กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--ก.พลังงาน
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในงานแถลงข่าว “โครงการกรุงเทพฯฟ้าใสด้วย NGV” ซึ่ง กระทรวงพลังงาน และ กระทรวงคมนาคม ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศในเขตกรุงเทพและปริมณฑล อันเนื่องมาจากปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กและสารพิษจากไอเสียยานยนต์สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานมาก ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากเขม่าควันดำของรถโดยสารสาธารณะ
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การนำ NGV มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ จะเป็นการช่วยลดปริมาณสารพิษที่สะสมในอากาศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนได้เป็นอย่างดี ทำให้ประชากรในเขตกรุงเทพและปริมณฑลมีสุขภาพพลานามัยที่ดีขึ้น กระทรวงพลังงานจึงได้มอบหมายให้ กรมธุรกิจพลังงาน และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริหารจัดการนำรถร่วมของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวนประมาณ 3,500 คัน เปลี่ยนเป็นรถโดยสาร NGV โดยให้ ปตท. นำเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 2,000 ล้านบาท พิจารณาให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลกู้เพื่อการติดตั้ง หรือ ดัดแปลงรถโดยสารให้ใช้ NGV ทั้งนี้รวมถึงการจัดซื้อรถโดยสาร NGV ใหม่ด้วย โดยมีระยะเวลาการผ่อนชำระคืนสูงสุดไม่เกิน 5 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำเป็นพิเศษ 0.5% ต่อปี สำหรับรายละเอียดรถโดยสารที่จะเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งจากกรมการขนส่งทางบก หรือสัญญาการเข้าร่วมเดินรถ จาก ขสมก. ที่มีเส้นทางการวิ่งให้บริการในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) เท่านั้น ซึ่งเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก. ที่วิ่งในเส้นทางเขตกรุงเทพ และปริมณฑลจำนวน 9 บริษัท ได้ขอเข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวนประมาณ 700 คัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 600 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมี บริษัท บางกอก ไมโครบัส จำกัด และบริษัท ซิติ้บัส จำกัด มีรถใหม่ใช้ NGV ได้ยื่นความจำนงเข้าร่วมโครงการฯ ด้วย ดังนั้นรวมรถโดยสารใหม่และรถที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้ NGV เข้าร่วมโครงการแล้วทั้งหมดประมาณ 1,000 คัน
ทั้งนี้หากโครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จ รถโดยสารสาธารณะ NGV จำนวน 3,500 คัน จะสามารถช่วยลดมลพิษ ประเภทฝุ่นละอองขนาดเล็ก (particulate Matter : PM10) และเขม่าควันดำ ได้ประมาณ 350 ตัน/ปี ซึ่งสามารถคำนวณเป็น การลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอันเนื่องมาโรคทางเดินหายใจ จากมลพิษดังกล่าวได้ประมาณ 170 ล้านบาท/ปี และประหยัดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ 140 ล้านลิตร/ปี คิดเป็นเงินประมาณ 2,317 ล้านบาท/ปี นอกจากนั้นยังจะเป็นการช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้ถึง 2,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งผู้ประกอบการจะสามารถนำผลประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลงนี้ไปใช้ในการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชนให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ยังได้มอบหมายให้ ปตท. เร่งขยายเครือข่ายสถานีบริการ NGV ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ประกอบการซึ่งขณะนี้สถานีบริการ NGV เปิดให้บริการแล้ว 123 แห่ง และภายในสิ้นปี 2550 มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนสถานีบริการ NGV เป็น 270 แห่ง โดยภายในสิ้นปี 2554 เพิ่มสถานีบริการ NGV เป็น 535 แห่ง ซึ่งส่งผลให้ประชาชนและผู้ประกอบการได้รับความสะดวกในการเติม NGV และประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น ตลอดจนมีความปลอดภัยจากถังบรรจุและอุปกรณ์ NGV ที่ได้มาตรฐานสากล ในขณะที่ปัจจุบันมีจำนวนรถยนต์ติดตั้ง NGV แล้ว 32,900 คัน โดยมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 60,850 คัน ในสิ้นปี 2550 และเพิ่มเป็น 256,600 คัน ภายในสิ้นปี 2554
นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม ได้ตระหนักถึงผลกระทบจากปัญหาคุณภาพอากาศในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จึงได้ร่วมกับ กระทรวงพลังงาน ในการส่งเสริมให้มีการใช้ NGV ในภาคการขนส่งให้แพร่หลายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากจะเร่งรัดให้หน่วยงานภายใต้สังกัด เช่น ขสมก. บขส. เป็นต้น เร่งดำเนินการใช้ NGV ทดแทนน้ำมันแล้ว ยังได้มอบหมายให้ กรมการขนส่งทางบก ประสานงานกับ ปตท. ในด้านมาตรการด้านความปลอดภัยกับรถโดสารที่ใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการมอบใบรับรองมาตรฐานศูนย์ติดตั้งเอ็นจีวีดีเยี่ยม สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐาน และสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยการใช้ NGV ในรถยนต์สำหรับประชาชน ตลอดจนให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้ NGV ให้ผู้ประกอบการขนส่งประเภทต่าง ๆ โดยเร่งให้มีผู้ตรวจและทดสอบรถ NGV มากยิ่งขึ้น รวมถึงอำนวยความสะดวก และสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถานีบริการ NGV ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย
โทรศัพท์ 0-2537-3217 ส่วนประชาสัมพันธ์ กลุ่มธุรกิจสำรวจ ผลิต และก๊าซธรรมชาติ
โทรสาร 0-2537-3211 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)