รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนมิถุนายน 2548

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 13, 2005 14:19 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สรุปประเด็นสำคัญดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนพฤษภาคม 2548 - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 143.17 เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 (131.59) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (138.25) - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2548 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ การผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ การผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ - อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 67.48 เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 (62.01) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (64.15)ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2548 - ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน สำหรับการส่งออกจะยังขยายตัวได้ เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นแต่ก็มีปัจจัยลบ คือ การวาง bond สำหรับการส่งออกกุ้งไปสหรัฐ และการเลื่อนประกาศคืน GSP ของ EU - สถานการณ์สิ่งทอไทยขณะนี้ยังไปได้ดีและยังมีช่องทางการเติบโตต่อเนื่อง ภายหลังการยกเลิกระบบโควต้าสิ่งทอ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2548 ที่ผ่านมายังคงมีการส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 และในครึ่งปีหลังคาดว่าสิ่งทอยังคงส่งออกได้ดีขณะที่คู่แข่งที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะจีน กำลังถูกสหรัฐฯ กดดันให้ลดการส่งออกไปจนถึงปี 2549 จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยในการปรับตัวให้แข็งแกร่งมากขึ้น และสามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้เป็นอย่างดี - สถานการณ์เหล็กในเดือน มิ.ย. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการผลิตของกลุ่มเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างน่าจะลดลงเนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังในเดือน พ.ค. ยังคงมีอยู่ประกอบกับสภาวะการค้าเหล็กในประเทศที่ยังคงซบเซา แต่เหล็กทรงแบนที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยังคงขยายตัวตามภาวะของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง - อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมิถุนายน 2548 มีการขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีข่าวว่าค่ายรถยนต์จะปรับราคาขายรถยนต์ใหม่ในต้นเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ การปรับราคาน้ำมันสูงขึ้นยังส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาซื้อรถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น - อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในเดือนเดือนมิถุนายน คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชะลอตัว ตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ แต่เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้เป็นอุปสรรคในการการก่อสร้าง สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ - การผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนถัดไปคือ เดือนมิถุนายน-กรกฎาคมคาดว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมที่เร่งการผลิตชดเชยในเดือนเมษายนสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เม.ย.48 = 131.59 พ.ค. 48 = 143.17 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี เพิ่มขึ้น ได้แก่ - การผลิตยานยนต์ - การแปรรูปและถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ - การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ - อัตราการใช้กำลังการผลิต เม.ย. 48 = 62.01 พ.ค. 48 = 67.48 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ - การผลิตยานยนต์ - การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ - การแปรรูปและถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ 1.อุตสาหกรรมอาหาร “ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน สำหรับการส่งออกจะยังขยายตัวได้ เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นแต่ก็มีปัจจัยลบ คือ การวาง bond สำหรับการส่งออกกุ้งไปสหรัฐ และการเลื่อนประกาศคืน GSP ของ EU " 1. การผลิต ภาวะการผลิตโดยรวมส่วนใหญ่ขยายตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 โดยสินค้าอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 97.5 ปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 31.6 สำหรับสินค้าที่ผลิตลดลง ได้แก่ ไก่แช่เย็นแช่แข็ง ลดลงร้อยละ 11.9 เนื่องจากยังไม่สามารถส่งออกได้มากนัก สับปะรดกระป๋องร้อยละ 8.1 และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังร้อยละ 7.2 จากปัญหาภัยแล้งทำให้ขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต 2. การตลาด 1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร มีมูลค่าจำหน่ายลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.2 