สรุป
การทำงานในช่วงเวลาต่อไปนี้ สิ่งที่ท่านทั้งหลายต้องเผชิญ คือ หนึ่ง การปฏิรูประบบราชการ สอง การปฏิรูปกฎหมาย สาม การนำเทคโนโลยีมาใช้กับการบริหารราชการ คือ E-Government เราจะมีการจัดการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเสียใหม่ซึ่งรัฐบาลได้จัดเม็ดเงินไว้สำหรับปรับโครงสร้างต่างหากแล้ว ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ มีการจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาช่วย และพวกเราจะได้เรียนรู้ไปในตัว สิ่งใดเรื่องที่เราเข้มแข็งอยู่แล้วก็ส่งเสริมให้ดีขึ้น เรื่องใดที่เราไม่เข้มแข็งก็ไม่ส่งเสริมแต่จะกลับมาแสวงหาจุดแข็งของประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจของเราแข่งขันได้ รัฐบาลจะปรับวิธีการทำงานจากเดิมที่เคยมีบทบาทเป็นผู้ควบคุมมาเป็นผู้ให้บริการ งบประมาณของรัฐบาลเป็นจำนวนเพียงร้อยละ ๒๐ ของ GDP เท่านั้น อีกร้อยละ ๘๐ อยู่กับภาคเอกชนและภาคประชาชน รัฐบาลจะใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นหันไปสนับสนุนกิจการของภาคเอกชนและภาคประชาชนให้เข้มแข็งเพื่อให้เขาเป็นตัวขับเคลื่อน GDP บุคลากรภาคราชการทุกคนจะต้องปรับจากผู้ควบคุมให้มีจิตสำนึกในการให้บริการรับใช้ประชาชน เพราะเราต้องเน้นบริการ และช่วยเขาแก้ปัญหาอุปสรรค เพราะในที่สุดแล้วถ้าภาคเอกชนเข้มแข็ง รัฐบาลมีรายได้มาก ก็จะนำไปสู่การปรับเงินเดือนข้าราชการ ให้ข้าราชการมีเงินเดือนที่พอใช้และเป็นธรรม เพราะวันนี้ข้าราชการยังได้รับเงินเดือนที่ไม่เป็นธรรม จากนั้นระบบคอรัปชั่นจะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ด้วย
วันนี้เราจะต้องอดทนต่อภาวะซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่าน จะต้องเปลี่ยนสินทรัพย์ของคนจน คนตัวเล็กให้สามารถใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเพื่อที่จะมีโอกาสขยายอนาคตของตัวเองได้ รัฐวิสาหกิจที่มีกำไรในปีนี้ให้แปรรูปเป็นบริษัทจำกัดให้หมด หลังจากนั้นภายใน ๖ เดือน ต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้หมด ทั้งนี้เพื่อต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารและบริการให้ดีขึ้น ท่านจะต้องปรับปรุงระบบการทำงาน จะต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมของท่านพอสมควร การเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จของภาครัฐวิสาหกิจ ถ้าท่านเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรแห่งการทำงานแบบระบบราชการไปสู่ระบบธุรกิจไม่ได้ องค์กรของท่านจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นท่านจะต้องปรับ ส่วนรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน ท่านต้องไปปรับปรุงตัวให้มีประสิทธิภาพ โดยหลายฝ่ายจะต้องไปช่วยกัน ภาคการศึกษาจะต้องเข้าไปช่วย เชิญอาจารย์มหาวิทยาลัยเข้าไปช่วย ต้อง turn around ถ้า turn around ไม่ได้เพราะว่าค่าบริการไม่สามารถเพิ่มได้ ตรงนั้นรัฐบาลรับได้ และจะรู้ว่ารัฐบาลจะต้องอุดหนุน แต่เป็นการอุดหนุนที่ชัดเจน มีหน่วยของการอุดหนุนที่ชัดเจน ไม่ใช่ท่านจะถูกปล่อยให้แก้ไขปัญหาตามลำพัง ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่ารัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนมากเพราะมีการจัดซื้อมาก