ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.คลังปรับนโยบายให้ธนาคารเน้นปล่อยสินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ นายสมคิด
จาตุ
ศรีพิทักษ์ รมว.ก.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กับธนาคารรัฐและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธ.
กรุงไทย ธ.พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมฯ (เอสเอ็มอีแบงก์) ธ.อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธ.
เพื่อการเกษตรฯ (ธกส.) ธ.เพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ (เอ็กซิมแบงก์) ธ.ออมสิน และธนาคารพาณิชย์ 2
แห่ง คือ ธ.ไทยพาณิชย์ และ ธ.ทหารไทย โดยขอให้เน้นการขยายสินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
เป็นสำคัญ ไม่จำเป็นต้องเร่งขยายสินเชื่อในเชิงปริมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่ผ่านมา เพราะแนวโน้ม
เศรษฐกิจในปัจจุบันถือว่าฟื้นตัวแล้ว ดังนั้น การปล่อยสินเชื่อต่อจากนี้ไปต้องมีการกำหนดกลยุทธ์และดูทิศทาง
ของตลาดโลก เพื่อช่วยรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเน้นให้ความสำคัญเรื่องการให้ความช่วยเหลือ
ประชาชนในระดับรากหญ้าและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ควบคู่กันไป โดยให้
ธกส. ดูแลกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าภาคการเกษตร เอสเอ็มอีแบงก์ดูแลผู้ประกอบการการเกษตรแปรรูป ธ.
ออมสินดูแลสินเชื่อเรื่องการขยายตลาด ส่วนเอ็กซิมแบงก์และ ธ.กรุงไทยให้ดูแลผู้ประกอบการคนไทยที่ทำ
ธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เป็นเรื่องสำคัญมากใน
อนาคต เพราะฉะนั้น เอ็กซิมแบงก์ควรที่จะให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการได้ว่าสินค้าใดในอนาคตจะเป็นสินค้าที่
เสียโอกาสจากข้อตกลงทางภาษี จะได้หาแนวทางการปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าให้กับผู้ประกอบการได้ทัน ส่วน
ธกส. ต้องสามารถแนะนำลูกค้าได้ว่าแนวโน้มความต้องการตลาดโลกเป็นอย่างไร และภาคธุรกิจใดสมควรที่
จะได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นการเสริมยุทธศาสตร์การดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาล
(โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
2. ก.คลังให้ธนาคารของรัฐรวมตัวแก้ปัญหาสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) นายสมคิด จาตุ
ศรี
พิทักษ์ รมว.ก.คลัง กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้ธนาคารของรัฐร่วมกันแก้ไขปัญหาสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพี
เอ) โดยมอบหมายให้ นายสมใจนึก เอ็งตระกูล ปลัด ก.คลัง เป็นหัวหน้าทีมในการศึกษาความเป็นไปได้
โดยให้ไปหารือร่วมกับ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ธ.กรุงไทย ธ.ไทยธนาคาร และ ธ.นครหลวง
ไทย เพื่อร่วมกันจัดทำระบบรวมให้เกิดประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาเอ็นพีเอ และให้จัดตั้งคณะ
กรรมการกลางขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำหน้าที่พิจารณาตัดสินลดหนี้ให้กับลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาหนี้เสีย
ทำได้เร็วขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ธนาคารของรัฐไม่กล้าตัดสินใจลดหนี้เพราะเกรงจะมีความผิด ทำให้
การแก้ปัญหาเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอล่าช้า นอกจากนี้ รมว.ก.คลัง ยังได้สั่งการให้ศึกษาการเชื่อมโยงข้อมูล
