ย้อนรำลึกถึงเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้วที่เด็กชายจากจังหวัดเลยนั่งรถประจำทางมาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ภาพที่เขาจำได้คือภาพทิวเขาเชียวชอุ่มสลับซับซ้อน แต่วันนี้ไม่มีภาพเหล่านั้นอีกแล้ว เหลือเพียงภูเขาหัวโล้นที่ถูกถากถางจากการทำไร่ “ผมเป็นคนจังหวัดเลย ตอนเด็กมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ มีโอกาสเดินทางโดยรถยนต์ไปมาตลอด เมื่อ 30 ปีก่อนได้เห็นสองข้างทางเป็นภูเขาเขียวชะอุ่ม สมกับฉายาเมืองแห่งทะเลภูเขา แต่ตอนหลังผมเห็นแล้ว ใจหายมากเพราะมีการทำลายป่าจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้นเกือบหมด มีทั้งการทำป่าล้มลุก การทำไร่ข้าวโพด กันเยอะ จึงเกิดคำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากความไม่เข้าใจหรือความจำเป็นต้องทำลายป่า เราจะช่วยกันทำให้การทำลายตรงนี้น้อยลงได้อย่างไร จนกระทั่งมีโครงการของสมเด็จพระนางเจ้าฯ อย่างเช่น โครงการวนเกษตร ที่ทรงให้หน่วยราชการเข้ามาช่วยชาวบ้านหรือเกษตรกรผู้ยากไร้ที่ต้องทำไร่ ถางป่าเพื่อทำมาหากิน ให้คำแนะนำเขาในการมีชีวิตอยู่กับธรรมชาติโดยทำลายป่าให้น้อยที่สุด มีการปลูกป่าทดแทนสิ่งที่เขาทำลายไป ผมดีใจและประทับใจที่มีโครงการนี้เกิดขึ้นครับ” “สิ่งที่ผมพอจะช่วยได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ แต่งเพลง เพื่อส่งเสริม เผยแพร่ รณรงค์ให้ทุกคนรักธรรมชาติ ครั้งหนึ่งผมมีโอกาสได้ทำเพลงร่วมกับ แอ๊ด คาราบาว คือเพลง ‘ชีวิตสัมพันธ์’ ซึ่งพูดเกี่ยวกับธรรมชาติที่กำลังสูญหายไปด้วยการทำลายโดยเงื้อมมือมนุษย์ ในโอกาสต่อไปก็คิดว่าจะช่วยเหลือเผยแพร่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศบ้านเรามากๆ เช่น ป่าที่หายไป ภูเขาหัวโล้น เราจะพยายามทำให้ชุ่มชื่นเขียวชะอุ่มขึ้นมาได้ยังไงอีก” นัท-มีเรีย เบเนเดตตี้ นำเสนอผ่านประสบการณ์ของสาวที่รักท้องทะเล แต่น้ำทะเลที่เคยใส ทรายที่เคยขาวได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว “นัทชอบไปเที่ยวธรรมชาติมากกว่าในเมือง แล้วก็อาจจะด้วยงานมากกว่าที่จะทำให้เราได้ไปเจอธรรมชาติ อย่างตอนถ่ายรายการเป็นพิธีกรตามสถานที่ท่องเที่ยวนี่ก็จะเห็นว่าธรรมชาติของเรายังมีที่สวยงาม อีกเยอะเหมือนกัน แต่มันก็จะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนที่เราไปตอนเด็กๆ ที่ชอบมากก็คือทะเล ครั้งหนึ่งนัทเคยไปเที่ยวกระบี่ แล้วมีพี่ที่รู้จักซึ่งอยู่ในกรมทหารเรือเขาชวนให้แวะมาร่วมกิจกรรมปล่อยเต่าลงสู่ท้องทะเล ซึ่งจะมีการปล่อยเต่าตนุที่อนุบาลไว้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุโตพอจะปล่อยลงสู่ทะเลได้ เราก็ไปช่วยกันปล่อยเต่า นั่นก็คือการปรับให้เขาไปสู่ธรรมชาติค่ะ โดยที่ไม่ทราบเลยว่าเป็นโครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นี่คือสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อสิ่งแวดล้อมของชาติและคนไทยมาเนิ่นนานกว่า 30 ปีแล้ว การที่นัทได้ร่วมงานในครั้งนี้ถือเป็นเกียรติกับตัวเองและครอบครัวมาก นัทอยากให้ทุกคนระลึกถึงบุญคุณของธรรมชาติที่ให้เราเติบโตและมีชีวิตอยู่ และระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ทรงดูแลบ้านของเรามาตลอด