ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจบัตรเครดิต รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้เชิญผู้ประกอบการบัตรเครดิตเข้าพบในวันที่ 10 มี.ค.47 เพื่อชี้แจงเกี่ยว
กับร่างหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ปรับปรุงใหม่ โดยมีสาระสำคัญคือ 1) การเพิ่มอัตราการชำระ
เงินขั้นต่ำ เป็น 10% ของยอดคงค้าง จากเดิม 5% 2) คุณสมบัติของผู้ถือบัตร กรณีผู้ถือบัตรที่เป็นนักศึกษา
หรือผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนให้สามารถทำบัตรเสริมได้เพียงกรณีเดียว 3) การตรวจสอบ
ยอดหนี้คงค้างของสินเชื่อบัตรเครดิต โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตตรวจสอบยอดหนี้คงค้างก่อนการอนุมัติ
บัตร โดยไม่ให้ผู้ถือบัตรมียอดคงค้างทุกบัตรรวมกันเกิน 5 เท่าของรายได้ 4) การดำเนินการกรณีค้างชำระ
หนี้บัตรเครดิตเกินกว่า 3 เดือน ให้ถูกยกเลิกการใช้บัตร และ 5) ขอความร่วมมือเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการ
ตลาดในการหาลูกค้ารายใหม่ โดยให้เป็นในกรณีที่ลูกค้าร้องขอเท่านั้น และไม่ควรแจกของกำนัลในการสมัคร
หรือตั้งตัวแทนขาย ทั้งนี้เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินตัวของผู้ถือบัตรเครดิต นอกจากนี้ ผู้อำนวยการอาวุโส สาย
นโยบายสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. กำลังดำเนินการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลธุรกิจบัตร
เครดิต โดยคาดว่าอีกประมาณ 1 เดือนจะแล้วเสร็จ (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
2. ธปท.เตรียมหารือ ก.คลังในประเด็นการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝาก ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเข้าหารือกับ รมว.คลัง (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)
ถึงแนวทางการดำเนินนโยบายของ ธปท. ในช่วงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดัน พ.ร.บ.สถาบันการ
เงินฉบับใหม่ และ พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝาก ที่มีความล่าช้า ซึ่งแหล่งข่าวจาก ก.คลัง ได้เปิดเผยว่า
ก.คลังได้ชะลอการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากโดยไม่มีกำหนดเวลา เนื่องจากยังไม่สามารถหาข้อตกลงที่
ชัดเจนระหว่าง ธพ.และหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะเรื่องค่าธรรมเนียมการจัดตั้งสถาบันฯ ที่ ธพ.ต้องส่งให้
ธปท.จำนวน 0.4% ของฐานเงินฝาก ณ สิ้นงวดบัญชี ซึ่ง ธพ.มองว่ามีอัตราสูงเกินไป ซึ่งในประเด็นการ
ชะลอการจัดตั้งสถาบันฯ ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และเชื่อว่าเมื่อมีการหารือกับ รมว.คลัง
จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ก.พ.47 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเป็นการลดลง
ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 คณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลการสำรวจดัชนีความ
เชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ก.พ.47 ว่า อยู่ที่ระดับ 107.4 ลดลงจากเดือน ม.ค. ซึ่งอยู่ที่ 109.5 โดยดัชนี
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันเท่ากับ 96.8 ลดลงจาก 98.5 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน
อนาคตเท่ากับ 110.7 ลดลงจาก 113.1 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 105.2 ลด
ลงจาก 107.5 ดัชนีฯ เกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 98.4 ลดลงจาก 100 และดัชนีฯ เกี่ยวกับ
รายได้ในอนาคตเท่ากับ 118.6 ลดลงจาก 121 ทั้งนี้ การที่ดัชนีปรับตัวลดลงโดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็น
เดือนที่ 2 มีสาเหตุจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ราคาน้ำมันที่ยังคงสูง สถานการณ์
ความไม่สงบในภาคใต้ และการชุมนุมประท้วงคัดค้านการแปรรูปของพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(ไทยโพสต์)
4. ช่วง 2 เดือนแรกของปี 47 มูลค่าการซื้อขายของตลาดตราสารหนี้ลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย
กรรมการผู้จัดการบริษัทศูนย์การซื้อขายตราสารหนี้ไทย (TBDC) เปิดเผยว่า มูลค่าการซื้อขายของตลาดตรา
สารหนี้ปรับตัวลดลงมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.47 มีบริษัทออกหุ้นกู้ทั้งสิ้น 2 รายมูลค่า 8,000
ล.บาท ขณะที่ในช่วงเดือน มี.ค. มีบริษัทที่มีแผนจะออกหุ้นกู้ประมาณ 13,600 ล.บาท ซึ่งยอดการออกหุ้นกู้ดัง
กล่าวต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 30% โดยเป้าหมายกำหนดไว้ที่ 30,000 ล.บาทต่อไตรมาสหรือ 120,000