การก่อสร้างมาก เนื่องจากได้เงินอุดหนุนง่าย ในรัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายเช่นนั้นอีกแล้ว และท่านไม่ต้องเอาใจรัฐมนตรีโดยการจัดหาโครงการเพื่อให้คอมมิชชั่น ท่านมีหน้าที่ทำให้ผลการปฏิบัติงานพ้นจากการขาดทุน ถ้าขาดทุนเพราะมีการเก็บค่าบริการต่ำ ก็ต้องมีความชัดเจนว่าท่านได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของท่านมาแล้ว ถ้าการขาดทุนส่วนหนึ่งที่เกิดจากการไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนนี้รัฐบาลรับไม่ได้ แต่สำหรับอีกส่วนหนึ่งที่เกิดจากค่าบริการที่ไม่เป็นธรรม ส่วนนี้รัฐบาลรับได้และพร้อมจะอุดหนุน เพราะฉะนั้นทั้งคณะกรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจจะต้องร่วมรับผิดชอบต่อความไม่มีประสิทธิภาพนี้ด้วย ปีนี้ผมมีเวลาผมจะตรวจสอบการทำงานของรัฐวิสาหกิจเพื่อให้มั่นใจว่ามีประสิทธิภาพเพราะนี่คือสินทรัพย์ของประเทศ ถ้ารัฐวิสาหกิจทั้งหมดเข้าตลาดหลักทรัพย์ เราจะมีมูลค่าของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ของประเทศ หรือเป็นสินทรัพย์ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างน้อย ๑.๕ ล้านล้านบาท ซึ่งก็เท่ากับว่าได้ลดหนี้ไปครึ่งหนึ่ง ไม่ได้เอามาขาย แต่เอามา Hedge กัน เราไม่อาจมองเฉพาะด้านหนี้เท่านั้น แต่ต้องมองด้านสินทรัพย์ไปพร้อมกันด้วยเพราะรัฐบาลจะต้องทำสินทรัพย์ให้ดีขึ้นด้วย และขณะเดียวกันต้องลดหนี้ให้ได้มากที่สุด ต้องทำควบคู่กัน ในปีนี้รัฐวิสาหกิจจะต้องตื่นตัว ผมจะเรียกมาคุยเป็นราย ๆ ไป เพื่อให้มั่นใจว่าเราเข้าใจแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ไปในทางเดียวกัน ขอให้ท่านทั้งหลายเตรียมการให้ดี
ส่วนรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่ดำเนินกิจการต่อไปไม่ได้แล้วและไม่มีความจำเป็นต้องมีอยู่ก็อาจจะต้องปิด ซึ่งก็มีน้อยและส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจเล็ก ๆ ซึ่งไม่มีความจำเป็น หรือบางทีอาจจะใช้วิธีให้พนักงานทำ Management Buy Out คือ ซื้อไปเลย โดยขายให้ถูก ๆ แล้วไปทำเป็นบริษัทของท่านเอง ดีกว่าที่รัฐจะต้องรับเป็นภาระต่อไป เรื่องนี้ต้องทำอย่างจริงจัง วันนี้ถ้าหน่วยใด turn around ตัวเองได้ขอให้แจ้งมา ก็จะไม่เจอปัญหานี้ ที่ต้องตั้งกฎแบบนี้เพราะไม่เช่นนั้นท่านจะอยู่ไปวัน ๆ ถึงเวลาก็ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล หมดเวลาที่จะทำเช่นนั้นแล้ว เพราะรัฐบาลมีภารกิจต้องดูแลประชาชนอีกมากซึ่งยังต้องการการประคับประคองเพื่อให้สามารถยืนบนลำแข้งของตัวเอง เรายังมีคนจนในประเทศเหลืออยู่ ๙.๘ ล้านคน ที่จะต้องช่วยเหลือ ขอเน้นอีกครั้งว่าท่านจะต้องบริหารแบบเป็นเจ้าภาพ เป็นยุทธศาสตร์ และที่สำคัญจะต้องมีบูรณาการ
