แฟนต้ายุวทูตโชว์วัฒนธรรมไทย ในงานเวิลด์ เอ็กซ์โป 2010

ข่าวบันเทิง Wednesday September 8, 2010 17:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ และแล้วก็ถึงเวลาแสดงความสามารถและศักยภาพเด็กไทยให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะล่าสุด คาราวานเยาวชนรวม 18 ชีวิตที่มีตำแหน่งแฟนต้ายุวทูตประจำปี 2552 - 2553 เป็นประกัน ในนามตัวแทนเยาวชนของประเทศไทย ได้ยกพลบินลัดฟ้าไปเผยแพร่และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและทัศนศึกษาที่งานเวิลด์ เอ็กซ์โป 2010 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “เมืองที่ดีกว่าเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” ซึ่งสถานที่จัดงานตั้งอยู่ระหว่างสะพานหนานผู่ และสะพานหลูผู่ บริเวณสองฝั่งแม่น้ำหวงผู่เจียงซึ่งเป็นแม่น้ำที่สวยงามและบันทึกไว้ซึ่งประวัติความเป็นมาของมหานครเซี่ยงไฮ้ เป็นเวลา 6 วัน 5 คืน โดยมีผู้ใหญ่ใจดีอย่าง กลุ่มธุรกิจ โคคา - โคลา ในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) เจ้าของเวทีสร้างสรรค์วัยรุ่นยุคใหม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งเหล่ายุวทูตตัวน้อยต่างแสดงความสามารถวาดลีลาและลวดลายสะท้อนเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรมไทยภาคต่างๆ ได้อย่างอ่อนช้อยและน่าประทับใจ เรียกร้อยยิ้มและเสียงปรบมือกึกก้องศาลาไทย นอกจากนี้ เยาวชนไทยยังมีโอกาสได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนๆ เยาวชนชาวจีน ณ ศูนย์เยาวชน ในเขตเซียะเฉิน เมืองหังโจว มณฑลเจอเจียง พร้อมได้ตื่นตาตื่นใจกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความงดงามของมหานครใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้, โจวจวง และหังโจวอีกด้วย ในฐานะตัวแทนประเทศไทย บรรดาแฟนต้ายุวทูตต่างได้เตรียมตัวและทำการฝึกซ้อมอย่างหนักสำหรับภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายนี้ เพื่อร่วมเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยในแต่ละท้องถิ่นในรูปแบบผสมผสาน บริเวณศาลาไทย ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจแวะมาเยี่ยมชมจำนวนมาก จนติดอันดับ 1 ใน 7 พาวิลเลียนจาก 200 พาวิลเลียน การแสดงของน้องๆ คณะแฟนต้ายุวทูตเริ่มต้นด้วยการแสดงนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย นั่นคือ “โขน ตอนยกรบ” ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงกระบวนท่าการต่อสู้ระหว่างยักษ์และลิง ชุดที่ 2 ได้แก่ “นาฏล้านนา” ศิลปะการร่ายรำของทางภาคเหนือที่มีลักษณะสวยงามและอ่อนช้อย ประกอบด้วยการฟ้อนผางประทีป หรือเทียนที่ใส่ไว้สำหรับจุดไฟเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าในโอกาสต่างๆ มาแต่สมัยโบราณ, ฟ้อนที (ร่ม) หรือระบำร่ม เป็นการร่ายรำในรูปแบบของชาวล้านนา โดยใช้ร่มเป็นอุปกรณ์ในการแสดงวาดลวดลายในการฟ้อนไปตามจังหวะของเพลงด้วยความอ่อนช้อยสวยงาม และฟ้อนนกกิงกะหล่า เชื่อกันว่าเป็นนกในป่าหิมพานต์ ที่ออกมาร่ายรำแสดงความดีใจเพื่อรับพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ ซึ่งเป็นนาฏศิลป์แบบไทยใหญ่ ชุดที่ 3 “ระบำนารีศรีทักษิณ” เป็นการแสดงที่นำศิลปะการแสดงของภาคใต้ ได้แก่ ระบำศรีวิชัย ซึ่งเป็นระบำโบราณของไทย ผสมผสานกับ การเชิด