ล.บาทต่อปี ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายของตลาดตราสารหนี้ที่ปรับตัวลดลง มีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคไข้
หวัดนก ทำให้บริษัทเอกชนชะลอการออกหุ้นกู้เพื่อรอดูความชัดเจน (โลกวันนี้)
5. ต.ล.ท.เตรียมใช้มาตรการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% สำหรับหุ้นทุกกลุ่มภายในไตรมาส 2
กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) เปิดเผยว่า คาดว่ามาตรการวางหลัก
ทรัพย์ค้ำประกัน 10% สำหรับบัญชีเงินสดทุกบัญชีที่ซื้อขายหุ้นจะเริ่มใช้ได้ภายในไตรมาส 2 ปี 47 หลังจาก
เลื่อนจากเดิมที่จะใช้ภายในวันที่ 1 เม.ย.47 เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ด้านแบ็กออฟฟิศของโบรกเกอร์บาง
แห่งยังไม่พร้อม ซึ่ง ต.ล.ท.จะแจ้งบริษัทสมาชิกล่วงหน้า 1 เดือนก่อนใช้มาตรการดังกล่าว (ผู้จัดการรายวัน)
6. ช่วง 2 เดือนแรกปี 47 ไทยส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 12.9% จากปีก่อน อธิบดีกรมการค้าต่าง
ประเทศ กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 47 ไทยส่งออกข้าวได้ 1.25 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน 12.9% คิดเป็นมูลค่า 329 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 30.4% ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวค่อนข้างมี
เสถียรภาพและอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากต่างประเทศยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่า
แนวโน้มส่งออกเดือน มี.ค.จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ส่งออกยังมีสัญญาข้าวค้างส่งมอบผู้ซื้อต่างประเทศเป็นจำนวน
มาก (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ. ขาดดุลการค้าเดือน ม.ค.47 มูลค่า 43.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานจาก
วอชิงตันเมื่อวันที่ 10 มี.ค.47 ตัวเลขขาดดุลการค้าของ สรอ. ในเดือน ม.ค.47 ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่
ระดับ 43.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แม้ว่าค่าเงินดออลาร์ สรอ. จะอ่อนค่าลงซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยให้สินค้าของ
สรอ. สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้นก็ตาม สาเหตุของการขาดดุลการค้าเกิดจากตัวเลขการนำเข้าที่
ยังคงสูงอยู่ที่ระดับ 132.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจากเดือน ธ.ค.46 ก็ตาม ในขณะที่
การส่งออกลดลงอยู่ที่ระดับ 89.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ทั้งนี้
การขาดดุลการค้าของ สรอ. ทำให้ประชาชนวิตกกังวลเกี่ยวกับการว่างงานหรือการปิดโรงงานที่จะเกิดขึ้นใน
อนาคต ซึ่งประเด็นนี้ได้มีการนำไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ. นอกจากนี้ นักวิเคราะห์
บางรายกล่าวว่า การขาดดุลการค้าที่เกินความคาดหมายนี้สร้างความผิดหวังเล็กน้อยให้กับนักลงทุนที่หวังว่าจะ
ได้เห็นการปรับตัวดีขึ้นของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด รวมทั้งอาจต้องมีการปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจใน
ช่วงต้นปี 47 ด้วยเช่นกัน อนึ่ง ในปี 46 สรอ. ขาดดุลการค้ากับจีนประเทศเดียวสูงถึง 124 พันล้านดอลลาร์
สรอ. และในเดือน ม.ค.47 สรอ. นำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 6.6% จากเดือน ธ.ค.46 ทำให้ในเดือน
ม.ค.47 สรอ. ขาดดุลการค้าจีน 11.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับ 9.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ใน
เดือน ม.ค.46 (รอยเตอร์)
2. สินค้าคงคลังในระดับค้าส่งของสรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือนม.ค. 47 รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 47 ก. พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่าสินค้าคงคลังในระดับค้าส่งของสรอ.ในเดือน
ม.ค. 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 หลังจากที่ปรับตัวเลขเหลือร้อยละ 0.6 เมื่อเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่วอลล์สต
รีทคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 โดยยอดขายที่ลดลงกว่าครึ่งมาจากอุปสงค์ในสินค้ารถยนต์โดยลดลงถึง
ร้อยละ 6.6 มากที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 40 ส่วนยอดค้าส่งในเดือนม.ค. ขยายตัวร้อยละ 0.6
จากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ1.5 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ตัวเลขสัดส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขาย ซึ่งใช้
วัดระยะเวลาการขายสินค้าคงคลังในปัจจุบันเท่ากับ 1.17 เดือนนับเป็นสถิติต่ำสุด (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 46 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่
