นับตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2542 เป็นต้นมา รัฐบาลรัสเซียได้ประกาศใช้ Law on Foreign Investment เพื่อส่งเสริมและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้าไปลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งรัสเซียมีข้อได้เปรียบหลายด้านทั้งในเรื่องตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรกว่า 144.2 ล้านคน และอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติสำคัญหลายชนิด อาทิ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน อัญมณี และแร่ต่างๆ ฯลฯ ที่ล้วนเป็นสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญที่มีราคาสูง ประกอบกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมาชาวรัสเซียมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยกว่า 6% ต่อปี ส่งผลให้เป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านการลงทุนที่น่าสนใจ
ข้อมูลเบื้องต้นที่ควรทราบ
1. หน่วยงานส่งเสริมการลงทุน คือ The Russian State Investment Agency สังกัด Ministry of Trade and Economic Development ทำหน้าที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนให้แก่นักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมี Institute of Direct Investment Foundation (IDI) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรทำหน้าที่เป็นผู้เก็บรวบรวมฐานข้อมูลด้านการลงทุนที่สำคัญ อันจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้าไปลงทุนในรัสเซีย
2. กิจการที่รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษ ได้แก่
- การลงทุนที่เน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต
- การผลิตเพื่อการส่งออก โดยเน้นในสาขาพลังงานและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาก อาทิ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อุตสาหกรรมเหล็ก ฯลฯ
- การผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า โดยเน้นการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร และยารักษาโรค
- การก่อสร้างระบบคมนาคมและการสื่อสาร รวมทั้งด้านการขนส่ง
- อุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงานท้องถิ่นเป็นจำนวนมากเพื่อเพิ่มการจ้างงาน
3. สัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ทั้งหมด 100% ในเกือบทุกภาคธุรกิจ ยกเว้นธุรกิจธนาคารและประกันภัย โทรคมนาคม น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยว อาทิ กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจประกันภัยและธุรกิจการบินได้ไม่เกิน 25%
4. สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน นักลงทุนต่างชาติจะได้รับการยกเว้นภาษีการขาย (Turnover Tax) และลดหย่อนการเก็บภาษีกำไรสุทธิ (Profit Tax) จากอัตรา 35% เหลือเพียง 24% รวมทั้งมีการนำระบบ Tax Code มาใช้เพื่อช่วยให้ระบบการจัดเก็บภาษีที่เก็บจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนท้องถิ่นเป็นมาตรฐานเดียวกัน
5. ประเด็นที่นักลงทุนควรสนใจ อาทิ การลงทุนในรัสเซียจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดโดยมากจะขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างนักลงทุนกับรัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ ก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุนควรรอบรู้เรื่องสิทธิในการถือครองทรัพย์สิน (Property Rights) และควรศึกษาระบบบรรษัทภิบาลอย่างรอบคอบ
ภาวะการลงทุนในรัสเซีย
1. มูลค่าเงินลงทุน ตั้งแต่รัสเซียเปิดประเทศในปี 2534 จนถึงปี 2547 มีเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศสะสม 43.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย The Federal Statistics Service ของรัสเซียรายงานว่าเป็นของปี 2547 จำนวน 11.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 46.3% จากปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อซื้อกิจการ ร่วมลงทุน และตั้งสาขา
2. นักลงทุนรายใหญ่ในรัสเซีย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (24.2% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด) รองลงมา คือ เยอรมนี (22.6%) ไซปรัส (22.1%) และฝรั่งเศส (19.5%)
3. ธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาตินิยมเข้าไปลงทุน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 ประเภทธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาตินิยมเข้าไปลงทุนมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงและปิโตรเคมี (44.5% ของมูลค่าเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศทั้งหมด) รองลงมา ได้แก่ อุตสาหกรรมป่าไม้ การผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ (10.9%) และการค้าและการจัดเลี้ยง (9.6%)
