คณะผู้แทนการค้าไทยที่เป็นผู้ประกอบการภาคเอกชนกว่า 100 รายเริ่มเดินสายเจาะตลาดส่งออกใหม่ ๆ ทั่วโลก เพื่อผลักดันการส่งออกในตลาดใหม่ให้ขยายตัวกว่าร้อยละ 40 สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ โดยหวังเจาะตลาดจีนและอินเดียจะขยายตัวได้มากที่สุดในปีนี้ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดตัวโครงการ Thailand export rally to new marketing ว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการที่คณะผู้แทนการค้า ซึ่งมีผู้ประกอบการเอกชนกว่า 100 ราย จะทำหน้าที่เดินทางไปเจรจาธุรกิจในตลาดส่งออกใหม่ทั่วโลก ได้แก่ จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ละตินอเมริกาและยุโรปตะวันออก ซึ่งคณะผู้แทนการค้า ภายใต้โครงการดังกล่าวจะเริ่มทยอยเดินทางไปในช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นไป โครงการนี้ถือเป็นกลยุทธ์ของกระทรวงพาณิชย์ในการเจาะลึกและกระจายตลาดให้การส่งออกของไทย เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 ซึ่งขณะนี้สินค้าไทยหลายรายการเป็นที่ต้องการต่อผู้บริโภคทั่วโลก ดังนั้น การจัดโครงการดังกล่าว ผู้แทนการค้าไทยน่าจะเข้าไปเจาะตลาดในตลาดให้สูงขึ้น ตามเป้าหมายการผลักดันการส่งออกของไทยตามยุทธศาสตร์การส่งออก 5 ปีที่กำหนดไว้ว่า อัตราการส่งออกจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15-20 ต่อปี และในปี 2547 กระทรวงพาณิชย์ยังมั่นใจว่าเป้าหมายการส่งออกจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ขึ้นไป หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ตลาดส่งออกเป้าหมายที่คณะผู้แทนการค้าภายใต้โครงการดังกล่าวจะเจาะทำตลาด ประกอบด้วยเอเชียใต้จะเริ่มที่ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 17-28 มีนาคม โดยสินค้าที่มีลู่ทางขยายตลาดได้แก่ อาหาร ของใช้ภายในบ้าน เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติกและเครื่องครัว เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องกรองน้ำ คณะตะวันออกกลาง จะเริ่มที่ประเทศเยเมน คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 22-31 มีนาคม โดยสินค้าที่จะทำการขยายตลาดได้แก่ อาหาร วัสดุก่อสร้าง สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า รองเท้าสตรี ผลิตภัณฑ์ยาง ยางรถยนต์ อะไหล่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ส่วนคณะที่ไปทำตลาดจีน แบ่งเป็น 4 คณะย่อยที่จะเดินทางไปมณฑลต่าง ๆ ซึ่งจะเริ่มในระหว่างวันที่ 22-25 มีนาคม เช่น เมืองเซียงไฮ้ กวางโจว หนานหนิง มณฑลจี้หลิน และอีกหลายมณฑล โดยกลุ่มสินค้าที่จะนำไปขยายตลาด ได้แก่ อาหาร อัญมณีเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจก่อสร้าง คณะแอฟริกา จะเริ่มที่โมร็อกโก และอียิปต์ ระหว่างวันที่ 29-6 เมษายน โดยสินค้าที่จะขยายตลาดได้แก่ อะไหล่รถยนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสิกต และผลไม้กระป๋อง ส่วนคณะอเมริกาใต้ จะแบ่งเป็น 2 คณะ โดยจะเน้นอเมริกาใต้ตอนบนและตอนล่างพร้อมกัน เช่น ชิลี อาร์เจนตินา บาร์ซิล โดยมีกำหนดการเดินทางปลายเดือนเมษายนนี้ โดยสินค้าที่จะทำการขยายตลาดได้แก่ อาหาร ข้าว อะไหล่รถยนต์ และยางพารา และคณะสุดท้ายได้แก่ คณะรัสเซียจะเดินทางไปสำรวจตลาดล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 15-27 เมษายน และประมาณเดือนพฤษภาคมก็จะนำคณะเข้าไปทำตลาดต่อไป โดยกลุ่มสินค้าที่มีลู่ทางขยายตลาด ได้แก่ อาหาร อะไหล่รถยนต์ วัสดุก่อสร้าง และสินค้าสุขภาพและความงาม ทั้งนี้ ในปี 2547 กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายเจาะตลาดตามโครงการดังกล่าวประกอบด้วย ตลาดจีน ตั้งเป้าจะเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาร้อยละ 38 หรือคิดเป็นมูลค่า 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดตะวันออกกลาง เติบโตร้อยละ 15 หรือคิดเป็นมูลค่า 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดแอฟริกาเติบโตร้อยละ 15 คิดเป็น 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดละตินอเมริกา เติบโตร้อยละ 15 หรือคิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดอินเดียเติบโตร้อยละ 55 หรือคิดเป็นมูลค่า 990 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตลาดยุโรปตะวันออกเติบโตร้อยละ 30 หรือคิดเป็นมูลค่า 930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์กำลังศึกษาสถานที่ในต่างประเทศที่จะมีการจัดสร้างศูนย์แสดงสินค้าไทยในต่างประเทศแบบถาวร โดยได้มองประเทศจีน ที่เมืองกวางโจว คูเวต ดูไบ และปารีส ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้ศูนย์แสดงสินค้าไทยน่าจะดำเนินการได้อย่างน้อย 1-2 แห่ง.-113 พ.4 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775-สส-