10 มี.ค. 47 รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่าในไตรมาสที่ 4 ปี 46 เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 1.6 จากไตรมาส
ก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดจากประมาณการณ์ในครั้งก่อนเมื่อกลางเดือนก.พ. 47 ที่คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาส
สุดท้ายปี 46 จะเติบโตร้อยละ 1.7 นอกจากนั้นยังปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปี 46 เหลือร้อยละ
6.4 จากที่คาดไว้เดิมที่ระดับร้อยละ 7.0 อย่างไรก็ตามแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงดีที่สุด
ในรอบ 13 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออก ทั้งนี้การทบทวนการเติบโตทางเศรษฐกิจดัง
กล่าวก่อให้เกิดความสับสน เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ประกาศออกมาก่อนหน้านั้นเพิ่มขึ้นถึง
ร้อยละ 6.3 (ปรับปรุงแล้ว) น่าจะมีผลให้ปรับเพิ่มการขยายตัวของจีดีพีมากกว่าการปรับลดลงอย่างที่เป็นอยู่
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจทั้งปี 46 ของญี่ปุ่นก็ยังเติบโตดีกว่าทั้งสรอ. และยูโรโซนที่ขยายตัวเพียงร้อยละ ร้อยละ
4.1 และร้อยละ 0.9 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
4. สิงคโปร์คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 5.5 รายงานจากสิงคโปร์เมื่อวันที่ 10 มี.ค.47
นาย Lee Hsien Loong รองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ กล่าวว่า คาดว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์ปีนี้จะมี
อัตราการเติบโตใกล้เคียงกับระดับสูงสุดจากที่รัฐบาลได้พยากรณ์ไว้คือ ร้อยละ 3.5 — 5.5 โดยมีปัจจัยจาก
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้สิงคโปร์สามารถส่งออกสินค้าประเภทเวชภัณฑ์และอิเล็กทรอนิกส์ได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งถ้าบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็จะเป็นตัวเลขการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 ทั้งนี้ ในปี 46 สิงคโปร์มี
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงร้อยละ 1.1 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในเอเชีย เนื่องจากเพิ่งฟื้นตัว
จากการระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (SARS) (รอยเตอร์)
5. ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือน ก.พ.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ 96.3 รายงาน
จากโซล เมื่อ 11 มี.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค
เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเครื่องวัดที่สำคัญเกี่ยวกับความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับความคาดหวังทางเศรษฐกิจของ
ประเทศ และการวางแผนการใช้จ่ายในอนาคตของผู้บริโภค ในเดือน ก.พ.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ 96.3
จากระดับ 98.0 ในเดือนก่อน สวนทางกับการปรับตัวดีขึ้นในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งดัชนีดังกล่าวหากต่ำ
กว่าระดับ 100 หมายถึงผู้บริโภคมีความคาดหวังว่าภาวะเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพจะเลวลงใน 6
เดือนข้างหน้ามากกว่าที่จะคาดว่าปรับตัวดีขึ้น และดัชนีดังกล่าวไม่เคยอยู่เหนือระดับ 100 ตั้งแต่เดือน ก.ย.45
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวในเดือน ก.พ. แสดงว่า พื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงไม่มั่นคงนัก แม้ตัวเลข
การส่งออกสินค้าหมวดรถยนต์และโทรศัพท์เคลื่อนที่จะช่วยผลักดันให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นบ้างก็
ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้มากนัก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้เห็นว่าการ
บริโภคในประเทศซึ่งมีจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ในประเทศ ไม่น่าจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก
ตลาดแรงงานในประเทศยังคงชะลอตัวตัวแม้ว่าภาวะการส่งออกจะแข็งแกร่งก็ตาม (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 11/3/47 10/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.415 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.1919/39.4815 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 705.29/22.54 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,450/7,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.07 29.69 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.ปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจบัตรเครดิต รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้เชิญผู้ประกอบการบัตรเครดิตเข้าพบในวันที่ 10 มี.ค.47 เพื่อชี้แจงเกี่ยว