เครดิตบูโรระหว่าง 2 บริษัท คือ บริษัทข้อมูลเครดิตกลาง และบริษัทข้อมูลเครดิตไทย เพื่อให้ฐานข้อมูลกว้าง
และสมบูรณ์มากขึ้น ทั้งนี้ ณ เดือน ก.พ.47 ธ.กรุงไทยมีเอ็นพีแอล 7.94 หมื่นล้านบาท เอ็นพีเอ 2.23
หมื่นล้านบาท ธ.นครหลวงไทยมีเอ็นพีแอล 8.58 หมื่นล้านบาท เอ็นพีเอ 1.36 หมื่นล้านบาท และ ธ.ไทย
ธนาคารมีเอ็นพีแอล 7.72 พันล้านบาท เอ็นพีเอ 9.71 พันล้านบาท ส่วน ธอส. ปัจจุบันมีเอ็นพีเอประมาณ
1.3 หมื่นล้านบาท (โพสทูเดย์)
3. ธปท.มั่นใจรัฐวิสาหกิจใช้หนี้ก่อนกำหนด 6.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ไม่กระทบฐานะการเงิน
ของประเทศ ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจมีแผนจะชำระหนี้ก่อนกำหนด จำนวน
6.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ไม่น่าจะกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดที่อยู่ในสภาพเกินดุล ประกอบกับทุนสำรองของ
ไทยขณะนี้มีความแข็งแกร่ง โดย ณ 12 มี.ค.47 อยู่ที่ 4.26 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่เมื่อเดือน
ม.ค.47 ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 812 ล้านดอลลาร์ สรอ. และจากข้อมูลในเดือน ม.ค.47 ยังไม่พบ
เงินทุนไหลออกผิดปกติ แม้นักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการคืนหนี้ต่างประเทศก่อนกำหนดจะ
ช่วยลดแรงกดดันต่ออัตราแลกเปลี่ยนจากการที่มีดอลลาร์ส่วนเกินมาก ทั้งนี้ ตามแผนของรัฐบาลในปีงบประมาณ
47 ก.คลังจะลดหนี้โดยชำระคืนก่อนกำหนดทั้งหนี้ในและต่างประเทศรวม 4 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้เงินบาท
ไปซื้อดอลลาร์เพื่อชำระหนี้โดยมีฐานทุนสำรองที่แข็งแกร่งเป็นตัวแสดงความมั่นคง แต่ไม่ใช่เป็นการนำเอาเงิน
ทุนสำรองไปชำระหนี้โดยตรง (ผู้จัดการ)
4. ธปท.คาดว่าราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจะไม่กระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย
ผู้
ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะไม่กระทบต่ออัตราการเติบโตของจีดีพีของ
ไทยในปีนี้ เนื่องจากการทบทวนในการจัดทำประมาณการทางเศรษฐกิจของ ธปท. ครั้งล่าสุดที่จะเปิดเผยใน
เดือน เม.ย.นี้ ได้รวมผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไว้แล้ว และมั่นใจว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่
น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยเรื่องการลงทุนภาคเอกชนยังดี มีการใช้กำลังการผลิตเต็มอัตราจนต้องเริ่มมี
การลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มการผลิต และคาดว่าจีดีพีจะเติบโตอยู่ในเป้าหมาย คือ 6.3-7.3%
สำหรับราคาน้ำมันดิบดูไบตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ถึงวันที่ 19 มี.ค.47 มีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 29.29 ดอลลาร์
สรอ. ต่อบาร์เรล แต่ ธปท. ใช้สมมติฐานราคาน้ำมันที่จัดทำประมาณการอยู่ที่ 27 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล
โดย ธปท. ชี้แจงว่าผลกระทบด้านลบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น 1 ดอลลาร์ สรอ. มีผลต่อจีดีพีเพียง 0.01%
เท่านั้น (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าสรอ. จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอีก 12 เดือนข้างหน้า แต่ยุโรปจะยังไม่เปลี่ยน
แปลงรายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 47 จากผลการสำรวจนักบริหารกลยุทธ์การลงทุน (bond