จากราคาจำหน่ายที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นผลจากการปรับราคาค่าขนส่งที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมัน และการคาดการณ์ระดับราคาสินค้า ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคให้ชะลอตัวลง 2) ตลาดต่างประเทศ ภาวะการส่งออกโดยรวม มีปริมาณลดลงร้อยละ 12.9 เทียบกับปีก่อน ในขณะที่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหา AD สินค้ากุ้งมีความชัดเจนและอัตรา AD ต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้ส่งออกได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 52.4 นอกจากนี้ ยังสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์สำคัญได้เพิ่มขึ้น เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารสำเร็จรูป ร้อยละ 132 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 44.7 ไก่แปรรูป ร้อยละ 30.1 ปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 26.2 ข้าวโพดฝักอ่อนกระป๋อง ร้อยละ 25.7 สับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 9 3. แนวโน้ม คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะยังขยายตัวได้ เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกค้าต่างประเทศเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามา โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหารทะเลแปรรูป เช่น กุ้ง ปลา กลุ่มปศุสัตว์ เช่น ไก่แปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต และการส่งออกอาหารในภาพรวมได้ เช่น ต้นทุนค่าขนส่งจากปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การที่ต้องวางพันธบัตรสำหรับการส่งออกสินค้ากุ้งไปสหรัฐ และข่าวการเลื่อนการประกาศให้สิทธิ GSP ของสหภาพยุโรป ที่จะทำให้การส่งออกกุ้งชะลอตัวในตลาดทั้งสองแห่ง 2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม “สถานการณ์สิ่งทอไทยขณะนี้ ยังไปได้ดี และยังมีช่องทางการเติบโตต่อเนื่อง.” 1. การผลิตและการจำหน่าย การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 จากเดือนก่อนเช่นเดียวกันกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปมีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 ซึ่งเป็นการขยายตัวตามความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปริมาณการจำหน่ายเส้นใยสิ่งทอฯ เดือนพฤษภาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 เสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งสอดคล้องกับภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น 2. การส่งออกและตลาดส่งออก มูลค่าการส่งออกสิ่งทอ เดือน ม.ค.-พ.ค. 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+6.6%) สหภาพยุโรป (+0.2%) อาเซียน (+18.1%) ขณะที่ส่งออกไปญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 1.2 มูลค่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป เดือน ม.ค.- พ.ค. 2548 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.6 โดยส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา (+7.9%) ญี่ปุ่น (+4.3%) ฝรั่งเศส (+14.2%) และเยอรมนี(+31.4%) เป็นต้น แต่ลดลงในตลาดสหราชอาณาจักร (-8.2%) 3. การนำเข้า มูลค่าการนำเข้าเส้นใยฯ เดือนพฤษภาคม 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.2 เส้นด้ายทอผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 ตลาดนำเข้าหลักคือจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน ผ้าผืน นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 ตลาดนำเข้าหลักคือจากจีน ไต้หวัน และฮ่องกง เสื้อผ้าสำเร็จรูป นำเข้าลดลงร้อยละ 9.3 ตลาดนำเข้าหลักคือจีน อิตาลี ฮ่องกงและญี่ปุ่น 4. แนวโน้ม สถานการณ์สิ่งทอไทยขณะนี้ยังไปได้ดีและยังมีช่องทางการเติบโตต่อเนื่อง ภายหลังการยกเลิกระบบโควต้าสิ่งทอ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2548 ที่ผ่านมายังคงมีการส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 และในครึ่งปีหลังคาดว่าสิ่งทอยังคงส่งออกได้ดีขณะที่คู่แข่งที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะจีน กำลังถูกสหรัฐฯ กดดันให้ลดการส่งออกไปจนถึงปี 2549 จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยในการปรับตัวให้แข็งแกร่งมากขึ้น และสามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้เป็นอย่างดี 3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า “สถานการณ์เหล็กในเดือน มิ.ย. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการผลิตของกลุ่มเหล็กทรงยาว ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างน่าจะลดลง แต่เหล็กทรงแบนที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยังคงขยายตัวตามภาวะของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ” 1.การผลิต ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน พ.