การประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศประจำปี 2546

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเข้าร่วมการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศประจำปี 2546 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 23 - 24 กันยายน 2546 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสวิตเซอร์แลนด์ทำหน้าที่ประธานการประชุม และมีประเทศสมาชิกเข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 184 ประเทศทั่วโลก
ในการประชุมดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมประชุม ในฐานะผู้ว่าการจากประเทศไทย (Governor for Thailand) และในฐานะรองประธานการประชุม โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ประธานการประชุมฯ ในช่วงบ่ายของวันที่ 23 กันยายน 2546 ซึ่งการได้รับมอบหมายดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการให้เกียรติแก่ประเทศไทยอย่างมาก นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยังได้กล่าวสุนทรพจน์ในนามของประเทศไทย โดยได้ชี้แจงต่อที่ประชุมเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและแนวนโยบายของรัฐบาลที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวในอัตราสูง พร้อมทั้งอธิบายแนวทางการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าที่ผ่านมาว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง โดยรัฐบาลไทยได้ใช้หลักการดำเนินการที่รอบคอบอย่างยิ่ง ซึ่งจะไม่มีผลกระทบทางด้านการเงินและการคลังในอนาคตตามที่มีการเข้าใจผิดแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้กล่าวสนับสนุนการดำเนินงานที่ผ่านมาขององค์กรในเครือธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่เน้นการลดความยากจนของภูมิภาคต่างๆ ในโลก และการเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบการเงินโลก ตลอดจนขอให้ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศขยายความ ช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายให้ครอบคลุมด้านต่างๆ มากขึ้น
ในโอกาสดังกล่าวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและคณะผู้แทนไทยได้รับฟังสุนทรพจน์ของผู้บริหารสูงสุดของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยนาย James D. Wolfensohn ประธานธนาคารโลก ได้กล่าวถึงนโยบายของธนาคารโลกในการลดความยากจน ที่เน้นให้ทุกประเทศพยายามลดความยากจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Millennium Development Goals (MDGs) ภายในปี 2558 และขอให้ประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มจำนวนเงินช่วยเหลือแก่ประเทศ ที่ยากจน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจำนวนเงินช่วยเหลือได้ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังแสดงท่าทีที่ชัดเจนของกลุ่มธนาคารโลกต่อการต่อต้านการก่อการร้ายสากล และท้ายที่สุดได้กล่าวแสดงความผิดหวังต่อความล้มเหลวของการเจรจาขององค์กรการค้าโลกที่เมืองแคนคูน ประเทศเม็กซิโก ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ในส่วนของนาย Horst Koehler กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้กล่าวถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ได้ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิรูปในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการคลังและการศึกษา นอกจากนี้ยังได้กล่าวว่าความร่วมมือระดับพหุภาคีจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างยั่งยืนและเสถียรภาพของระบบการเงินระหว่างประเทศ และท้ายที่สุดได้เน้นย้ำว่าการเพิ่มบทบาทของประเทศกำลังพัฒนาจะนำไปสู่โลกาภิวัตน์ที่ดีขึ้น
นอกเหนือจากการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศแล้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยังได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงิน ชั้นนำจำนวนมาก และผู้บริหารของธนาคารโลก โดยผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินเหล่านี้ ได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะ เศรษฐกิจไทยที่มีความเข้มแข็งและเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนและการเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย ในส่วนของการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารโลกนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวถึงบทบาทของธนาคารโลกกับประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งมีลักษณะเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณธนาคารโลกที่มีบทบาทในการช่วยลดภาวะความยากจนของประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอีกด้วย ในโอกาสดังกล่าวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยังได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Informal Finance Ministers) ซึ่งมีเรื่องเพื่อพิจารณาได้แก่ เรื่องการสนับสนุนให้มีการทำ Road Show เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของอาเซียน และสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของสถาบันการเงินของอาเซียนที่มีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดเล็ก
การเข้าร่วมประชุมฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยได้ชี้แจงให้ประเทศสมาชิกของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศทั้ง 184 ประเทศรับทราบถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน รวมทั้งนโยบายเศรษฐกิจคู่ขนานของรัฐบาล และแนวนโยบายการขจัดความยากจนที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจรากหญ้า นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสหารือกับผู้นำทางการเงินในระดับโลกจำนวนมาก จึงนับว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและผู้ที่มีบทบาททางการเงินของโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนและตลาดการเงินของไทย
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 73/2546 24 กันยายน 2546--
-รก-