strategist) 31 รายในช่วงระหว่างวันที่ 17 | 19 มี.ค. 47 คาดว่า ธ.กลางสรอ. อาจจะปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 45 ปี ประมาณร้อยละ 0.75 เป็นร้อยละ 1.75 ในราว
เดือนต.ค. ปีนี้หรือเดือนมี.ค. 48 หรือภายหลังจากที่ตลาดแรงงานฟื้นตัว แต่คาดว่าธ.กลางของยูโรโซน
และญี่ปุ่นจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงชะงักงันอยู่ และ
คาดว่าจะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ ธ.กลางยุโรปจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยใน
ระยะเวลาอันใกล้นี้ ในขณะที่ bond strategist 5 คนคาดว่า ธ.กลางยุโรปอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นโยบายลงอีก เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคเนื่องจาก การใช้จ่ายบริโภคเป็นเรื่องสำคัญ แต่ในทางกลับ
กัน ธ.กลางอังกฤษได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อเดือนพ.ย. 46 เพื่อชะลอการก่อหนี้ภาคครัวเรือนแต่
ทั้งๆที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 4.00 ผลักดันให้ต้นทุนเงินกู้ยืมสูงขึ้นไปถึงร้อยละ 4.50 ก็ตาม
อุปสงค์ภายในประเทศก็ยังคงขยายตัวโดยตลาดบ้าน และตลาดแรงงานยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาด
ว่า ธ.กลางอังกฤษอาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกในปีหน้าประมาณร้อยละ 0 .50 ถึงร้อยละ 0.75 (รอย
เตอร์)
2. คาดว่ายอดการขายบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ก.พ.47 จะลดลง แต่แนวโน้มตลาดที่อยู่
อาศัย
ยังคงแข็งแกร่ง รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 22 มี.ค.47 รอยเตอร์รายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของ
นักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่า ยอดการขายบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ก.พ.47 อาจจะลดลงเป็นจำนวน
1,098,000 เทียบกับจำนวน 1,106,000 หลังในเดือนก่อนหน้า โดยคาดว่าจะเป็นการลดลงเพียงชั่วคราว
เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของ สรอ.ยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับแรง
สนับสนุนจากการที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองซึ่งเป็นต้นทุนในการกู้ยืมอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้
บริโภคที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการในการเปลี่ยนบ้านใหม่เพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
3. เขตเศรษฐกิจยุโรปเกินดุลการค้าในเดือน ม.ค.47 ลดลงเมื่อเทียบต่อเดือน แต่เพิ่มขึ้นเมื่อ
เทียบต่อปี รายงานจากกรุงบรัสเซลล์ เมื่อ 22 มี.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า
เขตเศรษฐกิจยุโรปเกินดุลการค้าในเดือน ม.ค.47 จำนวน 1.2 พัน ล.ยูโร ลดลงอย่างมากจากเดือน
ธ.ค.46 ที่เกินดุลจำนวน 6.1 พัน ล.ยูโร และจำนวนขาดดุล 1.5 พัน ล.ยูโร เมื่อช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบจากเดือนก่อน ขณะที่นำเข้าลดลงร้อยละ 1.1 ทั้งนี้ ตัวเลข
เกินดุลการค้าเมื่อเดือน ธ.ค.46 ได้ทบทวนใหม่จากที่ประมาณการก่อนหน้านั้นว่าจะเกินดุลจำนวน 5.7 พัน
ล.ยูโร ส่วนตัวเลขทั้งปี 46 ก็ได้รับการทบทวนใหม่ให้เพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่จำนวน 72.7 พัน ล.ยูโร จากที่
ประมาณการไว้ที่จำนวน 72.5 พัน ล.ยูโร อย่างไรก็ตาม ค่าเงินสกุลยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ.
ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะการแข่งขันด้านการส่งออกระหว่าง
กลุ่มประเทศสมาชิกในเขตเศรษฐกิจยุโรป เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ได้รับประโยชน์จากระบบอัตราแลก
เปลี่ยนเงินตราต่างประเทศส่งผลให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
4. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนีในเดือน มี.ค.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เป็นผลจาก
ภาษียาสูบและราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 22 มี.ค.47 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ดัชนี
ราคาผู้บริโภคของเยอรมนีในเดือน มี.ค.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0
เมื่อเทียบต่อปี เป็นไปในทิศทางเดียวกับความคิดเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ซึ่งสำรวจโดยรอยเตอร์ ทั้งนี้
การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคดังกล่าว เป็นผลจากภาษียาสูบที่เพิ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 มี.ค.47 โดยโฆษกประจำ
British American Tobacco กล่าวว่า ราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยอรมนี เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ
13 หรือประมาณ 3.50 ยูโรต่อ 1 หีบห่อ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของภาษียาสูบดังกล่าวมีผลต่อดัชนีราคาผู้บริโภคของ
เยอรมนี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ยาสูบมีสัดส่วนสำคัญถึงร้อยละ 2 ในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค นอกจากนี้ ดัชนี
ราคาผู้บริโภคที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นยังเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น โดยจากการสำรวจเมื่อเดือน ก.พ.47
ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 ซึ่งอาจส่งผลถึงอัตราเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน (รอยเตอร์)
5. ดัชนีวัดแนวโน้มภาคบริการของญี่ปุ่นในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 รายงาน
จากโตเกียว เมื่อ 23 มี.ค.47 ก.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ดัชนีวัดแนวโน้ม
ภาคบริการ ในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนดัชนี
อุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งเป็นดัชนีที่ครอบคลุมถึงประเภทของกิจกรรมทางธุรกิจในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ
2.6 ซึ่งก่อนหน้านี้ผลสำรวจโดยรอยเตอร์ได้คาดการณ์ว่า ดัชนีวัดแนวโน้มภาคบริการและดัชนีอุตสาหกรรมโดย
รวมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 และ 2.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ตัวเลขดัชนีวัดแนวโน้มภาคบริการเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากยอดการค้าปลีก เช่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นเดียวกับยอดการค้าส่งของ
อาหารและเสื้อผ้า อย่างไรก็ตาม ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาในระยะนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่ายอด
การค้าปลีกและการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดของเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น
ความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของอัตราค่าจ้างแรงงาน รวมถึงความมั่นคงในการทำงานน่าจะลดลงได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 46 ญี่ปุ่นมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 13 ปี เนื่อง
จากภาวะการส่งออกของสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ดิจิตอล รถยนต์ และเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดย
เฉพาะการส่งออกไปยังประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก (รอยเตอร์)
6. เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในไตรมาสที่ 4 ปี 46 ขยายตัวร้อยละ 2.7 จากไตรมาสก่อนสูงสุด
ใน
รอบ 2 ปี รายงานจากโซล เมื่อวันที่ 23 มี.ค.47 ธ.กลางเกาหลีใต้รายงาน GDP ของไตรมาสที่ 4 ปี 46
ขยายตัวร้อยละ 2.7 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบต่อปี นับเป็นการขยายตัวต่อไตรมาสสูงสุด
ในรอบ 2 ปีนับจากไตรมาสแรกปี 45 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 3.3 อันเป็นผลจากการส่งออกขยายตัวถึงร้อยละ
10.6 จากไตรมาสก่อน ซึ่งช่วยชดเชยการบริโภคในประเทศที่ลดลงร้อยละ 0.5 จากไตรมาสก่อน อันเป็นผล
จากการขยายตัวของสินเชื่อบุคคลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันชาวเกาหลีใต้ถึง 1 ใน 10 คนมีภาระ
ต้องผ่อนชำระหนี้ ซึ่งส่งผลให้การบริโภคในประเทศชะลอตัวลง โดยตลอดปี 46 เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ซึ่ง
ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของเอเชียขยายตัวร้อยละ 3.1 เทียบกับร้อยละ 7.0 ในปี 45 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ
23/3/47 22/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$)
39.491 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$)
39.2968/39.5858 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ)
1.1200 - 1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท)
681.34/10.26 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ)
7,700/7,800 7,600/7,700 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล)
31.03 31.36 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ก.คลังปรับนโยบายให้ธนาคารเน้นปล่อยสินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ นายสมคิด
จาตุ
ศรีพิทักษ์ รมว.ก.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กับธนาคารรัฐและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธ.