เรามีหน้าที่ต้องรักษาและสืบต่อไปให้ลูกหลาน” “ท่านยังทรงมีอีกหลายโครงการนะคะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำ ป่า ภูเขา หรือสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ อีกมากที่ต้องดูแล ท่านทรงงานหนักตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ แล้วทุกโครงการล้วนเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ถ้าเรามีทรัพยากรที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ประเทศไทยของเราจะเป็นประเทศที่สวยงาม ที่มีแต่คนอยากจะมาเที่ยว เศรษฐกิจบ้านเมืองเราทุกอย่างก็จะต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ไปในทางที่ดี แต่ต้องเริ่มจากเราคนไทยก่อนที่จะต้องดูแลรักษาให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้” “เปอร์” สุวิกรม อัมระนันทน์ พีธีกรรายการโทรทัศน์ขวัญใจวัยรุ่น ดีกรีว่าที่วิศวกรโยธา ให้มุมมองว่าสิ่งแวดล้อมคือทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรามีความสำคัญมาก เพราะสามารถสร้างอิทธิพลให้เราทำหลายสิ่ง หลายอย่างได้ อาจทำให้เราเกิดประสิทธิภาพในการทำงานที่แตกต่างกันไป “ความที่เราเป็นคนในเมือง เวลาไปต่างจังหวัดได้สัมผัสอากาศที่นั่นจะรู้สึกหายใจได้เต็มปอด ผมเป็นพิธีกรรายการทีวีก็มีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะเข้าไปในป่าที่อยู่ไกลแค่ไหน ก็จะมีมนุษย์เข้าไปอยู่ เช่น ชาวเขา บางทีมีการตัดไม้ทำลายป่าโดยเขาไม่รู้ว่ามันจะส่งผลยังไง คิดแต่ว่าเป็นการ หาเลี้ยงชีพเท่านั้น ถ้าไม่ทำแล้วจะอยู่ยังไง แต่ภายหลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงริเริ่ม ให้มีโครงการต่างๆ ขึ้นมาก็ตอบปัญหาให้กับชาวเขาต่างๆ ได้ เช่น โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ เพื่อไป แนะนำคนในพื้นที่ให้รู้และตระหนักในประโยชน์ของป่า โดยให้คิดว่าป่าผืนนั้นคือบ้านของเราเอง เมื่อเขาเห็น แบบนั้นก็จะรักษาป่าให้คงอยู่” พิธีกรหนุ่มอนาคตไกล กล่าว นักแสดงรุ่นใหม่ วิว-วรรณรท สินไชย เป็นอีกผู้หนึ่งที่เคยมีโอกาสสัมผัสกับชีวิตชุนชนในชนบท ได้กล่าวถึง ประสบการณ์ที่ได้พบ และมุมมองดีๆ ของการใช้ชีวิตกับธรรมชาติ “วิวเรียนคณะโบราณคดี สาขามานุษยวิทยา ต้องมีการออกภาคสนามไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนชาวบ้านในชนบทด้วย จึงเห็นว่าการดำรงชีวิตของเขาต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติหมดทุกอย่าง ตั้งแต่บ้านเรือนที่อยู่อาศัยก็ได้จากต้นไม้ อาชีพหลักของคนส่วนใหญ่ คือ เกษตรกรรม ซึ่งเกี่ยวกับธรรมชาติอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ หรือว่าน้ำ หรือดิน ซึ่งมัน มันมีผลมากกับการรับประทาน อุปโภค บริโภค ถ้ามีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นกับธรรมชาติ จะทำให้ชาวบ้านอยู่อย่างลำบาก หรืออาจจะอยู่ไม่ได้เลย “จากการที่วิวไปออกภาคสนาม เห็นชาวบ้านมีความสุขจริง ๆ เขาเล่าให้ฟังด้วยว่า ที่มีความสุขอยู่มาได้ทุกวันนี้ เพราะว่าโครงการในพระราชดำริ เขามีความซาบซึ้งใจมาก เราเลยรับรู้ได้จริงๆ ว่าสิ่งที่ท่านทำมาโดยตลอด ตั้งแต่เราเล็ก ๆ จนถึงตอนนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก คือการให้ชีวิต คือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับทุกคน วิวอยากให้ทุกคนตอบแทนทุกๆ สิ่งที่ท่านมอบให้กับพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความห่วงใย โดยการที่นำโครงการพระราชดำริของท่านเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมป่าไม้ให้อยู่คู่กับเราไปนาน ๆ เพราะว่าถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้คนเราก็อยู่ไม่ได้ค่ะ” ส่วนหนุ่มเนื้อหอม ชาคริต แย้มนาม พูดถึงสิ่งแวดล้อมในมุมมองของเขาว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ส่งผลกระทบต่อทุกคนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากาศเป็นพิษ หรือความร้อนที่เพิ่มมากขึ้น “ที่เราบ่นกันทุกวันว่าอากาศร้อน มันก็เป็นเพราะปัญหาสิ่งแวดล้อม ถ้าเราไม่ช่วยกันดูแลตั้งแต่วันนี้ ทุกสิ่งก็จะยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม ผมเชื่อว่าทุกคนมีพลังรักษ์โลกอยู่ในตัวทุกคน จำได้ว่าสมัยวัยรุ่น เคยไปดำน้ำที่สิมิลันกับเพื่อน ระหว่างดำน้ำเจอขวดพลาสติกก็เก็บขึ้นมา คนอื่นๆ ที่มาดำน้ำก็ช่วยกันเก็บด้วยทั้งๆ ที่ไม่รู้จักหรือไม่ได้มาด้วยกันเลย ถ้าทุกคนช่วยกันก็จะเกิดประโยชน์ต่อโลกและส่วนรวม” จากพระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ความตอนหนึ่งว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ…พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” เป็น พระราชปณิธานอันแน่วแน่ที่จะทรงอนุรักษ์ทรัพยากรอันมีค่าของชาติไว้ จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการต่างๆ ขึ้นเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้กลับคืนมา อาทิ การอนุรักษ์ป่า, โครงการป่ารักน้ำ, โครงการบ้านเล็ก ในป่าใหญ่, การอนุรักษ์สัตว์ป่า และพรรณพืช, โครงการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า, โครงการวิจัย และเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าหายากเพื่อคืนสู่ธรรมชาติ, โครงการคืนกล้วยไม้และพรรณไม้สวยงาม สู่ป่าธรรมชาติ, การอนุรักษ์สัตว์น้ำ, โครงการฟื้นฟูปลาไทย โครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล, การส่งเสริมคุณภาพชีวิตและอาชีพแก่ราษฏร, โครงการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างตามแนว เศรษฐกิจพอเพียง, โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ และ การอนุรักษ์ส่งเสริม ศิลปะ และ วัฒนธรรมท้องถิ่นโครงการศิลปาชีพต่างๆ ฯลฯ ร่วมปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศไทยของเราชุ่มชื้น อุดมสมบูรณ์ และงดงามดังเดิม และติดตามชมสารคดีเฉลิมพระเกียรติ “ปลูกป่าใน…หัวใจไทย” เพื่อปลุกจิตสำนึกประชาชนคนไทยให้หันมาใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งเป็นการสานต่อโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ออกอากาศระหว่างวันที่ 5 - 12 ส.ค. 2553 ทางททบ.5 (ก่อนข่าวในพระราชสำนักเวลา 19.45 น.), True Inside ช่อง61 เวลา 19.45 น. (ก่อนเข้าTrue Moments AF7) และ เวลา 00.30 น.(หลังจบ Inside news update) รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ อาทิ 3, 7, 9 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 252 5699 Public Hit

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