กับร่างหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ปรับปรุงใหม่ โดยมีสาระสำคัญคือ 1) การเพิ่มอัตราการชำระ
เงินขั้นต่ำ เป็น 10% ของยอดคงค้าง จากเดิม 5% 2) คุณสมบัติของผู้ถือบัตร กรณีผู้ถือบัตรที่เป็นนักศึกษา
หรือผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนให้สามารถทำบัตรเสริมได้เพียงกรณีเดียว 3) การตรวจสอบ
ยอดหนี้คงค้างของสินเชื่อบัตรเครดิต โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตตรวจสอบยอดหนี้คงค้างก่อนการอนุมัติ
บัตร โดยไม่ให้ผู้ถือบัตรมียอดคงค้างทุกบัตรรวมกันเกิน 5 เท่าของรายได้ 4) การดำเนินการกรณีค้างชำระ
หนี้บัตรเครดิตเกินกว่า 3 เดือน ให้ถูกยกเลิกการใช้บัตร และ 5) ขอความร่วมมือเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการ
ตลาดในการหาลูกค้ารายใหม่ โดยให้เป็นในกรณีที่ลูกค้าร้องขอเท่านั้น และไม่ควรแจกของกำนัลในการสมัคร
หรือตั้งตัวแทนขาย ทั้งนี้เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินตัวของผู้ถือบัตรเครดิต นอกจากนี้ ผู้อำนวยการอาวุโส สาย
นโยบายสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. กำลังดำเนินการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลธุรกิจบัตร
เครดิต โดยคาดว่าอีกประมาณ 1 เดือนจะแล้วเสร็จ (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
2. ธปท.เตรียมหารือ ก.คลังในประเด็นการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝาก ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเข้าหารือกับ รมว.คลัง (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์)
ถึงแนวทางการดำเนินนโยบายของ ธปท. ในช่วงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดัน พ.ร.บ.สถาบันการ
เงินฉบับใหม่ และ พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝาก ที่มีความล่าช้า ซึ่งแหล่งข่าวจาก ก.คลัง ได้เปิดเผยว่า
ก.คลังได้ชะลอการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากโดยไม่มีกำหนดเวลา เนื่องจากยังไม่สามารถหาข้อตกลงที่
ชัดเจนระหว่าง ธพ.และหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะเรื่องค่าธรรมเนียมการจัดตั้งสถาบันฯ ที่ ธพ.ต้องส่งให้
ธปท.จำนวน 0.4% ของฐานเงินฝาก ณ สิ้นงวดบัญชี ซึ่ง ธพ.มองว่ามีอัตราสูงเกินไป ซึ่งในประเด็นการ
ชะลอการจัดตั้งสถาบันฯ ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และเชื่อว่าเมื่อมีการหารือกับ รมว.คลัง
จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ก.พ.47 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเป็นการลดลง
ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 คณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลการสำรวจดัชนีความ
เชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ก.พ.47 ว่า อยู่ที่ระดับ 107.4 ลดลงจากเดือน ม.ค. ซึ่งอยู่ที่ 109.5 โดยดัชนี
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันเท่ากับ 96.8 ลดลงจาก 98.5 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน
อนาคตเท่ากับ 110.7 ลดลงจาก 113.1 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 105.2 ลด
ลงจาก 107.5 ดัชนีฯ เกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 98.4 ลดลงจาก 100 และดัชนีฯ เกี่ยวกับ
รายได้ในอนาคตเท่ากับ 118.6 ลดลงจาก 121 ทั้งนี้ การที่ดัชนีปรับตัวลดลงโดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็น
เดือนที่ 2 มีสาเหตุจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ราคาน้ำมันที่ยังคงสูง สถานการณ์
ความไม่สงบในภาคใต้ และการชุมนุมประท้วงคัดค้านการแปรรูปของพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(ไทยโพสต์)
4. ช่วง 2 เดือนแรกของปี 47 มูลค่าการซื้อขายของตลาดตราสารหนี้ลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย
กรรมการผู้จัดการบริษัทศูนย์การซื้อขายตราสารหนี้ไทย (TBDC) เปิดเผยว่า มูลค่าการซื้อขายของตลาดตรา
สารหนี้ปรับตัวลดลงมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.47 มีบริษัทออกหุ้นกู้ทั้งสิ้น 2 รายมูลค่า 8,000
ล.บาท ขณะที่ในช่วงเดือน มี.ค. มีบริษัทที่มีแผนจะออกหุ้นกู้ประมาณ 13,600 ล.บาท ซึ่งยอดการออกหุ้นกู้ดัง
กล่าวต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 30% โดยเป้าหมายกำหนดไว้ที่ 30,000 ล.บาทต่อไตรมาสหรือ 120,000