กรุงไทย ธ.พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมฯ (เอสเอ็มอีแบงก์) ธ.อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธ.
เพื่อการเกษตรฯ (ธกส.) ธ.เพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ (เอ็กซิมแบงก์) ธ.ออมสิน และธนาคารพาณิชย์ 2
แห่ง คือ ธ.ไทยพาณิชย์ และ ธ.ทหารไทย โดยขอให้เน้นการขยายสินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
เป็นสำคัญ ไม่จำเป็นต้องเร่งขยายสินเชื่อในเชิงปริมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่ผ่านมา เพราะแนวโน้ม
เศรษฐกิจในปัจจุบันถือว่าฟื้นตัวแล้ว ดังนั้น การปล่อยสินเชื่อต่อจากนี้ไปต้องมีการกำหนดกลยุทธ์และดูทิศทาง
ของตลาดโลก เพื่อช่วยรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเน้นให้ความสำคัญเรื่องการให้ความช่วยเหลือ
ประชาชนในระดับรากหญ้าและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ควบคู่กันไป โดยให้
ธกส. ดูแลกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าภาคการเกษตร เอสเอ็มอีแบงก์ดูแลผู้ประกอบการการเกษตรแปรรูป ธ.
ออมสินดูแลสินเชื่อเรื่องการขยายตลาด ส่วนเอ็กซิมแบงก์และ ธ.กรุงไทยให้ดูแลผู้ประกอบการคนไทยที่ทำ
ธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เป็นเรื่องสำคัญมากใน
อนาคต เพราะฉะนั้น เอ็กซิมแบงก์ควรที่จะให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการได้ว่าสินค้าใดในอนาคตจะเป็นสินค้าที่
เสียโอกาสจากข้อตกลงทางภาษี จะได้หาแนวทางการปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าให้กับผู้ประกอบการได้ทัน ส่วน
ธกส. ต้องสามารถแนะนำลูกค้าได้ว่าแนวโน้มความต้องการตลาดโลกเป็นอย่างไร และภาคธุรกิจใดสมควรที่
จะได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นการเสริมยุทธศาสตร์การดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาล
(โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
2. ก.คลังให้ธนาคารของรัฐรวมตัวแก้ปัญหาสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) นายสมคิด จาตุ
ศรี
พิทักษ์ รมว.ก.คลัง กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้ธนาคารของรัฐร่วมกันแก้ไขปัญหาสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพี
เอ) โดยมอบหมายให้ นายสมใจนึก เอ็งตระกูล ปลัด ก.คลัง เป็นหัวหน้าทีมในการศึกษาความเป็นไปได้
โดยให้ไปหารือร่วมกับ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ธ.กรุงไทย ธ.ไทยธนาคาร และ ธ.นครหลวง
ไทย เพื่อร่วมกันจัดทำระบบรวมให้เกิดประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาเอ็นพีเอ และให้จัดตั้งคณะ
กรรมการกลางขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อทำหน้าที่พิจารณาตัดสินลดหนี้ให้กับลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาหนี้เสีย
ทำได้เร็วขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ธนาคารของรัฐไม่กล้าตัดสินใจลดหนี้เพราะเกรงจะมีความผิด ทำให้
การแก้ปัญหาเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอล่าช้า นอกจากนี้ รมว.ก.คลัง ยังได้สั่งการให้ศึกษาการเชื่อมโยงข้อมูล
เครดิตบูโรระหว่าง 2 บริษัท คือ บริษัทข้อมูลเครดิตกลาง และบริษัทข้อมูลเครดิตไทย เพื่อให้ฐานข้อมูลกว้าง
และสมบูรณ์มากขึ้น ทั้งนี้ ณ เดือน ก.พ.47 ธ.กรุงไทยมีเอ็นพีแอล 7.94 หมื่นล้านบาท เอ็นพีเอ 2.23
