กรุงเทพ--23 ก.พ.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศขอแจ้งข้อมูลและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับการตรวจลงตรา (Visa) สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปท่องเที่ยว หรือประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ ดังนี้
1. ผู้เดินทางที่ประสงค์เดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อการท่องเที่ยวหรือประกอบธุรกิจในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้เดินทางจะต้องขอรับวีซ่าประเภท B1/B2 ซึ่งเป็นวีซ่าชั่วคราวประเภทธุรกิจ-ท่องเที่ยว โดยผู้เดินทางจะต้องนำเอกสารต่างๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อไปขอรับวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ
1.1 หนังสือเดินทาง: หนังสือเดินทางจะต้องมีอายุใช้ได้ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
1.2 แบบคำร้องขอวีซ่า (DS-156)
1.3 ภาพถ่าย: 1 รูป (เป็นภาพสีหรือขาวดำ) โดยฉากหลังของรูปต้องเป็นสีขาว เท่านั้น ขนาด 50 x 50 ม.ม. ( หรือ 2 x 2 นิ้ว ) เป็นรูปถ่ายหน้าตรง เห็นหูทั้ง 2 ข้าง ใบหน้าต้องมีขนาดใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่รูปถ่าย และต้องเป็นรูปถ่ายที่ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน
1.4 หลักฐานถิ่นที่อยู่ภายนอกสหรัฐฯ ของผู้เดินทาง โดยเป็นเอกสารที่แสดงความผูกพันทางครอบครัว เศรษฐกิจ และสังคมอื่นๆ ที่มีอยู่ภายนอกประเทศสหรัฐฯ รวมทั้งหลักฐานอื่นๆ เช่น หลักฐานการทำงาน ใบอนุมัติการลาหยุดงาน หลักฐานพิสูจน์การเป็นเจ้าของกิจการ ใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพ และหลักฐานเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน เป็นต้น
1.5 เอกสารยืนยันการชำระเงินค่าธรรมเนียมที่ออกให้โดยที่ทำการไปรษณีย์
2. ผู้เดินทางจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือเทียบเท่าเป็นเงินบาทไทยปัจจุบัน) ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต/ สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ จะไม่คืนค่าธรรมเนียมแก่ผู้ขอรับวีซ่าไม่ว่าในกรณีใดๆ
3. ผู้เดินทางจะต้องไปยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเองที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสแกนลายนิ้วมือของผู้เดินทาง และจะแจ้งกำหนดเวลาและสถานที่ให้ไปรับการสัมภาษณ์เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาออกวีซ่า
4. ระหว่างการเดินทางไปสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สายการบินจะมอบเอกสาร Customs Declaration Forms (CF-6059) และ Arrival-Departure Record Forms for Immigration (I-94) ซึ่งผู้เดินทางต้องกรอกข้อมูลต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในเอกสารทั้ง 2 ฉบับให้เรียบร้อยและครบถ้วน
5. เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานในสหรัฐฯ ผู้เดินทางจะต้องรับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งผู้เดินทางจะต้องยื่นหนังสือเดินทางและวีซ่า รวมทั้งแจ้งเหตุผลของการเดินทางเข้าสหรัฐฯ และรายละเอียดของสถานที่พักแก่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะลงตราประทับ (stamp) ที่เอกสาร I-94 (Arrival-Departure Record Forms for Immigration) ซึ่งจะต้องแนบติดไว้กับหนังสือเดินทางตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในสหรัฐฯ
6. นับตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2547 ผู้เดินทางจะต้องผ่านระบบ United States Visitors and Immigrant Status Indicator Technology หรือ US-Visit กล่าวคือเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะถ่ายภาพและสแกนลายนิ้วมือของผู้เดินทาง และในบางกรณี ผู้เดินทางอาจได้รับการร้องขอให้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมภายใต้ National Security Entry-Exit Registration System
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
กระทรวงการต่างประเทศขอแจ้งข้อมูลและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับการตรวจลงตรา (Visa) สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปท่องเที่ยว หรือประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ ดังนี้
1. ผู้เดินทางที่ประสงค์เดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อการท่องเที่ยวหรือประกอบธุรกิจในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้เดินทางจะต้องขอรับวีซ่าประเภท B1/B2 ซึ่งเป็นวีซ่าชั่วคราวประเภทธุรกิจ-ท่องเที่ยว โดยผู้เดินทางจะต้องนำเอกสารต่างๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อไปขอรับวีซ่าจากสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ
1.1 หนังสือเดินทาง: หนังสือเดินทางจะต้องมีอายุใช้ได้ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
1.2 แบบคำร้องขอวีซ่า (DS-156)
1.3 ภาพถ่าย: 1 รูป (เป็นภาพสีหรือขาวดำ) โดยฉากหลังของรูปต้องเป็นสีขาว เท่านั้น ขนาด 50 x 50 ม.ม. ( หรือ 2 x 2 นิ้ว ) เป็นรูปถ่ายหน้าตรง เห็นหูทั้ง 2 ข้าง ใบหน้าต้องมีขนาดใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่รูปถ่าย และต้องเป็นรูปถ่ายที่ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน
1.4 หลักฐานถิ่นที่อยู่ภายนอกสหรัฐฯ ของผู้เดินทาง โดยเป็นเอกสารที่แสดงความผูกพันทางครอบครัว เศรษฐกิจ และสังคมอื่นๆ ที่มีอยู่ภายนอกประเทศสหรัฐฯ รวมทั้งหลักฐานอื่นๆ เช่น หลักฐานการทำงาน ใบอนุมัติการลาหยุดงาน หลักฐานพิสูจน์การเป็นเจ้าของกิจการ ใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพ และหลักฐานเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน เป็นต้น
1.5 เอกสารยืนยันการชำระเงินค่าธรรมเนียมที่ออกให้โดยที่ทำการไปรษณีย์
2. ผู้เดินทางจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือเทียบเท่าเป็นเงินบาทไทยปัจจุบัน) ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต/ สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ จะไม่คืนค่าธรรมเนียมแก่ผู้ขอรับวีซ่าไม่ว่าในกรณีใดๆ
3. ผู้เดินทางจะต้องไปยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเองที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสแกนลายนิ้วมือของผู้เดินทาง และจะแจ้งกำหนดเวลาและสถานที่ให้ไปรับการสัมภาษณ์เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาออกวีซ่า
4. ระหว่างการเดินทางไปสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สายการบินจะมอบเอกสาร Customs Declaration Forms (CF-6059) และ Arrival-Departure Record Forms for Immigration (I-94) ซึ่งผู้เดินทางต้องกรอกข้อมูลต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในเอกสารทั้ง 2 ฉบับให้เรียบร้อยและครบถ้วน
5. เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานในสหรัฐฯ ผู้เดินทางจะต้องรับการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งผู้เดินทางจะต้องยื่นหนังสือเดินทางและวีซ่า รวมทั้งแจ้งเหตุผลของการเดินทางเข้าสหรัฐฯ และรายละเอียดของสถานที่พักแก่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะลงตราประทับ (stamp) ที่เอกสาร I-94 (Arrival-Departure Record Forms for Immigration) ซึ่งจะต้องแนบติดไว้กับหนังสือเดินทางตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในสหรัฐฯ
6. นับตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2547 ผู้เดินทางจะต้องผ่านระบบ United States Visitors and Immigrant Status Indicator Technology หรือ US-Visit กล่าวคือเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะถ่ายภาพและสแกนลายนิ้วมือของผู้เดินทาง และในบางกรณี ผู้เดินทางอาจได้รับการร้องขอให้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมภายใต้ National Security Entry-Exit Registration System
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-