หนังตะลุง ศิลปะพื้นบ้านเก่าแก่ของภาคใต้ และรำมโนราห์ ที่มีท่วงท่าน่าสนใจ เช่น การเล่นแขน การทำให้ตัวอ่อน การรำท่าพลิกแพลง มาประยุกต์เข้าด้วยกัน เพื่อสะท้อนถึงเอกลักษณ์การแสดงประจำท้องถิ่นภาคใต้, การแสดง “เซิ้งอีสานพาเพลิน” ซึ่งเป็นการแสดงที่นำศิลปวัฒนธรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาถ่ายทอดผ่านจังหวะที่สนุกสนาน แสดงถึงภูมิปัญญาของชาวบ้านในท้องถิ่น เช่น เซิ้งนางไห เซิ้งกระติบข้าว เซิ้งกะโป๋ (กะลา) เป็นต้น, การแสดงชุดที่ 5 “เริงระบำหุ่น” ศิลปวัฒนธรรมของภาคกลาง แสดงโดยนำลักษณะการเชิดหุ่นกระบอกมาประยุกต์ใช้กับคนแทนตัวหุ่นกระบอก ต่อมาเป็นการแสดง “แผ่นดินทอง” ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีของคนไทยที่มีความรักใคร่กลมเกลียวกันแม้จะอยู่คนละภาคคนละท้องถิ่นแต่ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน, การแสดงชุดที่ 7 “ขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรมไทย” เป็นการนำการแสดงของทุกๆ ภาค มารวมกันในขบวนแห่ นำโดยกลองยาวต่อด้วยรำเถิดเทิงของภาคกลาง ผีตาโขน เซิ้งกะโป๋ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รำมโนราห์ ระบำศรีวิชัย การเชิดหนังตะลุง ของภาคใต้ และปิดท้ายด้วยฟ้อนผางประทีปกับนกกิงกะหล่าของภาคเหนือ ท้ายสุดกับการแสดง “รำวง” ที่ชวนชาวต่างชาติเพลิดเพลินและสนุกสนานไปกับรอยยิ้มและเอกลักษณ์แบบไทย นอกจากนี้ คณะแฟนต้ายุวทูต ยังได้เข้าเยี่ยมชมอาคารแสดงนิทรรศการของประเทศต่างๆ อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน ฝรั่งเศส เดนมาร์ก โปแลนด์ เบลเยี่ยม สวีเดน พร้อมเข้าเยี่ยมชมอาคารแสดงนิทรรศการของโคคา-โคลา (Coca-Cola Pavilion) ที่เด่นตระหง่านด้วยไอคอนรูปทรงขวดคอนทัวร์ลวดลายแปลกตาที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าอาคาร ภายในตกแต่งภายใต้ธีม The Happiness Factory ที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งจินตนาการตามแบบฉบับของโคคา-โคลา น้องๆ แฟนต้ายุวทูต ยังได้รับของที่ระลึกเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโค้ก ที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากส่วนประกอบของพืชและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แฟนต้ายุวทูตทั้ง 18 ชีวิต ยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับน้องๆ เยาวชนชาวจีน ณ ศูนย์เยาวชน (Youth Palace) ในเขตเซียะเฉิน เมืองหังโจว มณฑลเจอเจียง ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์เยาวชนที่รัฐบาลจีนได้จัดตั้งขึ้นในปี 2542 เพื่อส่งเสริมพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ ของเยาวชนใน 3 ระดับ ได้แก่ ระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา โดยเน้นการจัดกิจกรรมเสริมทักษะ ในรูปแบบของความบันเทิง ศิลปวัฒนธรรม และการเสริมสร้างประสบการณ์นอกเหนือจากห้องเรียนปกติ ภายใต้การกำกับดูแลของสหพันธ์เยาวชนแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายในศูนย์เยาวชนแห่งนี้ จะมีการจัดกิจกรรมทั้งในวันธรรมดา วันหยุดเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ประมาณทั้งสิ้น 60 กิจกรรม ที่ครอบคลุมถึงด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ การแสดง สังคมฯลฯ รวมทั้งเป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูลและแสดงผลงานด้านต่างๆ ของเด็กและเยาวชนในเขตเซียะเฉิน และยังเคยต้อนรับเยาวชนนานาชาติจากประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ร่วมถึงประเทศไทยด้วย การเดินทางเพื่อไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในครั้งนี้ คณะแฟนต้ายุวทูตได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก มร.