หมื่นล้านบาท ธ.นครหลวงไทยมีเอ็นพีแอล 8.58 หมื่นล้านบาท เอ็นพีเอ 1.36 หมื่นล้านบาท และ ธ.ไทย
ธนาคารมีเอ็นพีแอล 7.72 พันล้านบาท เอ็นพีเอ 9.71 พันล้านบาท ส่วน ธอส. ปัจจุบันมีเอ็นพีเอประมาณ
1.3 หมื่นล้านบาท (โพสทูเดย์)
3. ธปท.มั่นใจรัฐวิสาหกิจใช้หนี้ก่อนกำหนด 6.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ไม่กระทบฐานะการเงิน
ของประเทศ ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจมีแผนจะชำระหนี้ก่อนกำหนด จำนวน
6.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ไม่น่าจะกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดที่อยู่ในสภาพเกินดุล ประกอบกับทุนสำรองของ
ไทยขณะนี้มีความแข็งแกร่ง โดย ณ 12 มี.ค.47 อยู่ที่ 4.26 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่เมื่อเดือน
ม.ค.47 ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 812 ล้านดอลลาร์ สรอ. และจากข้อมูลในเดือน ม.ค.47 ยังไม่พบ
เงินทุนไหลออกผิดปกติ แม้นักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการคืนหนี้ต่างประเทศก่อนกำหนดจะ
ช่วยลดแรงกดดันต่ออัตราแลกเปลี่ยนจากการที่มีดอลลาร์ส่วนเกินมาก ทั้งนี้ ตามแผนของรัฐบาลในปีงบประมาณ
47 ก.คลังจะลดหนี้โดยชำระคืนก่อนกำหนดทั้งหนี้ในและต่างประเทศรวม 4 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้เงินบาท
ไปซื้อดอลลาร์เพื่อชำระหนี้โดยมีฐานทุนสำรองที่แข็งแกร่งเป็นตัวแสดงความมั่นคง แต่ไม่ใช่เป็นการนำเอาเงิน
ทุนสำรองไปชำระหนี้โดยตรง (ผู้จัดการ)
4. ธปท.คาดว่าราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจะไม่กระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย
ผู้
ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะไม่กระทบต่ออัตราการเติบโตของจีดีพีของ
ไทยในปีนี้ เนื่องจากการทบทวนในการจัดทำประมาณการทางเศรษฐกิจของ ธปท. ครั้งล่าสุดที่จะเปิดเผยใน
เดือน เม.ย.นี้ ได้รวมผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไว้แล้ว และมั่นใจว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่
น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยเรื่องการลงทุนภาคเอกชนยังดี มีการใช้กำลังการผลิตเต็มอัตราจนต้องเริ่มมี
การลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มการผลิต และคาดว่าจีดีพีจะเติบโตอยู่ในเป้าหมาย คือ 6.3-7.3%
สำหรับราคาน้ำมันดิบดูไบตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ถึงวันที่ 19 มี.ค.47 มีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 29.29 ดอลลาร์
สรอ. ต่อบาร์เรล แต่ ธปท. ใช้สมมติฐานราคาน้ำมันที่จัดทำประมาณการอยู่ที่ 27 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล
โดย ธปท. ชี้แจงว่าผลกระทบด้านลบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น 1 ดอลลาร์ สรอ. มีผลต่อจีดีพีเพียง 0.01%
เท่านั้น (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าสรอ. จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอีก 12 เดือนข้างหน้า แต่ยุโรปจะยังไม่เปลี่ยน
แปลงรายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 47 จากผลการสำรวจนักบริหารกลยุทธ์การลงทุน (bond
