ไบโอ -อินโนวารับงานวิจัยและทดลองยารายแรกในประเทศไทย ร่วมกับซินครอนผู้เชี่ยวชาญระดับโลก สนับสนุนอุตสาหกรรมยาในประเทศ

ข่าวเทคโนโลยี Friday April 27, 2007 15:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส
บริษัท ไบโอ-อินโนวา และ ซินครอน จำกัด เป็นเอกชนรายแรกในไทยที่มุ่งเน้นให้บริการงานวิจัยยาทางคลินิก โดยจะทำการทดลองยาในอาสาสมัครคนไทย ทั้งนี้ได้รับเทคโนโลยีด้านการวิจัยจากซินครอนผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นอกจากนี้บริษัทยังร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐในการพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัย และหวังขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย
ดร.ศศิธร กิตติวรวิทย์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอ-อินโนวา และ ซินครอน จำกัด กล่าวว่า ไบโอ-อินโนวาจะเป็นเอกชนรายแรกในไทยที่เน้นการบริการศึกษาวิจัยทางคลินิก ชีวสมมูล เภสัชจลนศาสตร์ ชีวประสิทธิผล การวิเคราะห์ยาในเลือดและปัสสาวะ การวิเคราะห์ทางสถิติและการจัดการข้อมูล โดยบริษัทมีห้องปฏิบัติการ มีอุปกรณ์การศึกษาวิจัยที่ทันสมัยอย่างครบครัน มีผู้เชี่ยวชาญและแพทย์ ที่จะดูแลอาสาสมัครทดลอง โดยได้มีการร่วมทุนร่วมกับซินครอนแห่งอินเดีย และมูลค่าการจดทะเบียนบริษัท 50 ล้านบาท
อุตสาหกรรมยาในประเทศประกอบด้วยบริษัทผู้ผลิตยาในประเทศ และบริษัทยาต่างประเทศที่นำเข้ายา และรวมมูลค่าตลาดยาโดยรวม 56,000 ล้านบาท และแต่ละปีบริษัทในประเทศจะมีการผลิตยาใหม่ๆ ที่หลุดสิทธิบัตร ประมาณ1,000 รายการ และบริษัทต่างประเทศก็จะนำเข้ายาใหม่ๆ ประมาณ 800 ขนานเช่นกัน บริษัทเวชภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศจะนำยาใหม่ๆ ขึ้นจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประมาณ 2,000 รายการ
สำหรับการวิจัยยาทางคลินิกในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันบรรดานักวิจัยทั้งที่เป็นแพทย์ เภสัชและนักวิทยาศาสตร์เป็นผู้ทำวิจัยทางคลินิกในระยะที่ 1, 2, 3 และ 4 หรือการทดลองยาในอาสาสมัครคนไทย ในโรงพยาบาลต่างๆ ของรัฐมาโดยตลอด ดังนั้น บริษัท ไบโอ-อินโนวา ซึ่งเป็นหน่วยงานเอกชนจะมีส่วนร่วม และสนับสนุนการวิจัยทางคลินิกของหน่วยงานในด้านระบบข้อมูล และด้านการทดสอบประสิทธิภาพของวิธีวิเคราะห์ยาชนิดต่างๆ จะสามารถช่วยให้งานวิจัยยาใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมยาให้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในแต่ละปีว่ารัฐบาลต้องใช้งบประมาณหาศาลในการจัดซื้อยา โดยเฉพาะยาที่มีสิทธิบัตรคุ้มครองหรือยาต้นแบบ (Innovator Drug) ซึ่งมีราคาแพง ดังนั้นการผลิตยาชื่อสามัญหรือยาที่ไม่มีสิทธิบัตร (Generic Drug) จะเป็นวิธีที่ช่วยให้ยามีราคาถูกลง และเพื่อเป็นการประกันว่าการผลิตยาชื่อสามัญนั้นมีราคาที่เหมาะสมและมีคุณภาพเท่าเทียมกับยาต้นแบบ ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา สำนักคณะกรรมการอาหารและยาได้กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตยาชื่อสามัญต้องยื่นผลการศึกษาชีวสมมูล (Bioequivalence Study) ประกอบการพิจารณาขอขึ้นทะเบียนยา ทั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับและประกันคุณภาพของยาชื่อสามัญ
ปัจจุบันได้มีการยกระดับมาตรฐานขึ้นอีกครั้งโดยการนำมาตรฐานการวิจัยทางคลินิกที่ดี (Good Clinical Practice - GCP) มากำหนดเพื่อให้ข้อมูลจากการศึกษาชีวสมมูลน่าเชื่อถือมากขึ้น รวมทั้งการคุ้มครอง และให้ความมั่นใจแก่อาสาสมัครที่ร่วมโครงการทดลองยาด้วย