สุดท้ายขอเน้นย้ำว่าเรากำลังเข้าสู่สังคมที่เป็นสังคมฐานความรู้ (Knowledge Based) เพราะฉะนั้นท่านต้องเตรียมตัว ผู้บริหารต้องรอบรู้ขึ้น ท่านต้องอ่านหนังสือให้มาก ท่านต้องใช้อินเตอร์เน็ต ท่านต้องสร้างคนของท่านเพื่อเตรียมรองรับ เป็น Knowledge Worker คือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีดุลยพินิจในการตัดสินเองในขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าให้เป็นเสมียนหมด ฉะนั้น ระบบการบริหารปีหน้า หวังว่าเรื่องเพื่อพิจารณาจากระดับ ๔ จนถึงนายกรัฐมนตรีจะไม่มี การตัดสินใจควรจะลดชั้นและขั้นตอน ลงไปเรื่อย ๆ ท่านจะต้องตื่นตัวให้รู้ว่าระเบียบและกฎหมายอะไรทำให้ไม่เกิดประสิทธิภาพต่อการบริหารของท่าน ก็ขอให้เสนอแก้ไข รัฐบาลนี้พร้อมยกเลิกกฎหมายเก่าที่ล้าสมัย พร้อมแก้ระเบียบที่ล้าสมัยตลอดเวลา ท่านเป็นผู้ปฏิบัติ ท่านย่อมจะรู้ดี ขอให้ท่านสร้าง Knowledge Worker มาก ๆ ถ้าไม่เช่นนั้น เรียนจบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมาก็เป็นเสมียน จบจากมหาวิทยาลัยเยลมาก็เป็นเสมียนเพราะเริ่มต้นที่ระดับ ๔ ระดับ ๕ ในโลกนี้เรากำลังแสวงหาคนซึ่งมี talent เมื่อเราได้มาแล้วต้องรักษาไว้ให้ได้ ผมได้มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะรังสี) ทำหน้าที่ไปแสวงหาคนที่เยี่ยมที่สุด และเก่งกล้าสามารถที่สุด the Best and the Brightest ในสาขาต่าง ๆ เพราะวันนี้ถึงแม้ว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะมีผู้ที่จบปริญญาเอกหลายคน แต่ก็อายุไม่หนุ่มมากจึงอาจเกิดช่องว่างระหว่างวัยหรือ Generation Gap ได้ ผมเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ อายุ ๒๐ กว่าปี กับเราวันนี้มี Generation Gap มีช่องว่างอยู่ เพราะฉะนั้นเราควรจะดึงคนเหล่านี้ซึ่งฉลาดและเก่งมาช่วยคิดช่วยปรับปรุงยุทธศาสตร์และนโยบายประเทศให้มีการเปลี่ยนผ่านแต่ละช่วงได้อย่างราบรื่น เราจึงจะต้องมีโครงการที่จะหาคนซึ่งฉลาด คนเก่งมาช่วยเป็นสมองให้กับประเทศ เพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยหรือรุ่น เพื่อเชื่อมตรงนี้ จึงอยากเรียนให้ท่านได้รับรู้ว่าเราต้องไปทางนั้นแล้ว
นอกจากนี้เราอยู่ในเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ระบบประชาธิปไตยคือเศรษฐกิจทุนนิยม เราต้องรู้เท่าทันว่าเศรษฐกิจทุนนิยมคืออะไร เราจึงจะอยู่รอด ถ้าเราไม่รู้เท่าทันจะโดนกิน เพราะระบบทุนนิยมเป็นระบบที่กัดกินกันเองของคนที่อยู่ร่วมกัน ระบบทุนนิยมอยู่ร่วมกันแต่พร้อมกัดกินกันเอง ที่ผมเคยเล่านิทานที่มีเต่ากับแมลงป่องพบกันที่ริมน้ำฝั่งหนึ่ง แมลงป่องขอเกาะหลังเต่าข้ามฟาก เต่ากลัวว่าแมลงป่องจะกัดตัวเองจมน้ำตาย แมลงป่องก็บอกว่าถ้ากัดเต่าตาย แมลงป่องก็ต้องจมน้ำตายด้วย เต่าฟังแล้วเห็นว่ามีเหตุผลจึงให้แมลงป่องเกาะหลัง พอไปถึงกลางน้ำ แมลงป่องก็กัดเต่า เต่าก็ร้องถามว่าไหนตกลงกันแล้วว่าจะไม่กัด แมลงป่องบอกว่ามันเป็นธรรมชาติที่ตัวเองจะต้องกัด นี่คือนิทานเรื่องทุนนิยม สิ่งที่อยู่ร่วมกันพร้อมที่จะเกื้อกูลและก็กัดกัน วิธีการที่ดีและไม่ต้องการให้ถูกเขากัด ก็คือ การทำตัวเองให้แข็งแรง เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจประเทศไทยต้องทำตัวเองให้แข็งแรง ถ้าทำไม่ได้ก็โดนกัดอย่างแน่นอน เหมือนตลาดทุน เงินต่างประเทศไหลเข้ามาเราดีใจ ราคาหุ้นขึ้น แต่กำไรเขาก็นำออก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรู้เท่าทันเรื่องอย่างนี้ ต้องเป็นเรื่องความรอบรู้ความไว เราจะต้องเข้าใจว่าระบบทุนนิยมนั้นต้องสร้างความแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อ่อนแอในวันนี้ซึ่งได้แก่ ภาคธุรกิจเล็ก ๆ คนจน ชาวบ้าน รัฐบาลจะต้องช่วยทำให้เขายืนบนลำแข้งของตัวเองได้ ให้พ้นจากความยากจนให้เร็วที่สุด ผมมั่นใจว่า ๗ - ๘ ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนไปมาก สิ่งนี้เราจะต้องยอมรับและตระหนัก เราเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่ เราไม่มี Economy of scale เราจะต้องเอาตัวรอดด้วยการมี Economy of speed ต้องมีความฉับไว ถ้าประเทศไทยเรายังไม่มีความฉับไว ยังช้าอยู่ ก็โดนกินอีกเช่นกัน ระบบราชการต้องเอื้ออำนวยต่อความฉับไวตรงนี้ เราคงต้องปรับปรุงและสังคายนากันครั้งใหญ่ ผมจึงต้องเชิญท่านมาเพื่อที่จะเรียนว่าเราจะต้องช่วยกันตื่นตัวมองยุทธศาสตร์ของประเทศ ขอให้มองอุปสรรคเพื่อที่จะแก้ไข ไม่ใช่มองอุปสรรคเพื่อที่จะไม่ทำ แล้วเราก็จะต้องมีความฉับไวในการสนองตอบต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก สนองตอบต่อภาคเอกชนและภาคประชาชนให้เขาสามารถที่จะสู้ได้
อีกเรื่องคือเรื่องภาษีศุลกากรจะหายไป ด้วย Free Trade Agreement ได้แก่ การพยายามทำ Trade Balance ระหว่างกัน ภาษีที่จะเพิ่มขึ้นได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีนิติบุคคล ภาษีบุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่ม เงินตราต่างประเทศที่จะเป็นบวกกับแต่ละประเทศนั้นจะไปอยู่ที่เรื่องของการท่องเที่ยวกับเงินลงทุนโดยตรงกับต่างประเทศ เพราะฉะนั้นขอให้ท่านทั้งหลายที่เป็นผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวให้ความร่วมมือกับการท่องเที่ยว ฯ ที่จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเหล่านั้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี รักษาไว้เพื่อจะให้เป็นที่ดึงดูดทางด้านการท่องเที่ยวต่อไป เพื่อเป็นที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ เราต้องช่วยกันรักษาเรื่องของวัฒนธรรม ความมีน้ำจิตน้ำใจของคนไทย สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติให้ดี ช่วง ๔ - ๕ ปีต่อไปนี้ประเทศไทยมีอนาคตที่พอจะฟื้นตัวได้ดีมากแต่ไม่ถึงกับโรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะข้อจำกัดยังมีมาก เราต้องปรับปรุงมากมาย ความล้าสมัยของกฎหมาย ระเบียบ และระบบต่าง ๆ ต้องแก้ไข ต้องขอให้ท่านสนับสนุน และช่วยกันอย่างเต็มที่ รวมทั้งเรื่องการบริหารหนี้สาธารณะ เพราะหนี้เรามีจำนวนสูง ถ้าบริหารไม่ดีต้นทุนก็สูง
สุดท้ายที่จะขอฝากไว้คือ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคในปีหน้า กิจกรรมต่าง ๆ จะเริ่มต้นตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นไป การเตรียมการในการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคนั้น ก็จะต้องทำกันอย่างเต็มที่โดยเราจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีนั้นเป็นพิเศษอีกด้วย ฉะนั้นทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้เราเป็นเจ้าภาพได้อย่างสมความภาคภูมิของประเทศไทย
ผมขอขอบคุณและขออภัยที่ใช้เวลานาน ทั้งนี้ ก็เพราะพบกันปีละครั้งจึงอยากจะซักซ้อมการดำเนินนโยบายที่สำคัญ ๆ ให้เราได้เข้าใจตรงกันเพื่อประโยชน์ในการทำงานร่วมกันต่อไป--จบ--
--สำนักโฆษกฯ--
-สส-