การที่รัสเซียพยายามเร่งเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนเพื่อให้สามารถเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ได้ภายในปี 2550 ประกอบกับการเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนโดยให้การรับรองแก่นักลงทุนต่างชาติว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนเท่าเทียมกับนักลงทุนท้องถิ่นทุกประการ ตลอดจนมีการลงนามในความตกลงเพื่อเว้นการเก็บภาษีซ้อนและสนธิสัญญาด้านการลงทุนในลักษณะทวิภาคีกับหลายประเทศ ปัจจัยเหล่านี้น่าจะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นที่จะเข้าไปลงทุนในรัสเซียเพิ่มขึ้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มิถุนายน 2548--
-พห-
ข้อมูลเบื้องต้นที่ควรทราบ
1. หน่วยงานส่งเสริมการลงทุน คือ The Russian State Investment Agency สังกัด Ministry of Trade and Economic Development ทำหน้าที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนให้แก่นักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมี Institute of Direct Investment Foundation (IDI) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรทำหน้าที่เป็นผู้เก็บรวบรวมฐานข้อมูลด้านการลงทุนที่สำคัญ อันจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้าไปลงทุนในรัสเซีย
2. กิจการที่รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษ ได้แก่
- การลงทุนที่เน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต
- การผลิตเพื่อการส่งออก โดยเน้นในสาขาพลังงานและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาก อาทิ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อุตสาหกรรมเหล็ก ฯลฯ
- การผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า โดยเน้นการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร และยารักษาโรค
- การก่อสร้างระบบคมนาคมและการสื่อสาร รวมทั้งด้านการขนส่ง
- อุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงานท้องถิ่นเป็นจำนวนมากเพื่อเพิ่มการจ้างงาน
3. สัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ทั้งหมด 100% ในเกือบทุกภาคธุรกิจ ยกเว้นธุรกิจธนาคารและประกันภัย โทรคมนาคม น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยว อาทิ กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจประกันภัยและธุรกิจการบินได้ไม่เกิน 25%
4. สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน นักลงทุนต่างชาติจะได้รับการยกเว้นภาษีการขาย (Turnover Tax) และลดหย่อนการเก็บภาษีกำไรสุทธิ (Profit Tax) จากอัตรา 35% เหลือเพียง 24% รวมทั้งมีการนำระบบ Tax Code มาใช้เพื่อช่วยให้ระบบการจัดเก็บภาษีที่เก็บจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนท้องถิ่นเป็นมาตรฐานเดียวกัน
5. ประเด็นที่นักลงทุนควรสนใจ อาทิ การลงทุนในรัสเซียจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดโดยมากจะขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างนักลงทุนกับรัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ ก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุนควรรอบรู้เรื่องสิทธิในการถือครองทรัพย์สิน (Property Rights) และควรศึกษาระบบบรรษัทภิบาลอย่างรอบคอบ
ภาวะการลงทุนในรัสเซีย
1. มูลค่าเงินลงทุน ตั้งแต่รัสเซียเปิดประเทศในปี 2534 จนถึงปี 2547 มีเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศสะสม 43.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย The Federal Statistics Service ของรัสเซียรายงานว่าเป็นของปี 2547 จำนวน 11.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 46.3% จากปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อซื้อกิจการ ร่วมลงทุน และตั้งสาขา
2. นักลงทุนรายใหญ่ในรัสเซีย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (24.2% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด) รองลงมา คือ เยอรมนี (22.6%) ไซปรัส (22.1%) และฝรั่งเศส (19.5%)
3. ธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาตินิยมเข้าไปลงทุน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 ประเภทธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาตินิยมเข้าไปลงทุนมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงและปิโตรเคมี (44.5% ของมูลค่าเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศทั้งหมด) รองลงมา ได้แก่ อุตสาหกรรมป่าไม้ การผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ (10.9%) และการค้าและการจัดเลี้ยง (9.6%)
การที่รัสเซียพยายามเร่งเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนเพื่อให้สามารถเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ได้ภายในปี 2550 ประกอบกับการเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนโดยให้การรับรองแก่นักลงทุนต่างชาติว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนเท่าเทียมกับนักลงทุนท้องถิ่นทุกประการ ตลอดจนมีการลงนามในความตกลงเพื่อเว้นการเก็บภาษีซ้อนและสนธิสัญญาด้านการลงทุนในลักษณะทวิภาคีกับหลายประเทศ ปัจจัยเหล่านี้น่าจะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นที่จะเข้าไปลงทุนในรัสเซียเพิ่มขึ้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มิถุนายน 2548--
-พห-