นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่จำนวน 17  แห่ง ประจำปี  2550  สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่  30  มิถุนายน  2550  และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณ จำนวน  11  แห่ง เร่งรัดและติดตาม      การเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้  เนื่องจากผลการเบิกจ่ายสะสม 9 เดือน    (ตุลาคม  2549 — มิถุนายน  2550)  อยู่ในอัตราต่ำกว่าที่ประมาณการไว้มาก  รายละเอียดปรากฏ ดังนี้          1.  ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ จำนวน  17  แห่ง  ในปี  2550          ในปีงบประมาณ  2550  รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ จำนวน  17  แห่ง  ได้รับอนุมัติงบลงทุนทั้งสิ้น  329,337.52  ล้านบาท  การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมระหว่างเดือนตุลาคม  2549 — มิถุนายน  2550  สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้จริง  105,558.42  ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  32.05  ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ  เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม  2550  ที่สามารถเบิกจ่ายได้เพียงร้อยละ  28.58  ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ  โดยมีรายละเอียด ดังนี้          1.1  รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณ  จำนวน  11  แห่ง  ในปีงบประมาณ  2550  ได้รับอนุมัติงบลงทุนทั้งสิ้น  191,178.66  ล้านบาท  การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม  9  เดือน  (1 ตุลาคม  2549 — 30  มิถุนายน  2550)  สามารถเบิกจ่ายจริงได้ทั้งสิ้น  72,729.59  ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  38.04  ของงบลงทุนสะสม  6  เดือน  (1  มกราคม  2550 — 30  มิถุนายน  2550)  สามารถเบิกจ่ายจริงได้ทั้งสิ้น  32,828.83  ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  23.76  ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ          1.2  รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทิน  จำนวน  6  แห่ง  ในปีงบประมาณ  2550  ได้รับอนุมัติงบลงทุนทั้งสิ้น  138,158.86  ล้านบาท  การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม  6  เดือน  (1  มกราคม  2550 — 30 มิถุนายน  2550)  สามารถเบิกจ่ายจริงได้ทั้งสิ้น  32,828.83  ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ  23.76  ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ          2.  รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ในปีงบประมาณ  2550  ที่เบิกจ่ายได้ต่ำกว่าแผนเป็นจำนวนมาก คือ          2.1  การทางพิเศษแห่งประเทศไทย  สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ 1,355.19  ล้านบาท  จากยอดอนุมัติทั้งสิ้น  25,348.10  ล้านบาท  หรือร้อยละ 5.35  ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ  เนื่องจาก  โครงการทางพิเศษสายบางพลี — สุขสวัสดิ์  ที่มีแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนในเดือนกรกฎาคม  2550  จำนวน  18,243.47  ล้านบาท  ไม่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้หากโครงการดังกล่าวสามารถเบิกจ่ายได้ตามแผน จะทำให้อัตราการเบิกจ่ายของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า ร้อยละ 71          2.2  การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย  สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้  220.46  ล้านบาท  จากยอดอนุมัติทั้งสิ้น 15,553.35  ล้านบาท หรือ เท่ากับร้อยละ 1.42  ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด  เนื่องจาก  โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่ — บางซื่อ  โครงการรถไฟฟ้าสาย   สีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง — บางแค  และช่วงบางซื่อ — ท่าพระ ต้องรอการจัดจ้างที่ปรึกษาใหม่อีกครั้ง จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้          2.3  บริษัท  ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ 4,040.55  ล้านบาท  จากยอดอนุมัติทั้งสิ้น 16,672.29  ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 24.24  ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ  โดยแจ้งว่า  โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในส่วนที่เหลือไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องด้านงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง และความล่าช้าในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้าง          2.4  การรถไฟแห่งประเทศไทย  สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้  4,120.30  ล้านบาท  จากยอดอนุมัติทั้งสิ้น  26,361.67  ล้านบาท  หรือเท่ากับร้อยละ  15.63  ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ  เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอยู่ระหว่างกระบวนการจัดหาบริษัทผู้ดำเนินการก่อสร้าง  และโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงสถานีฉะเชิงเทรา — ศรีราชา — แหลมฉบัง  โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มเบิกจ่ายได้ในเดือนกันยายน  2550  เป็นต้นไป          ทั้งนี้  รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณทั้ง  11  แห่ง  มีเวลาเหลืออีกเพียง  3  เดือน  ก่อนสิ้นปีงบประมาณในการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้  แต่เนื่องจากผลการเบิกจ่ายสะสม  9  เดือน  (ตุลาคม  2549 — มิถุนายน  2550)  อยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้มาก  ซึ่งเห็นสมควรมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจเร่งรัด และติดตามอย่างใกล้ชิด