แท็ก
นายกรัฐมนตรี
กรุงเทพ--8 ม.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม 2550 เชคคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ (His Highness Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ซึ่งทรงเป็นพระปิตุลา (อา) ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนองค์ปัจจุบันด้วย จะเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ตามคำกราบทูลเชิญของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนประทับอยู่ในประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นำนายกรัฐมนตรีบาห์เรนเข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในช่วงบ่ายของวันที่ 11 มกราคม 2550 และนายกรัฐมนตรีจะได้หารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีบาห์เรนในวันที่ 10 มกราคม 2550 รวมทั้งจะเป็นเจ้าภาพถวายพระกระยาหารค่ำแก่นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันเดียวกันด้วย (กำหนดการเสด็จดังแนบ)
การเสด็จเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีบาห์เรนครั้งนี้มีขึ้นในโอกาสพิเศษที่เป็นมงคล กล่าวคือ ปีครบรอบ 30 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน (ประเทศไทยและบาห์เรนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2520) และถือเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวาระอันสำคัญดังกล่าว นอกจากนั้น การเสด็จเยือนครั้งนี้ยังจะเป็นโอกาสแรกที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนจะได้ทรงพบกับนายกรัฐมนตรีไทยและคณะรัฐมนตรี ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และนับว่าทรงเป็นผู้นำรัฐบาลประเทศแรกจากนอกภูมิภาคอาเซียน ที่ได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายกรัฐมนตรีลาว และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยแล้ว
ในคณะผู้ตามเสด็จครั้งนี้ มีบุคคลสำคัญของบาห์เรนหลายท่านร่วมเดินทางมาด้วย อาทิ เชคโมฮัมเหม็ด บิน มูบารัค อัล คอลิฟะห์ (H.E. Shaikh Mohammed bin Mubarak Al Khalifa) รองนายกรัฐมนตรีบาห์เรน เชคคาหลิด บิน อาเหม็ด อัล คอลิฟะห์ (H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed Khalifa) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน นายอับดุลเลาะห์ ฮัสซัน ซาอิฟ (H.E. Abdulla Hassan Saif) ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (เทียบเท่ารัฐมนตรี) และนายราชิด โมฮัมเหม็ด อัล มาราจ (H.E. Rasheed Mohammed Al Maraj) ผู้ว่าการธนาคารกลางบาห์เรน (เทียบเท่ารัฐมนตรี) เป็นต้น นับเป็นคณะผู้แทนบาห์เรนมาเยือนไทยที่มีผู้บริหารระดับสูงของบาห์เรนร่วมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา อันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ฝ่ายบาห์เรนให้กับการเสด็จเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีบาห์เรนในครั้งนี้ และต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-บาห์เรนให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ในโอกาสการเสด็จเยือนครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะได้หารือกันในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคี อาทิ ความสัมพันธ์ในระดับพระราชวงศ์ไทย บาห์เรน รวมทั้งกับพระราชวงศ์ในประเทศอาหรับอื่นๆ ความร่วมมือในกรอบเวทีองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference - OIC) ซึ่งบาห์เรนเป็นสมาชิกและไทยเป็นผู้สังเกตการณ์ ความร่วมมือด้านการพลังงาน พลังงานทางเลือก และการสำรวจแหล่งพลังงาน ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ทั้งระหว่างไทยกับบาห์เรนเอง และระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคริมอ่าวอาหรับโดยผ่านบาห์เรน เป็นต้น
ราชอาณาจักรบาห์เรนถือเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเป็นพิเศษกับไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง และได้มีบทบาทสนันสนุนไทยในเวทีต่างๆ เช่น ในกรอบ OIC กรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ความสัมพันธ์ไทย-ตะวันออกกลาง และการรณรงค์สนับสนุนผู้สมัครของไทยในตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติที่ผ่านมาด้วย นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีบาห์เรนเองก็ทรงโปรดประเทศไทย ได้เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการแล้ว 6 ครั้ง ครั้งล่าสุด เมื่อเดือนมิถุนายน 2549 ได้เสด็จเยือนไทยในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัล คอลิฟะห์ (His Majesty King Hamad bin Isa Al Khalifa) แห่งบาห์เรน มาทรงร่วมงานฉลอง 60 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสที่ไม่เป็นทางราชการ ก็โปรดที่จะเสด็จมาพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์ในประเทศไทยแทบทุกปีด้วย
ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศทั้งสองเป็นไปอย่างราบรื่นและใกล้ชิดกัน ประเทศไทยได้เปิดความสัมพันธ์กับบาห์เรนมาตั้งแต่ปี 2520 (หรือ 6 ปี ภายหลังการได้เอกราชของบาห์เรนในปี 2514) มีมูลค่าการค้าสองฝ่ายในปี 2549 ประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประเทศไทยขาดดุลการค้า สินค้าไทยส่งออกไปยังบาห์เรนมีอาทิ เครื่องปรับอากาศ รถยนต์ เสื้อผ้า ส่วนสินค้านำเข้าจากบาห์เรนส่วนใหญ่เป็นน้ำมัน ปัจจุบัน มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในบาห์เรนประมาณ 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นช่างฝีมือ คนขับรถ และแรงงานในกิจการขนส่ง
รัฐบาลไทยได้เปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามาตั้งแต่ปี 2547 ส่วนรัฐบาลบาห์เรนก็ได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายไทยแล้วในการเปิดสถานเอกอัครราชทูตบาห์เรนในกรุงเทพฯ และกำลังจะดำเนินการเปิดสถานเอกอัครราชทูตของตนในเร็วๆ นี้
*******************
กำหนดการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีบาห์เรน
วันพุธที่ 10 มกราคม 2550
14.30 น. - นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน เสด็จโดยเครื่องบินพิเศษ ถึงท่าอากาศยาน
กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง
- รองนายกรัฐมนตรี (ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล) ประธานคณะกรรมการรับผิดชอบ
ในการต้อนรับบุคคลสำคัญที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และ
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะรัฐมนตรี
เกียรติยศฝ่ายไทยที่ได้รับมอบหมายให้ตามเสด็จนายกรัฐมนตรีแห่งบาห์เรน เฝ้ารับเสด็จ
- พิธีรับเสด็จ ณ ท่าอากาศยาน
17.45 น. - นายกรัฐมนตรีบาห์เรนเสด็จถึงทำเนียบรัฐบาล โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี รอรับเสด็จ
- พิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการ ณ ทำเนียบรัฐบาล
- การหารือข้อราชการ 2 ฝ่าย
19.00 - นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพถวายพระกระยาหารค่ำแก่นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2550
09.20—10.30 น. - นายกรัฐมนตรีบาห์เรนทรงเยี่ยมชมโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
16.30 น. - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายกรัฐมนตรีนำนายกรัฐมนตรีบาห์เรน
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2550
- เสร็จสิ้นกำหนดการเสด็จเยือนอย่างเป็นทางการ
ภายหลังการเสด็จเยือนอย่างเป็นทางการแล้ว นายกรัฐมนตรีบาห์เรนจะยังคงประทับอยู่ในประเทศไทยต่อไป
อีกระยะหนึ่ง เพื่อทรงพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
ระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม 2550 เชคคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ (His Highness Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ซึ่งทรงเป็นพระปิตุลา (อา) ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนองค์ปัจจุบันด้วย จะเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ตามคำกราบทูลเชิญของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนประทับอยู่ในประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นำนายกรัฐมนตรีบาห์เรนเข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในช่วงบ่ายของวันที่ 11 มกราคม 2550 และนายกรัฐมนตรีจะได้หารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีบาห์เรนในวันที่ 10 มกราคม 2550 รวมทั้งจะเป็นเจ้าภาพถวายพระกระยาหารค่ำแก่นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันเดียวกันด้วย (กำหนดการเสด็จดังแนบ)
การเสด็จเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีบาห์เรนครั้งนี้มีขึ้นในโอกาสพิเศษที่เป็นมงคล กล่าวคือ ปีครบรอบ 30 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน (ประเทศไทยและบาห์เรนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2520) และถือเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวาระอันสำคัญดังกล่าว นอกจากนั้น การเสด็จเยือนครั้งนี้ยังจะเป็นโอกาสแรกที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนจะได้ทรงพบกับนายกรัฐมนตรีไทยและคณะรัฐมนตรี ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และนับว่าทรงเป็นผู้นำรัฐบาลประเทศแรกจากนอกภูมิภาคอาเซียน ที่ได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายกรัฐมนตรีลาว และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยแล้ว