หง หมิน รองผู้ว่าการเขตเซียะเฉิน คณะผู้บริหารศูนย์เยาวชนเขตเซียะเฉิน และเพื่อนๆ เยาวชนชาวจีน โดยเหล่าแฟนต้ายุวทูตได้นำศิลปวัฒนธรรมไทยในชุดการแสดงต่างๆ สลับสับเปลี่ยนกับการแสดงของเพื่อนๆ เยาวชนชาวจีน ด้วยมิตรไมตรีและรอยยิ้มเปี่ยมสุข ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศทั้งสองที่มีมาอย่างยาวนานต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน นายธงชัย ศิริธร ผู้อำนวยการกิจกรรมสังคมและสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 27 ปีที่ผ่านมา โครงการแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย ได้คัดเลือกเยาวชนไทยที่มีคุณสมบัติที่เก่ง ดี และมีคุณภาพ กล้าคิดกล้าแสดงออกอย่างสมวัย และภูมิใจในความเป็นไทย ดำรงตำแหน่งแฟนต้ายุวทูต เพื่อเดินทางไปแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นการเปิดโลกประสบการณ์ใหม่ให้เยาวชนได้เรียนรู้ตลอดจนพัฒนาตนเองในระดับสากล รวมทั้งกิจกรรมนี้ยังเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศในระดับเยาวชนในเวทีระดับนานาชาติด้วย” นอกจากนี้ แฟนต้ายุวทูต ยังได้มีโอกาสทัศนศึกษาเยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ได้แก่ วัดฉงหยวน ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ในเขตเมืองซูโจว ที่มีอุโบสถใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และมีองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสูงถึง 33 เมตร เยี่ยมชมหมู่บ้านโจวจวง ซึ่งเป็นหมู่บ้านโบราณที่เก่าแก่อายุกว่า 900 ปี ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองเวนิสของประเทศจีน นมัสการพระหยกขาว ซึ่งเป็นวัดจีนนิกายมหายาน สร้างขึ้นตามแบบในสมัยราชวงศ์ชิง มีพระพุทธรูปทำจากหยกสีขาวปางสมาธิที่อันเชิญมาจากประเทศพม่า นับเป็น 1 ใน 5 องค์พระพุทธรูปหยกขาวที่ประดิษฐานในประเทศจีน ชมการแสดงกายกรรมเซี่ยงไฮ้ที่ตื่นตาระทึกใจ การแสดงเปลี่ยนหน้ากาก และการแสดงชุดราชวงศ์ซ่ง ที่สวยงามตระการตาสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาและวิถีชีวิตของคนในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง พร้อมล่องเรือชมทะเลสาบซีหู และชมเจดีย์นางพญางูขาวที่เก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยโบราณ การเดินทางทัศนศึกษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของแฟนต้ายุวทูต นอกจากจะเป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทย และกระชับสัมพันธ์อันดีในระดับเยาวชนในเวทีนานาชาติแล้ว แฟนต้ายุวทูตทุกคน ยังได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกห้องเรียนอันล้ำค่าเพื่อนำกลับมาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ เยาวชนไทยต่อไป เริ่มที่ น้องพราว - ด.ญ.