การทำงานในช่วงเวลาต่อไปนี้ สิ่งที่ท่านทั้งหลายต้องเผชิญ คือ หนึ่ง การปฏิรูประบบราชการ สอง การปฏิรูปกฎหมาย สาม การนำเทคโนโลยีมาใช้กับการบริหารราชการ คือ E-Government เราจะมีการจัดการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเสียใหม่ซึ่งรัฐบาลได้จัดเม็ดเงินไว้สำหรับปรับโครงสร้างต่างหากแล้ว ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ มีการจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาช่วย และพวกเราจะได้เรียนรู้ไปในตัว สิ่งใดเรื่องที่เราเข้มแข็งอยู่แล้วก็ส่งเสริมให้ดีขึ้น เรื่องใดที่เราไม่เข้มแข็งก็ไม่ส่งเสริมแต่จะกลับมาแสวงหาจุดแข็งของประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจของเราแข่งขันได้ รัฐบาลจะปรับวิธีการทำงานจากเดิมที่เคยมีบทบาทเป็นผู้ควบคุมมาเป็นผู้ให้บริการ งบประมาณของรัฐบาลเป็นจำนวนเพียงร้อยละ ๒๐ ของ GDP เท่านั้น อีกร้อยละ ๘๐ อยู่กับภาคเอกชนและภาคประชาชน รัฐบาลจะใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นหันไปสนับสนุนกิจการของภาคเอกชนและภาคประชาชนให้เข้มแข็งเพื่อให้เขาเป็นตัวขับเคลื่อน GDP บุคลากรภาคราชการทุกคนจะต้องปรับจากผู้ควบคุมให้มีจิตสำนึกในการให้บริการรับใช้ประชาชน เพราะเราต้องเน้นบริการ และช่วยเขาแก้ปัญหาอุปสรรค เพราะในที่สุดแล้วถ้าภาคเอกชนเข้มแข็ง รัฐบาลมีรายได้มาก ก็จะนำไปสู่การปรับเงินเดือนข้าราชการ ให้ข้าราชการมีเงินเดือนที่พอใช้และเป็นธรรม เพราะวันนี้ข้าราชการยังได้รับเงินเดือนที่ไม่เป็นธรรม จากนั้นระบบคอรัปชั่นจะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ด้วย
วันนี้เราจะต้องอดทนต่อภาวะซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่าน จะต้องเปลี่ยนสินทรัพย์ของคนจน คนตัวเล็กให้สามารถใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเพื่อที่จะมีโอกาสขยายอนาคตของตัวเองได้ รัฐวิสาหกิจที่มีกำไรในปีนี้ให้แปรรูปเป็นบริษัทจำกัดให้หมด หลังจากนั้นภายใน ๖ เดือน ต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้หมด ทั้งนี้เพื่อต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารและบริการให้ดีขึ้น ท่านจะต้องปรับปรุงระบบการทำงาน จะต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมของท่านพอสมควร การเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จของภาครัฐวิสาหกิจ ถ้าท่านเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรแห่งการทำงานแบบระบบราชการไปสู่ระบบธุรกิจไม่ได้ องค์กรของท่านจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นท่านจะต้องปรับ ส่วนรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน ท่านต้องไปปรับปรุงตัวให้มีประสิทธิภาพ โดยหลายฝ่ายจะต้องไปช่วยกัน ภาคการศึกษาจะต้องเข้าไปช่วย เชิญอาจารย์มหาวิทยาลัยเข้าไปช่วย ต้อง turn around ถ้า turn around ไม่ได้เพราะว่าค่าบริการไม่สามารถเพิ่มได้ ตรงนั้นรัฐบาลรับได้ และจะรู้ว่ารัฐบาลจะต้องอุดหนุน แต่เป็นการอุดหนุนที่ชัดเจน มีหน่วยของการอุดหนุนที่ชัดเจน ไม่ใช่ท่านจะถูกปล่อยให้แก้ไขปัญหาตามลำพัง ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่ารัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนมากเพราะมีการจัดซื้อมาก การก่อสร้างมาก เนื่องจากได้เงินอุดหนุนง่าย ในรัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายเช่นนั้นอีกแล้ว และท่านไม่ต้องเอาใจรัฐมนตรีโดยการจัดหาโครงการเพื่อให้คอมมิชชั่น ท่านมีหน้าที่ทำให้ผลการปฏิบัติงานพ้นจากการขาดทุน ถ้าขาดทุนเพราะมีการเก็บค่าบริการต่ำ ก็ต้องมีความชัดเจนว่าท่านได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของท่านมาแล้ว ถ้าการขาดทุนส่วนหนึ่งที่เกิดจากการไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนนี้รัฐบาลรับไม่ได้ แต่สำหรับอีกส่วนหนึ่งที่เกิดจากค่าบริการที่ไม่เป็นธรรม ส่วนนี้รัฐบาลรับได้และพร้อมจะอุดหนุน เพราะฉะนั้นทั้งคณะกรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจจะต้องร่วมรับผิดชอบต่อความไม่มีประสิทธิภาพนี้ด้วย ปีนี้ผมมีเวลาผมจะตรวจสอบการทำงานของรัฐวิสาหกิจเพื่อให้มั่นใจว่ามีประสิทธิภาพเพราะนี่คือสินทรัพย์ของประเทศ ถ้ารัฐวิสาหกิจทั้งหมดเข้าตลาดหลักทรัพย์ เราจะมีมูลค่าของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ของประเทศ หรือเป็นสินทรัพย์ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างน้อย ๑.๕ ล้านล้านบาท ซึ่งก็เท่ากับว่าได้ลดหนี้ไปครึ่งหนึ่ง ไม่ได้เอามาขาย แต่เอามา Hedge กัน เราไม่อาจมองเฉพาะด้านหนี้เท่านั้น แต่ต้องมองด้านสินทรัพย์ไปพร้อมกันด้วยเพราะรัฐบาลจะต้องทำสินทรัพย์ให้ดีขึ้นด้วย และขณะเดียวกันต้องลดหนี้ให้ได้มากที่สุด ต้องทำควบคู่กัน ในปีนี้รัฐวิสาหกิจจะต้องตื่นตัว ผมจะเรียกมาคุยเป็นราย ๆ ไป เพื่อให้มั่นใจว่าเราเข้าใจแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ไปในทางเดียวกัน ขอให้ท่านทั้งหลายเตรียมการให้ดี
ส่วนรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่ดำเนินกิจการต่อไปไม่ได้แล้วและไม่มีความจำเป็นต้องมีอยู่ก็อาจจะต้องปิด ซึ่งก็มีน้อยและส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจเล็ก ๆ ซึ่งไม่มีความจำเป็น หรือบางทีอาจจะใช้วิธีให้พนักงานทำ Management Buy Out คือ ซื้อไปเลย โดยขายให้ถูก ๆ แล้วไปทำเป็นบริษัทของท่านเอง ดีกว่าที่รัฐจะต้องรับเป็นภาระต่อไป เรื่องนี้ต้องทำอย่างจริงจัง วันนี้ถ้าหน่วยใด turn around ตัวเองได้ขอให้แจ้งมา ก็จะไม่เจอปัญหานี้ ที่ต้องตั้งกฎแบบนี้เพราะไม่เช่นนั้นท่านจะอยู่ไปวัน ๆ ถึงเวลาก็ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล หมดเวลาที่จะทำเช่นนั้นแล้ว เพราะรัฐบาลมีภารกิจต้องดูแลประชาชนอีกมากซึ่งยังต้องการการประคับประคองเพื่อให้สามารถยืนบนลำแข้งของตัวเอง เรายังมีคนจนในประเทศเหลืออยู่ ๙.๘ ล้านคน ที่จะต้องช่วยเหลือ ขอเน้นอีกครั้งว่าท่านจะต้องบริหารแบบเป็นเจ้าภาพ เป็นยุทธศาสตร์ และที่สำคัญจะต้องมีบูรณาการ