strategist) 31 รายในช่วงระหว่างวันที่ 17 | 19 มี.ค. 47 คาดว่า ธ.กลางสรอ. อาจจะปรับเพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 45 ปี ประมาณร้อยละ 0.75 เป็นร้อยละ 1.75 ในราว
เดือนต.ค. ปีนี้หรือเดือนมี.ค. 48 หรือภายหลังจากที่ตลาดแรงงานฟื้นตัว แต่คาดว่าธ.กลางของยูโรโซน
และญี่ปุ่นจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงชะงักงันอยู่ และ
คาดว่าจะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ ธ.กลางยุโรปจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยใน
ระยะเวลาอันใกล้นี้ ในขณะที่ bond strategist 5 คนคาดว่า ธ.กลางยุโรปอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นโยบายลงอีก เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคเนื่องจาก การใช้จ่ายบริโภคเป็นเรื่องสำคัญ แต่ในทางกลับ
กัน ธ.กลางอังกฤษได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อเดือนพ.ย. 46 เพื่อชะลอการก่อหนี้ภาคครัวเรือนแต่
ทั้งๆที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 4.00 ผลักดันให้ต้นทุนเงินกู้ยืมสูงขึ้นไปถึงร้อยละ 4.50 ก็ตาม
อุปสงค์ภายในประเทศก็ยังคงขยายตัวโดยตลาดบ้าน และตลาดแรงงานยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาด
ว่า ธ.กลางอังกฤษอาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกในปีหน้าประมาณร้อยละ 0 .50 ถึงร้อยละ 0.75 (รอย
เตอร์)
2. คาดว่ายอดการขายบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ก.พ.47 จะลดลง แต่แนวโน้มตลาดที่อยู่
อาศัย
ยังคงแข็งแกร่ง รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 22 มี.ค.47 รอยเตอร์รายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของ
นักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่า ยอดการขายบ้านใหม่ของ สรอ.ในเดือน ก.พ.47 อาจจะลดลงเป็นจำนวน
1,098,000 เทียบกับจำนวน 1,106,000 หลังในเดือนก่อนหน้า โดยคาดว่าจะเป็นการลดลงเพียงชั่วคราว
เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของ สรอ.ยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับแรง
สนับสนุนจากการที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองซึ่งเป็นต้นทุนในการกู้ยืมอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้
บริโภคที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการในการเปลี่ยนบ้านใหม่เพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
3. เขตเศรษฐกิจยุโรปเกินดุลการค้าในเดือน ม.ค.47 ลดลงเมื่อเทียบต่อเดือน แต่เพิ่มขึ้นเมื่อ
เทียบต่อปี รายงานจากกรุงบรัสเซลล์ เมื่อ 22 มี.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า
เขตเศรษฐกิจยุโรปเกินดุลการค้าในเดือน ม.ค.47 จำนวน 1.2 พัน ล.ยูโร ลดลงอย่างมากจากเดือน
ธ.ค.46 ที่เกินดุลจำนวน 6.1 พัน ล.ยูโร และจำนวนขาดดุล 1.5 พัน ล.ยูโร เมื่อช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เทียบจากเดือนก่อน ขณะที่นำเข้าลดลงร้อยละ 1.1 ทั้งนี้ ตัวเลข
เกินดุลการค้าเมื่อเดือน ธ.ค.46 ได้ทบทวนใหม่จากที่ประมาณการก่อนหน้านั้นว่าจะเกินดุลจำนวน 5.7 พัน
ล.ยูโร ส่วนตัวเลขทั้งปี 46 ก็ได้รับการทบทวนใหม่ให้เพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่จำนวน 72.7 พัน ล.ยูโร จากที่
ประมาณการไว้ที่จำนวน 72.5 พัน ล.ยูโร อย่างไรก็ตาม ค่าเงินสกุลยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ.
ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะการแข่งขันด้านการส่งออกระหว่าง
กลุ่มประเทศสมาชิกในเขตเศรษฐกิจยุโรป เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ได้รับประโยชน์จากระบบอัตราแลก
เปลี่ยนเงินตราต่างประเทศส่งผลให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
4. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนีในเดือน มี.ค.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เป็นผลจาก
ภาษียาสูบและราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 22 มี.ค.47 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ดัชนี
ราคาผู้บริโภคของเยอรมนีในเดือน มี.ค.47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0
เมื่อเทียบต่อปี เป็นไปในทิศทางเดียวกับความคิดเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ซึ่งสำรวจโดยรอยเตอร์ ทั้งนี้
การเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคดังกล่าว เป็นผลจากภาษียาสูบที่เพิ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 มี.ค.47 โดยโฆษกประจำ
British American Tobacco กล่าวว่า ราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยอรมนี เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ
13 หรือประมาณ 3.50 ยูโรต่อ 1 หีบห่อ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของภาษียาสูบดังกล่าวมีผลต่อดัชนีราคาผู้บริโภคของ
เยอรมนี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ยาสูบมีสัดส่วนสำคัญถึงร้อยละ 2 ในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค นอกจากนี้ ดัชนี
ราคาผู้บริโภคที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นยังเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น โดยจากการสำรวจเมื่อเดือน ก.พ.47
ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 ซึ่งอาจส่งผลถึงอัตราเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน (รอยเตอร์)
5. ดัชนีวัดแนวโน้มภาคบริการของญี่ปุ่นในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 รายงาน
จากโตเกียว เมื่อ 23 มี.ค.47 ก.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ดัชนีวัดแนวโน้ม
ภาคบริการ ในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนดัชนี
อุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งเป็นดัชนีที่ครอบคลุมถึงประเภทของกิจกรรมทางธุรกิจในเดือน ม.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ
2.6 ซึ่งก่อนหน้านี้ผลสำรวจโดยรอยเตอร์ได้คาดการณ์ว่า ดัชนีวัดแนวโน้มภาคบริการและดัชนีอุตสาหกรรมโดย
รวมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 และ 2.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ตัวเลขดัชนีวัดแนวโน้มภาคบริการเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากยอดการค้าปลีก เช่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นเดียวกับยอดการค้าส่งของ
อาหารและเสื้อผ้า อย่างไรก็ตาม ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาในระยะนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่ายอด
การค้าปลีกและการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดของเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น
ความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของอัตราค่าจ้างแรงงาน รวมถึงความมั่นคงในการทำงานน่าจะลดลงได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 46 ญี่ปุ่นมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 13 ปี เนื่อง
จากภาวะการส่งออกของสินค้าหมวดอิเล็กทรอนิกส์ดิจิตอล รถยนต์ และเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดย
เฉพาะการส่งออกไปยังประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก (รอยเตอร์)
6. เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในไตรมาสที่ 4 ปี 46 ขยายตัวร้อยละ 2.7 จากไตรมาสก่อนสูงสุด
ใน
รอบ 2 ปี รายงานจากโซล เมื่อวันที่ 23 มี.ค.47 ธ.กลางเกาหลีใต้รายงาน GDP ของไตรมาสที่ 4 ปี 46
ขยายตัวร้อยละ 2.7 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบต่อปี นับเป็นการขยายตัวต่อไตรมาสสูงสุด
ในรอบ 2 ปีนับจากไตรมาสแรกปี 45 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 3.3 อันเป็นผลจากการส่งออกขยายตัวถึงร้อยละ
10.6 จากไตรมาสก่อน ซึ่งช่วยชดเชยการบริโภคในประเทศที่ลดลงร้อยละ 0.5 จากไตรมาสก่อน อันเป็นผล
จากการขยายตัวของสินเชื่อบุคคลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันชาวเกาหลีใต้ถึง 1 ใน 10 คนมีภาระ
ต้องผ่อนชำระหนี้ ซึ่งส่งผลให้การบริโภคในประเทศชะลอตัวลง โดยตลอดปี 46 เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ซึ่ง
ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของเอเชียขยายตัวร้อยละ 3.1 เทียบกับร้อยละ 7.0 ในปี 45 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ
23/3/47 22/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$)
39.491 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$)
39.2968/39.5858 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ)
1.1200 - 1.2800 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท)
681.34/10.26 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ)
7,700/7,800 7,600/7,700 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล)
31.03 31.36 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท)
16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-