ดรัลรัตน์ ปูรณวัฒนกุล ตัวแทนแฟนต้ายุวทูต ประจำกรุงเทพฯ เผยว่า “รู้สึกดีใจมากค่ะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแฟนต้ายุวทูต ได้พัฒนาตนเองในหลายๆ ด้าน เช่น มีวินัย และกล้าแสดงออกมากขึ้น อีกทั้งได้ทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง ได้เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันและความสามัคคี ถึงแม้จะเหนื่อยเพราะซ้อมหนัก แต่หนูก็มีความสุขมาก ถามว่าหนูได้อะไรจากการเป็นทูตวัฒนธรรม อย่างแรกคิดว่าสถานการณ์สอนให้หนูอดทน อีกอย่างคือการเรียนรู้จักคน คนทุกคนที่มาจากต่างถิ่นต่างสถานะกันก็เป็นคนดีเหมือนกัน สามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ มิตรภาพไม่มีพรมแดนค่ะ” ขณะที่ น้อง มาร์ค - ด.ช.ศิวกร จริญสูงเนิน ตัวแทนแฟนต้ายุวทูต ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผยว่า “เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตในการเดินทางไปต่างประเทศ ได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมของคนจีนโดยเฉพาะที่ศูนย์เยาวชนเด็กที่เมืองหังโจวซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-จีน และแลกเปลี่ยนของที่ระลึกซึ่งกันและกัน เห็นได้ว่าคนจีนชื่นชมในรอยยิ้มและการไหว้ของคนไทยที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ทำให้เกิดมิตรภาพในระดับกลุ่มเยาวชน และส่วนตัวผมเองก็ได้พัฒนาทัศนคติและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ตลอดจนมีความมั่นใจในตนเองกล้าคิดกล้าแสดงออกและมีภาวะการเป็นผู้นำที่ดี ซึ่งผมจะไม่ลืมประสบการณ์ครั้งนี้เลยครับ ” ส่วนแฟนต้ายุวทูต ประจำภาคเหนือ น้องฟ้า — ด.ญ.เพียงฟ้า กล้าผจญ เผยว่า “หนูได้รับประสบการณ์ดีๆหลายอย่างเลยค่ะ ได้สัมผัสธรรมชาติ เห็นบ้านเมือง การแต่งกายตลอดจนการใช้ชีวิตของชาวจีน เห็นในหลายๆสิ่ง หลายๆ อย่างที่ไม่เคยเห็น ประทับใจมากตั้งแต่ก้าวแรกที่ถึงสนามบินจนส่งกลับมาเชียงใหม่ และจากการได้ไปแสดงศิลปวัฒนธรรม ระหว่างทางที่พวกเราได้ฝึกซ้อมอย่างหนัก ทำให้หนูได้เรียนรู้ ความรัก ความอบอุ่นระหว่างเพื่อน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่พวกเราทั้ง 18 คน กลับรู้สึกผูกพันกันมาก แฟนต้ายุวทูตทำให้หนูมีความกล้าแสดงออกในทางที่ถูกค่ะ” ปิดท้ายที่ น้องพลอย-ด.ญ.สุชาลิณี ปูคะวนัช ตัวแทนแฟนต้ายุวทูต ภาคใต้ เผยว่า “การเป็นทูตวัฒนธรรมไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เมื่อเราได้รับเกียรตินี้ ควรต้องปฏิบัติตัวและหน้าที่ให้เหมาะสม โครงการแฟนต้ายุวทูตทำให้หนูภูมิใจในตนเอง นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าร่วม หนูได้เรียนรู้การวางแผนการทำงาน การแบ่งเวลาในการทำสิ่งต่างๆ หลายๆสิ่งพร้อมกัน ทั้งการเรียนและการเข้าร่วมประกวด ทำให้เรารู้จักรับผิดชอบมากขึ้น รู้จักปรับตัวเข้ากับผู้อื่นในการทำงานร่วมกันหรืออยู่ร่วมกัน และโครงการแฟนต้ายุวทูตยังให้รางวัลดีๆ มากมายที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสนี้ ที่สำคัญได้ไปเที่ยวต่างประเทศและได้เผยแพร่ความเป็นไทยสู่สากลค่ะ” ขอชื่นชมและปรบมือให้แก่เหล่า 18 เด็กไทยที่ไปสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติครั้งนี้ด้วยค่ะ... หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300, 0-2434-8547 คุณสุจินดา, คุณแสงนภา, คุณปิติยา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