สุดท้ายขอเน้นย้ำว่าเรากำลังเข้าสู่สังคมที่เป็นสังคมฐานความรู้ (Knowledge Based) เพราะฉะนั้นท่านต้องเตรียมตัว ผู้บริหารต้องรอบรู้ขึ้น ท่านต้องอ่านหนังสือให้มาก ท่านต้องใช้อินเตอร์เน็ต ท่านต้องสร้างคนของท่านเพื่อเตรียมรองรับ เป็น Knowledge Worker คือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีดุลยพินิจในการตัดสินเองในขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าให้เป็นเสมียนหมด ฉะนั้น ระบบการบริหารปีหน้า หวังว่าเรื่องเพื่อพิจารณาจากระดับ ๔ จนถึงนายกรัฐมนตรีจะไม่มี การตัดสินใจควรจะลดชั้นและขั้นตอน ลงไปเรื่อย ๆ ท่านจะต้องตื่นตัวให้รู้ว่าระเบียบและกฎหมายอะไรทำให้ไม่เกิดประสิทธิภาพต่อการบริหารของท่าน ก็ขอให้เสนอแก้ไข รัฐบาลนี้พร้อมยกเลิกกฎหมายเก่าที่ล้าสมัย พร้อมแก้ระเบียบที่ล้าสมัยตลอดเวลา ท่านเป็นผู้ปฏิบัติ ท่านย่อมจะรู้ดี ขอให้ท่านสร้าง Knowledge Worker มาก ๆ ถ้าไม่เช่นนั้น เรียนจบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมาก็เป็นเสมียน จบจากมหาวิทยาลัยเยลมาก็เป็นเสมียนเพราะเริ่มต้นที่ระดับ ๔ ระดับ ๕ ในโลกนี้เรากำลังแสวงหาคนซึ่งมี talent เมื่อเราได้มาแล้วต้องรักษาไว้ให้ได้ ผมได้มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกร ทัพพะรังสี) ทำหน้าที่ไปแสวงหาคนที่เยี่ยมที่สุด และเก่งกล้าสามารถที่สุด the Best and the Brightest ในสาขาต่าง ๆ เพราะวันนี้ถึงแม้ว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะมีผู้ที่จบปริญญาเอกหลายคน แต่ก็อายุไม่หนุ่มมากจึงอาจเกิดช่องว่างระหว่างวัยหรือ Generation Gap ได้ ผมเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ อายุ ๒๐ กว่าปี กับเราวันนี้มี Generation Gap มีช่องว่างอยู่ เพราะฉะนั้นเราควรจะดึงคนเหล่านี้ซึ่งฉลาดและเก่งมาช่วยคิดช่วยปรับปรุงยุทธศาสตร์และนโยบายประเทศให้มีการเปลี่ยนผ่านแต่ละช่วงได้อย่างราบรื่น เราจึงจะต้องมีโครงการที่จะหาคนซึ่งฉลาด คนเก่งมาช่วยเป็นสมองให้กับประเทศ เพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยหรือรุ่น เพื่อเชื่อมตรงนี้ จึงอยากเรียนให้ท่านได้รับรู้ว่าเราต้องไปทางนั้นแล้ว
นอกจากนี้เราอยู่ในเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ระบบประชาธิปไตยคือเศรษฐกิจทุนนิยม เราต้องรู้เท่าทันว่าเศรษฐกิจทุนนิยมคืออะไร เราจึงจะอยู่รอด ถ้าเราไม่รู้เท่าทันจะโดนกิน เพราะระบบทุนนิยมเป็นระบบที่กัดกินกันเองของคนที่อยู่ร่วมกัน ระบบทุนนิยมอยู่ร่วมกันแต่พร้อมกัดกินกันเอง ที่ผมเคยเล่านิทานที่มีเต่ากับแมลงป่องพบกันที่ริมน้ำฝั่งหนึ่ง แมลงป่องขอเกาะหลังเต่าข้ามฟาก เต่ากลัวว่าแมลงป่องจะกัดตัวเองจมน้ำตาย แมลงป่องก็บอกว่าถ้ากัดเต่าตาย แมลงป่องก็ต้องจมน้ำตายด้วย เต่าฟังแล้วเห็นว่ามีเหตุผลจึงให้แมลงป่องเกาะหลัง พอไปถึงกลางน้ำ แมลงป่องก็กัดเต่า เต่าก็ร้องถามว่าไหนตกลงกันแล้วว่าจะไม่กัด แมลงป่องบอกว่ามันเป็นธรรมชาติที่ตัวเองจะต้องกัด นี่คือนิทานเรื่องทุนนิยม สิ่งที่อยู่ร่วมกันพร้อมที่จะเกื้อกูลและก็กัดกัน วิธีการที่ดีและไม่ต้องการให้ถูกเขากัด ก็คือ การทำตัวเองให้แข็งแรง เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจประเทศไทยต้องทำตัวเองให้แข็งแรง ถ้าทำไม่ได้ก็โดนกัดอย่างแน่นอน เหมือนตลาดทุน เงินต่างประเทศไหลเข้ามาเราดีใจ ราคาหุ้นขึ้น แต่กำไรเขาก็นำออก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรู้เท่าทันเรื่องอย่างนี้ ต้องเป็นเรื่องความรอบรู้ความไว เราจะต้องเข้าใจว่าระบบทุนนิยมนั้นต้องสร้างความแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อ่อนแอในวันนี้ซึ่งได้แก่ ภาคธุรกิจเล็ก ๆ คนจน ชาวบ้าน รัฐบาลจะต้องช่วยทำให้เขายืนบนลำแข้งของตัวเองได้ ให้พ้นจากความยากจนให้เร็วที่สุด ผมมั่นใจว่า ๗ - ๘ ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนไปมาก สิ่งนี้เราจะต้องยอมรับและตระหนัก เราเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่ เราไม่มี Economy of scale เราจะต้องเอาตัวรอดด้วยการมี Economy of speed ต้องมีความฉับไว ถ้าประเทศไทยเรายังไม่มีความฉับไว ยังช้าอยู่ ก็โดนกินอีกเช่นกัน ระบบราชการต้องเอื้ออำนวยต่อความฉับไวตรงนี้ เราคงต้องปรับปรุงและสังคายนากันครั้งใหญ่ ผมจึงต้องเชิญท่านมาเพื่อที่จะเรียนว่าเราจะต้องช่วยกันตื่นตัวมองยุทธศาสตร์ของประเทศ ขอให้มองอุปสรรคเพื่อที่จะแก้ไข ไม่ใช่มองอุปสรรคเพื่อที่จะไม่ทำ แล้วเราก็จะต้องมีความฉับไวในการสนองตอบต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก สนองตอบต่อภาคเอกชนและภาคประชาชนให้เขาสามารถที่จะสู้ได้
อีกเรื่องคือเรื่องภาษีศุลกากรจะหายไป ด้วย Free Trade Agreement ได้แก่ การพยายามทำ Trade Balance ระหว่างกัน ภาษีที่จะเพิ่มขึ้นได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีนิติบุคคล ภาษีบุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่ม เงินตราต่างประเทศที่จะเป็นบวกกับแต่ละประเทศนั้นจะไปอยู่ที่เรื่องของการท่องเที่ยวกับเงินลงทุนโดยตรงกับต่างประเทศ เพราะฉะนั้นขอให้ท่านทั้งหลายที่เป็นผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวให้ความร่วมมือกับการท่องเที่ยว ฯ ที่จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเหล่านั้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี รักษาไว้เพื่อจะให้เป็นที่ดึงดูดทางด้านการท่องเที่ยวต่อไป เพื่อเป็นที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ เราต้องช่วยกันรักษาเรื่องของวัฒนธรรม ความมีน้ำจิตน้ำใจของคนไทย สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติให้ดี ช่วง ๔ - ๕ ปีต่อไปนี้ประเทศไทยมีอนาคตที่พอจะฟื้นตัวได้ดีมากแต่ไม่ถึงกับโรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะข้อจำกัดยังมีมาก เราต้องปรับปรุงมากมาย ความล้าสมัยของกฎหมาย ระเบียบ และระบบต่าง ๆ ต้องแก้ไข ต้องขอให้ท่านสนับสนุน และช่วยกันอย่างเต็มที่ รวมทั้งเรื่องการบริหารหนี้สาธารณะ เพราะหนี้เรามีจำนวนสูง ถ้าบริหารไม่ดีต้นทุนก็สูง
สุดท้ายที่จะขอฝากไว้คือ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคในปีหน้า กิจกรรมต่าง ๆ จะเริ่มต้นตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นไป การเตรียมการในการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคนั้น ก็จะต้องทำกันอย่างเต็มที่โดยเราจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีนั้นเป็นพิเศษอีกด้วย ฉะนั้นทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้เราเป็นเจ้าภาพได้อย่างสมความภาคภูมิของประเทศไทย
ผมขอขอบคุณและขออภัยที่ใช้เวลานาน ทั้งนี้ ก็เพราะพบกันปีละครั้งจึงอยากจะซักซ้อมการดำเนินนโยบายที่สำคัญ ๆ ให้เราได้เข้าใจตรงกันเพื่อประโยชน์ในการทำงานร่วมกันต่อไป--จบ--
--สำนักโฆษกฯ--
-สส-