กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--พม.
เมื่อวานนี้ (๑๖ ก.ย.๕๓) เวลา ๑๗.๓๐ น. ที่ห้อง ICU ตึกเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลตำรวจ นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าและเงินช่วยเหลือ ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.) ซึ่งถูกยิง ได้รับบาดเจ็บ ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ย่าน อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งลักลอบให้บริการค้าประเวณีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ทาง ปคม.ได้รับแจ้งว่ามีการพาคนต่างชาติอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี มาขายบริการทางเพศ ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งใน อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.ท.ไพโรจน์ มะโนขันธ์ สว.กก.๒ บก.ปคม.จึงเดินทางไปตรวจสอบ แต่ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ คนร้ายได้ขัดขืนและยิงปืนเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนได้รับบาดเจ็บทั้งหมด ๔ นาย ได้แก่ พ.ต.ท.ไพโรจน์ ถูกยิงที่แขนกระสุนฝังในและถูกยิงที่ขา ด.ต.ณรงค์ศักดิ์ มูลศาสตร์ ผบ.หมู่ กก.๒ บก.ปคม.ถูกยิงที่หัวไหล่ซ้าย จ.ส.ต.ภูมิสยาม แสงปรีดานนท์ ผบ.หมู่ กก.๒ บก.ปคม.ถูกยิงที่แขนกระสุนฝังใน และ ส.ต.อ.อุดม คำวงษา ผบ.หมู่ กก.๒ บก.ปคม.ถูกยิงที่หัวไหล่ขวา ทะลุปอด โดยจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ๓ คน ได้แก่ นายพัชระกิต พัฒนศิลป์ อายุ ๒๘ ปี นายสิทธิเดช คัมภีร์วงษ์ อายุ ๒๗ ปี และนายพิทักษ์ ปรีชาคง อายุ ๑๙ ปี ซึ่งภายหลังการสอบสวน ทราบว่า หนึ่งในผู้ต้องหาไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ แต่เป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีอื่นอยู่ก่อนหน้าแล้ว และยังพกอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเกิดกลัวความผิดและยิงต่อสู้ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
นายอิสสระ กล่าวว่า ทาง ปคม.ทำงานร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มาอย่างต่อเนื่องในการปราบปรามการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ ในวันนี้ จึงเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้มอบเงินช่วยเหลือให้คนละ ๑๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันในการปราบปรามการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ บรรดาร้านส่วนใหญ่ที่ใช้ร้านคาราโอเกะบังหน้า แล้วพาเด็กหญิงมาค้าประเวณี ถือเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะโดยสมัครใจหรือไม่ ก็ถือว่ามีความผิด จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ทุกแห่ง ช่วยกันกวดขัน สอดส่องเรื่องนี้ โดยควรสอดส่องว่าได้เป็นร้านที่ดำเนินการตามที่ขออนุญาต ไว้หรือไม่เครื่องดื่มที่มาจำหน่าย และปิดตามเวลาหรือไม่ รวมทั้งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นการเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเข้าไปปฏิบัติหน้าที่จะถูกทำร้ายได้.