ล.บาทต่อปี ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายของตลาดตราสารหนี้ที่ปรับตัวลดลง มีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคไข้
หวัดนก ทำให้บริษัทเอกชนชะลอการออกหุ้นกู้เพื่อรอดูความชัดเจน (โลกวันนี้)
5. ต.ล.ท.เตรียมใช้มาตรการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 10% สำหรับหุ้นทุกกลุ่มภายในไตรมาส 2
กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) เปิดเผยว่า คาดว่ามาตรการวางหลัก
ทรัพย์ค้ำประกัน 10% สำหรับบัญชีเงินสดทุกบัญชีที่ซื้อขายหุ้นจะเริ่มใช้ได้ภายในไตรมาส 2 ปี 47 หลังจาก
เลื่อนจากเดิมที่จะใช้ภายในวันที่ 1 เม.ย.47 เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ด้านแบ็กออฟฟิศของโบรกเกอร์บาง
แห่งยังไม่พร้อม ซึ่ง ต.ล.ท.จะแจ้งบริษัทสมาชิกล่วงหน้า 1 เดือนก่อนใช้มาตรการดังกล่าว (ผู้จัดการรายวัน)
6. ช่วง 2 เดือนแรกปี 47 ไทยส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 12.9% จากปีก่อน อธิบดีกรมการค้าต่าง
ประเทศ กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 47 ไทยส่งออกข้าวได้ 1.25 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน 12.9% คิดเป็นมูลค่า 329 ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้น 30.4% ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวค่อนข้างมี
เสถียรภาพและอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากต่างประเทศยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่า
แนวโน้มส่งออกเดือน มี.ค.จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ส่งออกยังมีสัญญาข้าวค้างส่งมอบผู้ซื้อต่างประเทศเป็นจำนวน
มาก (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ. ขาดดุลการค้าเดือน ม.ค.47 มูลค่า 43.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานจาก
วอชิงตันเมื่อวันที่ 10 มี.ค.47 ตัวเลขขาดดุลการค้าของ สรอ. ในเดือน ม.ค.47 ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่
ระดับ 43.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แม้ว่าค่าเงินดออลาร์ สรอ. จะอ่อนค่าลงซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยให้สินค้าของ
สรอ. สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้นก็ตาม สาเหตุของการขาดดุลการค้าเกิดจากตัวเลขการนำเข้าที่
ยังคงสูงอยู่ที่ระดับ 132.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยจากเดือน ธ.ค.46 ก็ตาม ในขณะที่
การส่งออกลดลงอยู่ที่ระดับ 89.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ทั้งนี้
การขาดดุลการค้าของ สรอ. ทำให้ประชาชนวิตกกังวลเกี่ยวกับการว่างงานหรือการปิดโรงงานที่จะเกิดขึ้นใน
อนาคต ซึ่งประเด็นนี้ได้มีการนำไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ. นอกจากนี้ นักวิเคราะห์
บางรายกล่าวว่า การขาดดุลการค้าที่เกินความคาดหมายนี้สร้างความผิดหวังเล็กน้อยให้กับนักลงทุนที่หวังว่าจะ
ได้เห็นการปรับตัวดีขึ้นของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด รวมทั้งอาจต้องมีการปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจใน
ช่วงต้นปี 47 ด้วยเช่นกัน อนึ่ง ในปี 46 สรอ. ขาดดุลการค้ากับจีนประเทศเดียวสูงถึง 124 พันล้านดอลลาร์
สรอ. และในเดือน ม.ค.47 สรอ. นำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 6.6% จากเดือน ธ.ค.46 ทำให้ในเดือน
ม.ค.47 สรอ. ขาดดุลการค้าจีน 11.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับ 9.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ใน
เดือน ม.ค.46 (รอยเตอร์)
2. สินค้าคงคลังในระดับค้าส่งของสรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในเดือนม.ค. 47 รายงานจาก
วอชิงตัน เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 47 ก. พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่าสินค้าคงคลังในระดับค้าส่งของสรอ.ในเดือน
ม.ค. 47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 หลังจากที่ปรับตัวเลขเหลือร้อยละ 0.6 เมื่อเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่วอลล์สต
รีทคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 โดยยอดขายที่ลดลงกว่าครึ่งมาจากอุปสงค์ในสินค้ารถยนต์โดยลดลงถึง
ร้อยละ 6.6 มากที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 40 ส่วนยอดค้าส่งในเดือนม.ค. ขยายตัวร้อยละ 0.6
จากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ1.5 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ตัวเลขสัดส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขาย ซึ่งใช้
วัดระยะเวลาการขายสินค้าคงคลังในปัจจุบันเท่ากับ 1.17 เดือนนับเป็นสถิติต่ำสุด (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 46 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่