ในคณะผู้ตามเสด็จครั้งนี้ มีบุคคลสำคัญของบาห์เรนหลายท่านร่วมเดินทางมาด้วย อาทิ เชคโมฮัมเหม็ด บิน มูบารัค อัล คอลิฟะห์ (H.E. Shaikh Mohammed bin Mubarak Al Khalifa) รองนายกรัฐมนตรีบาห์เรน เชคคาหลิด บิน อาเหม็ด อัล คอลิฟะห์ (H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed Khalifa) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน นายอับดุลเลาะห์ ฮัสซัน ซาอิฟ (H.E. Abdulla Hassan Saif) ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (เทียบเท่ารัฐมนตรี) และนายราชิด โมฮัมเหม็ด อัล มาราจ (H.E. Rasheed Mohammed Al Maraj) ผู้ว่าการธนาคารกลางบาห์เรน (เทียบเท่ารัฐมนตรี) เป็นต้น นับเป็นคณะผู้แทนบาห์เรนมาเยือนไทยที่มีผู้บริหารระดับสูงของบาห์เรนร่วมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา อันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ฝ่ายบาห์เรนให้กับการเสด็จเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีบาห์เรนในครั้งนี้ และต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-บาห์เรนให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ในโอกาสการเสด็จเยือนครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะได้หารือกันในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคี อาทิ ความสัมพันธ์ในระดับพระราชวงศ์ไทย บาห์เรน รวมทั้งกับพระราชวงศ์ในประเทศอาหรับอื่นๆ ความร่วมมือในกรอบเวทีองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference - OIC) ซึ่งบาห์เรนเป็นสมาชิกและไทยเป็นผู้สังเกตการณ์ ความร่วมมือด้านการพลังงาน พลังงานทางเลือก และการสำรวจแหล่งพลังงาน ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ทั้งระหว่างไทยกับบาห์เรนเอง และระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคริมอ่าวอาหรับโดยผ่านบาห์เรน เป็นต้น
ราชอาณาจักรบาห์เรนถือเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเป็นพิเศษกับไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง และได้มีบทบาทสนันสนุนไทยในเวทีต่างๆ เช่น ในกรอบ OIC กรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ความสัมพันธ์ไทย-ตะวันออกกลาง และการรณรงค์สนับสนุนผู้สมัครของไทยในตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติที่ผ่านมาด้วย นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีบาห์เรนเองก็ทรงโปรดประเทศไทย ได้เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการแล้ว 6 ครั้ง ครั้งล่าสุด เมื่อเดือนมิถุนายน 2549 ได้เสด็จเยือนไทยในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัล คอลิฟะห์ (His Majesty King Hamad bin Isa Al Khalifa) แห่งบาห์เรน มาทรงร่วมงานฉลอง 60 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสที่ไม่เป็นทางราชการ ก็โปรดที่จะเสด็จมาพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์ในประเทศไทยแทบทุกปีด้วย
ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศทั้งสองเป็นไปอย่างราบรื่นและใกล้ชิดกัน ประเทศไทยได้เปิดความสัมพันธ์กับบาห์เรนมาตั้งแต่ปี 2520 (หรือ 6 ปี ภายหลังการได้เอกราชของบาห์เรนในปี 2514) มีมูลค่าการค้าสองฝ่ายในปี 2549 ประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประเทศไทยขาดดุลการค้า สินค้าไทยส่งออกไปยังบาห์เรนมีอาทิ เครื่องปรับอากาศ รถยนต์ เสื้อผ้า ส่วนสินค้านำเข้าจากบาห์เรนส่วนใหญ่เป็นน้ำมัน ปัจจุบัน มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในบาห์เรนประมาณ 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นช่างฝีมือ คนขับรถ และแรงงานในกิจการขนส่ง
รัฐบาลไทยได้เปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามาตั้งแต่ปี 2547 ส่วนรัฐบาลบาห์เรนก็ได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายไทยแล้วในการเปิดสถานเอกอัครราชทูตบาห์เรนในกรุงเทพฯ และกำลังจะดำเนินการเปิดสถานเอกอัครราชทูตของตนในเร็วๆ นี้
*******************
กำหนดการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีบาห์เรน
วันพุธที่ 10 มกราคม 2550
14.30 น. - นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน เสด็จโดยเครื่องบินพิเศษ ถึงท่าอากาศยาน
กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง
- รองนายกรัฐมนตรี (ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล) ประธานคณะกรรมการรับผิดชอบ
ในการต้อนรับบุคคลสำคัญที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และ
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะรัฐมนตรี
เกียรติยศฝ่ายไทยที่ได้รับมอบหมายให้ตามเสด็จนายกรัฐมนตรีแห่งบาห์เรน เฝ้ารับเสด็จ
- พิธีรับเสด็จ ณ ท่าอากาศยาน
17.45 น. - นายกรัฐมนตรีบาห์เรนเสด็จถึงทำเนียบรัฐบาล โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี รอรับเสด็จ
- พิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการ ณ ทำเนียบรัฐบาล
- การหารือข้อราชการ 2 ฝ่าย
19.00 - นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพถวายพระกระยาหารค่ำแก่นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2550
09.20—10.30 น. - นายกรัฐมนตรีบาห์เรนทรงเยี่ยมชมโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
16.30 น. - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายกรัฐมนตรีนำนายกรัฐมนตรีบาห์เรน
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2550
- เสร็จสิ้นกำหนดการเสด็จเยือนอย่างเป็นทางการ
ภายหลังการเสด็จเยือนอย่างเป็นทางการแล้ว นายกรัฐมนตรีบาห์เรนจะยังคงประทับอยู่ในประเทศไทยต่อไป
อีกระยะหนึ่ง เพื่อทรงพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-