ค. 48 ขยายตัวขึ้นโดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 163.42 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.04 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้นกลม เหล็กเส้นข้ออ้อย เหล็กลวด เป็นต้น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.31 และเหล็กทรงแบน เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กแผ่นเคลือบ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.21 เนื่องจากผู้ผลิตคาดการณ์ว่าตลาดสินค้าเหล็กในประเทศจะขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว จึงเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรองรับกับความต้องการตามที่ได้คาดการณ์ไว้ โดยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมากที่สุดได้แก่ เหล็กเส้นกลม ร้อยละ 34.40 รองลงมาคือ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดร้อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.31 และ เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 23.28 สำหรับ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.00 ขณะที่เหล็กแผ่นรีดเย็น ลดลง ร้อยละ 8.52 2.ราคาเหล็ก สำหรับการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ในช่วงเดือนมิถุนายน 2548 เทียบกับช่วงเดือนก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญแทบทุกตัวมีราคาลดลง โดยเศษเหล็ก ลดลงมากที่สุด จาก 213 เป็น 182 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 14.51 รองลงมาคือ เหล็กแท่งเล็ก ลดลงจาก 355 เป็น 319 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 10.21 เหล็กแผ่นรีดร้อน ลดลงจาก 500 เป็น 455 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 9.00 เหล็กแท่งแบน ลดลงจาก 425 เป็น 403 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 5.29 และเหล็กเส้น ลดลงจาก 405 เป็น 395 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 2.47 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาทรงตัวได้แก่เหล็กแผ่นรีดเย็น ราคาอยู่ที่ 610 เหรียญสหรัฐต่อตัน 3. แนวโน้ม สถานการณ์เหล็กในเดือน มิ.ย. 2548 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการผลิตของกลุ่มเหล็กทรงยาว เช่น เหล็กเส้น เหล็กลวด ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างน่าจะลดลงเนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังในเดือน พ.ค. ยังคงมีอยู่ประกอบกับสภาวะการค้าเหล็กในประเทศที่ยังคงซบเซา แต่เหล็กทรงแบนที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยังคงขยายตัวตามภาวะของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง 4. อุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ (มิ.ย. 48) อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมิถุนายน 2548 มีการขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีข่าวว่าค่ายรถยนต์จะปรับราคาขายรถยนต์ใหม่ใน ต้นเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ การปรับราคาน้ำมันสูงขึ้นยังส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาซื้อรถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยประมาณการในเดือนมิถุนายน ดังนี้ - การผลิตรถยนต์ จำนวน 95,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2547 ร้อยละ 14.07 และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 91,571 คัน ร้อยละ 3.74 - การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 61,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2547 ร้อยละ 20.83 และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 60,070 คัน ร้อยละ 1.55 - การส่งออกรถยนต์ มีจำนวน 34,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2547 ร้อยละ 12.18 แต่ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 36,875 คัน ร้อยละ 7.80 - แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2548 คาดว่ายังคงค่อนข้างทรงตัวจากเดือนมิถุนายน เนื่องจาก เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน และปัญหาราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้น รถจักรยานยนต์ (มิ.ย. 48) อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอันเนื่องมาจากการปรับราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้มีผู้ผลิตจักรยานยนต์บางรายวางจำหน่ายจักรยานยนต์ที่พัฒนารูปลักษณ์ใหม่ โดยเสริมอุปกรณ์ทันสมัยเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้ยอดการจำหน่ายในเดือนนี้ไม่ตกลงไปมากนัก โดยประมาณการในเดือนมิถุนายน ดังนี้ - การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 204,000 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 206,374 คัน ร้อยละ 1.15 - การจำหน่าย จำนวน 184,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2547 ร้อยละ 3.83 แต่ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 196,036 คัน ร้อยละ 6.14 - การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 20,000 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 14,468 คัน ร้อยละ 38.24 - แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2548 คาดว่ายังคงค่อนข้างทรงตัวจากเดือนมิถุนายน เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งมิใช่ฤดูกาลขายของรถจักรยานยนต์ 5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ “การผลิต การจำหน่ายในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ภายในประเทศและต่างประเทศ 1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ การผลิตปูนซีเมนต์ในเดือนพฤษภาคม 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.34 และ10.19 ตามลำดับ เนื่องจากการจำหน่ายในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ซึ่งเพิ่มขึ้นตามภาวะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการขยายการลงทุนในภาคเอกชนและการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ 2.