10 มี.ค. 47 รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่าในไตรมาสที่ 4 ปี 46 เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 1.6 จากไตรมาส
ก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดจากประมาณการณ์ในครั้งก่อนเมื่อกลางเดือนก.พ. 47 ที่คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาส
สุดท้ายปี 46 จะเติบโตร้อยละ 1.7 นอกจากนั้นยังปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปี 46 เหลือร้อยละ
6.4 จากที่คาดไว้เดิมที่ระดับร้อยละ 7.0 อย่างไรก็ตามแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงดีที่สุด
ในรอบ 13 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออก ทั้งนี้การทบทวนการเติบโตทางเศรษฐกิจดัง
กล่าวก่อให้เกิดความสับสน เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่ประกาศออกมาก่อนหน้านั้นเพิ่มขึ้นถึง
ร้อยละ 6.3 (ปรับปรุงแล้ว) น่าจะมีผลให้ปรับเพิ่มการขยายตัวของจีดีพีมากกว่าการปรับลดลงอย่างที่เป็นอยู่
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจทั้งปี 46 ของญี่ปุ่นก็ยังเติบโตดีกว่าทั้งสรอ. และยูโรโซนที่ขยายตัวเพียงร้อยละ ร้อยละ
4.1 และร้อยละ 0.9 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
4. สิงคโปร์คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 5.5 รายงานจากสิงคโปร์เมื่อวันที่ 10 มี.ค.47
นาย Lee Hsien Loong รองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ กล่าวว่า คาดว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์ปีนี้จะมี
อัตราการเติบโตใกล้เคียงกับระดับสูงสุดจากที่รัฐบาลได้พยากรณ์ไว้คือ ร้อยละ 3.5 — 5.5 โดยมีปัจจัยจาก
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้สิงคโปร์สามารถส่งออกสินค้าประเภทเวชภัณฑ์และอิเล็กทรอนิกส์ได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งถ้าบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็จะเป็นตัวเลขการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 ทั้งนี้ ในปี 46 สิงคโปร์มี
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงร้อยละ 1.1 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในเอเชีย เนื่องจากเพิ่งฟื้นตัว
จากการระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (SARS) (รอยเตอร์)
5. ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือน ก.พ.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ 96.3 รายงาน
จากโซล เมื่อ 11 มี.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค
เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเครื่องวัดที่สำคัญเกี่ยวกับความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับความคาดหวังทางเศรษฐกิจของ
ประเทศ และการวางแผนการใช้จ่ายในอนาคตของผู้บริโภค ในเดือน ก.พ.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ 96.3
จากระดับ 98.0 ในเดือนก่อน สวนทางกับการปรับตัวดีขึ้นในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งดัชนีดังกล่าวหากต่ำ
กว่าระดับ 100 หมายถึงผู้บริโภคมีความคาดหวังว่าภาวะเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพจะเลวลงใน 6
เดือนข้างหน้ามากกว่าที่จะคาดว่าปรับตัวดีขึ้น และดัชนีดังกล่าวไม่เคยอยู่เหนือระดับ 100 ตั้งแต่เดือน ก.ย.45
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวในเดือน ก.พ. แสดงว่า พื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงไม่มั่นคงนัก แม้ตัวเลข
การส่งออกสินค้าหมวดรถยนต์และโทรศัพท์เคลื่อนที่จะช่วยผลักดันให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นบ้างก็
ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้มากนัก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้เห็นว่าการ
บริโภคในประเทศซึ่งมีจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ในประเทศ ไม่น่าจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก
ตลาดแรงงานในประเทศยังคงชะลอตัวตัวแม้ว่าภาวะการส่งออกจะแข็งแกร่งก็ตาม (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 11/3/47 10/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.415 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.1919/39.4815 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 705.29/22.54 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,450/7,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.07 29.69 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-