ดร.ศศิธร กล่าวต่อไปว่า ” ธุรกิจด้านการเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมด้านอาหารของประเทศไทยนับว่าประสบความสำเร็จแล้ว ในขณะที่อุตสาหกรรมยาในประเทศก็เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ไทยยังขาดแคลนด้านการศึกษาวิจัยทางคลินิกหรือการทดลองยา ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญสำหรับธุรกิจยา เครื่องสำอาง การผลิตสมุนไพรและธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เพราะการวิจัยและทดสอบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ได้คุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากล จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สามารถวางตลาดได้อย่างรวดเร็วทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออก”
นอกจากนี้บริษัทยังสามารถให้บริการงานวิจัยแก่อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง ผู้ผลิตสมุนไพร อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องมือแพทย์ ตลาดบริการวิจัยยาทางคลินิกทั่วโลกมีมูลค่ามหาศาลถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 360,000 ล้านบาท) จึงทำให้ประเทศต่างๆ เช่นจีน ไต้หวัน อินเดีย เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ต่างต้องการเป็นศูนย์กลางการวิจัยยาในภูมิภาคนี้ เพราะประเทศแถบเอเชียจะมีต้นทุนการวิจัยทางคลินิกต่ำกว่าประเทศอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น
ประเทศอินเดียกำลังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยาระดับโลก ทั้งในด้านการวิจัยทางคลินิก เพราะมีความพร้อมหลายๆ ด้าน เช่น มีนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ระดับปริญญาเอกที่ได้รับเทคโนโลยีด้านการวิจัยจากสหรัฐอเมริกา มีค่าแรงขั้นต่ำ ตลาดยาในประเทศมีขนาดใหญ่ ประมาณ 175,000 ล้านบาท ต่อปี นอกจากนี้ยังมีบริษัทนวัตกรรมยาระดับโลกหลายบริษัททั้งบริษัทในอเมริกาและยุโรปต่างไปตั้งโรงงานที่อินเดีย อีกทั้งบริษัทค้นคว้าวิจัยชั้นนำต่างๆ ได้ตั้งฐานที่อินเดียด้วยเช่นกัน จึงเป็นข้อที่ได้เปรียบประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้
ดร.ชิพพราคาช รัชแนม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินครอน แห่งอินเดียกล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์ด้านการวิจัยทางคลินิกของบริษัท ซินครอน ร่วมกับศักยภาพของทีมงาน บริษัท ไบโอ-อินโนว่า และ ซินครอน จำกัด ทำให้มั่นใจได้ว่า เราจะเป็นแนวหน้าของบริการด้านการวิจัยทางคลินิก ด้านเภสัชจลนศาสตร์ และด้านอื่นๆ ทั้งมีความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือแก่หน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทยที่จะผลักดันให้บริการวิจัยทางคลินิกของไทยอยู่ในระดับแนวหน้า”
ซินครอนเป็นบริษัทเอกชนรายแรกในอินเดียที่ให้บริการวิจัยยาทางคลินิกตั้งแต่ปี 2541 และในปี 2549 ได้ร่วมทุนกับบริษัทพาเรเซล ผู้นำด้านการวิจัยทางคลินิกรายใหญ่รายหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ซินครอนได้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้ให้บริการวิจัยทางคลินิกรายใหญ่ในอินเดีย ซึ่งสามารถให้บริการด้านการพัฒนายาที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอแก่บริษัทยาในประเทศและบริษัทยาต่างประเทศได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
คุณปองปรัชญ์ สุโรจนะเมธากุลหรือคุณอารยา สุเทพากุล
บริษัท พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส จำกัด
โทรศัพท์: 0-2651 8989 ต่อ 330 หรือ 224
โทรสาร: 0-2651 9649-50
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