การส่งออก มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.41 และ 39.89 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม สหรัฐอเมริกา บังคลาเทศ และกัมพูชา 3.แนวโน้ม เดือนมิถุนายน และเดือนกรกฎาคม คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชะลอตัว ตามการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ แต่เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้เป็นอุปสรรคในการการก่อสร้าง สำหรับการส่งออกขึ้นอยู่กับ อุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ 6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ “การผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนถัดไปคือ เดือนมิถุนายน-กรกฎาคมคาดว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมที่เร่งการผลิตชดเชยในเดือนเมษายน” 1.การผลิต ภาพรวมการผลิตของเดือนพฤษภาคม 2548 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีผลผลิตมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.60 เป็นการเพิ่มขึ้นจากสินค้าทั้ง 2 กลุ่มและเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกสินค้าในส่วนสินค้าในกลุ่มไฟฟ้าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.86 และสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 37 ทั้งนี้ การขยายตัวการผลิตของสินค้าทั้ง 2 กลุ่มเป็นผลมาจากในเดือนพฤษภาคมนี้มีวันทำงานมากกว่าเดือนเมษายน ที่มีวันหยุดตามเทศกาลหลายวัน ดังนั้น ในเดือนพฤษภาคมผู้ผลิตจึงต้องเร่งการผลิตเพื่อป้อนสินค้าเข้าตลาดชดเชยให้ลูกค้า 2. การส่งออก การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือน พ.ค. 2548 มีมูลค่ารวม 116,178.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.97 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนแม้ว่าการส่งออกจะมีการปรับตัวดีขึ้นในเดือน พ.ค. นี้ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเป็นที่น่าสังเกตว่าสินค้าของไทยหลายตัวมีการเคลื่อนไหวที่ส่อแววไม่ค่อยดีนักโดย เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เช่น พัดลม หลอดภาพ TV สี อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด IC 3. แนวโน้ม การผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนถัดไปคือ เดือนมิถุนายน-กรกฎาคมคาดว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมที่เร่งการผลิตชดเชยในเดือนเมษายน โดยในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยซึ่งคาดว่าจะเป็นผลมาจากการปรับตัวตามฤดูกาล สำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าการผลิตจะมีปรับตัวสูงขึ้นได้เล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้ผลิตจะเพิ่มการผลิตสินค้าซึ่งเป็นชิ้นส่วนป้อนตลาดส่งออก เพื่อเตรียมผลิตสินค้าสำเร็จรูปในช่วงสิ้นปีและช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่จากสภาวะราคาน้ำมัน ที่ยังมีความไม่แน่นอนด้านราคาทำให้คาดว่าในส่วนของไทยการขยายตัวโดยรวมอาจไม่ขยายตัวได้เท่าการขยายตัวในตลาดโลก - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2548 มีค่า 143.17 เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน2548 (131.59) ร้อยละ 8.8 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (138.25) ร้อยละ 3.6 - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรที่ใช้งานทั่วไปอื่นๆ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ เป็นต้น - อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนพฤษภาคม 2548 มีค่า 67.48 เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 (62.01) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (64.15) - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใย สิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกายยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ เป็นต้น - อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ เป็นต้น - อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนพฤษภาคม 2548 ของโรงงานขนาดเล็กมีค่า 38.7 โรงงานขนาดกลางมีค่า 53.7 และโรงงานขนาดใหญ่มีค่า 71.4สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม 2548 - ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2548 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 470 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 460 รายหรือคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 2.2 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7,067 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานรวม 9,874 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 5,660 ล้านบาทและจำนวนการจ้างงาน 8,410 คน ร้อยละ 24.9 และ 17.4 ตามลำดับ - ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนพฤษภาคม 2547 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 432 รายหรือคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 8.8 แต่ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน และการจ้างงานรวมลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2547 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 7,317 ล้านบาทและจำนวนการจ้างงาน 10,371 คน ร้อยละ —3.4 และ —4.8 - อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน จำนวน 86 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำเครื่องเรือนจากไม้ ยาง อโลหะอื่น ซึ่งมิได้ทำจากพลาสติกอัดเข้ารูป จำนวน 39 ราย - อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2548 คืออุตสาหกรรมการทำอาหารผสมหรืออาหารสัตว์สำเร็จรูปสำหรับเลี้ยงสัตว์ เงินทุน 956 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำชิ้นส่วนพิเศษสำหรับรถยนต์หรือรถพ่วง เงินทุน 563 ล้านบาท - อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมการทำเครื่องเรือนจากไม้ ยาง อโลหะอื่น ซึ่งมิได้ทำจากพลาสติกอัดเข้ารูป คนงาน 1,084 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการถนอมผัก พืช หรือผลไม้โดยวิธีกวน ตากแห้ง ดอง เยือกแข็ง เหือดแข็ง คนงาน 1,015 คน - ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2548 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 282 ราย มากกว่าเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 151 ราย คิดเป็นร้อยละ 86.8 ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน 4,463 ล้านบาทและเลิกจ้างงานจำนวน 13,024 คนโดยมากกว่าเดือนเมษายน 2548 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 801 ล้านบาทและเลิกจ้างงานจำนวน 4,158 คน - ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวนมากกว่าเดือนพฤษภาคม 2547 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 164 ราย คิดเป็นร้อยละ 72.0 โดยในส่วนเงินทุนและการเลิกจ้างงานน้อยกว่าเดือนพฤษภาคม 2547 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 1,192 ล้านบาทและเลิกจ้างงานจำนวน 3,751 คน - อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม 2548 คืออุตสาหกรรมการซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ จำนวน 24 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์ จำนวน 22 ราย - อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2548 คืออุตสาหกรรมการทำชิ้นส่วนพิเศษสำหรับรถยนต์หรือรถพ่วง เงินทุน 684 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์ เงินทุน 615 ล้านบาท - อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมการผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์ คนงาน 1,383 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำเครื่องเรือนจากไม้ ยาง อโลหะอื่น ซึ่งมิได้ทำจากพลาสติกอัดเข้ารูป คนงาน 1,225 คน - ภาวะการลงทุนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในเดือนพฤษภาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2548 มีโรงงานที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 18 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีโรงงานที่เปิดดำเนินกิจการในนิคม อุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 13 รายหรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 38.5 คิดเป็นเงินลงทุน 9,923 ล้านบาทและมีการจ้างงานรวม 5,903 คนมากกว่าเดือนเมษายน 2548 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 4,423 ล้านบาทและจำนวนการจ้างงาน 2,685 คน ร้อยละ 124.3 และ 119.9 ตามลำดับ - ภาวะการลงทุนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในเดือนพฤษภาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนพฤษภาคม 2547 ซึ่งมีโรงงานที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 16 รายหรือคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 12.5 และมีเงินลงทุนและการจ้างงานรวมมากกว่าเดือนพฤษภาคม 2547 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 2,789 ล้านบาทและจำนวนการจ้างงาน 722 คน ร้อยละ 255.8 และ 717.6 ตามลำดับ - อุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตอุปกรณ์โคมไฟรถยนต์ เงินทุน 2,136 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์สื่อสารเงินทุน 1,947 ล้านบาท - อุตสาหกรรมหลักที่เปิดดำเนินกิจการในนิคมอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2548 คือ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และอุกรณ์สื่อสาร คนงาน 1,933 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการผลิต AIR FILTER สำหรับ HARD DISK DRIVE คนงาน 1,074 คน - ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนพฤษภาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2548 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 94 โครงการ มากกว่าเดือนเมษายน 2548 ที่มีจำนวน 75 โครงการ ร้อยละ 25.3 มีเงินลงทุน 22,600 ล้านบาท มากกว่าเดือนเมษายน 2548 ที่มีเงินลงทุน 12,400 ล้านบาท ร้อยละ 82.3 (ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