ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. เผยเศรษฐกิจโลกฟื้นอาจกระทบเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของไทย นายบัณฑิต นิจถาวร
รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ปรับตัวดีขึ้น โดย
เฉพาะ สรอ. ที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวชัดเจนตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 46 และญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจขยายตัวถึง 2% ส่วน
เศรษฐกิจในเอเชียขยายตัวเฉลี่ย 4-7% ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย แต่ก็ยังต้องติดตามเรื่องค่าเงินที่จะมี
ความผันผวนและความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในการขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ย และส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายในเศรษฐกิจทั่วโลก (เดลินิวส์, บ้านเมือง)
2. ธปท. แนะภาคอุตสาหกรรมให้พัฒนาสินค้าเพื่อให้แข่งขันกับต่างประเทศได้ นายบัณฑิต นิจ
ถาวร รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพการเงิน ธปท. กล่าวว่า อุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญกับสิ่งท้าทายหลาย
ด้าน อย่างแรกคือ ต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งราคาวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงาน ที่สำคัญคือ
ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนภาวะเงินเฟ้อในประเทศต่าง ๆ ที่มี
แนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ภาคอุตสาหกรรมต้องแข่งขันในการบริหารต้นทุนและนำส่วนเกินจากการบริหารต้น
ทุนเพื่อลงทุนใหม่ (re-investment) ในการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น จึงจะสามารถแข่งขันกับต่าง
ประเทศได้ โดยในระยะสั้น การขยายตัวของอุตสาหกรรมประเภท Copy and Development — C&D ยัง
คงไปได้ดี แต่ในระยะยาวประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกก็สามารถเข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรม C&D ได้เช่นกัน ดัง
นั้น การพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะยาว ไทยต้องให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่ตนเองมีความถนัด (Thai
traditional) เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ต่างประเทศลอกเลียนแบบได้ยาก ทำให้โอกาสที่จะเข้ามาแข่ง
ขันเป็นเรื่องยาก (ผู้จัดการ)
3. กลต. เร่งออกหลักเกณฑ์กำหนดสภาพคล่องตราสารหนี้ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
เลขาธิการ กลต. กล่าวว่า ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีการพัฒนาน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับ สรอ.ที่มีการพัฒนาตรา
สารหนี้คิดเป็น 63% ต่อจีดีพี ปริมาณการซื้อขาย 4% ของมูลค่าคงค้าง มีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้น 12-13 เท่า
ขณะที่ประเทศไทยคิดเป็น 16% ของจีดีพี ปริมาณการซื้อขาย 0.4% ของมูลค่าคงค้าง ดังนั้น การพัฒนาตรา
สารหนี้จะต้องทำให้การบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตั้งตลาดอนุพันธ์ การ
ให้ผู้เล่นสามารถกู้ยืมตราสารหนี้และทำชอร์ตเซลได้ในบางช่วง นอกจากนั้นยังต้องเชื่อมโยงตลาดตราสารหนี้
ไทยกับเอเชียให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของเม็ดเงินเพื่อการลงทุนในเอเชีย จากเดิมที่ประเทศ
แถบเอเชียต้องนำเงินสำรองไปลงทุนในประเทศตะวันตก นอกจากนี้ ตลาดตราสารหนี้ไทยต้องมีโครงสร้างที่
รัดกุมมากขึ้น จะต้องมีการกำกับดูแลผลประโยชน์ผู้ลงทุน ปริมาณการซื้อขาย ปัญหาภาษี แต่ปัญหาเหล่านี้
กระจายอยู่หลายหน่วยงานทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปได้ยาก สำหรับปัญหาของตลาดตราสารหนี้ปีที่แล้ว ขณะนี้
ได้มีการแก้ปัญหาโดยมีแนวทางทำให้เกิดสภาพคล่องในตราสารหนี้ที่กองทุนถือเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต โดย
กลต. ได้หารือกับสมาคมบริษัทจัดการยกร่างหลักเกณฑ์สภาพคล่องตราสารหนี้ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในเร็วๆ นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ราคาน้ำมันโลกอาจผันผวนรุนแรงในรอบ 25 ปี บริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศเปิด
เผยว่า สถานการณ์ด้านราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนมาก จนทำให้คาดการณ์ว่าอาจผันผวนรุนแรงเป็น
ประวัติการณ์หรือในรอบ 25 ปี หลังจากที่ สรอ. พยายามกว้านซื้อน้ำมันจากแหล่งน้ำมันดิบเบรนท์สำรองไว้
ใช้และเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อการร้าย ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงถึงระดับ 38.18
ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ซึ่งเมื่อราคาน้ำมันดิบที่เบรนท์แพงขึ้น ราคาน้ำมันดิบในแหล่งสำคัญของโลกจะ
ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม และจะกระทบต่อแหล่งน้ำมันดิบดูไบซึ่งส่วนใหญ่ส่งให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียและเป็น
ตลาดน้ำมันใหญ่ของไทยก็จะแพงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น รัฐบาลอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายและวางแผน
รับมือสถานการณ์ด้านราคาน้ำมันซึ่งคาดว่าจะเกิดความผันผวนต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ปี 47 เศรษฐกิจโลกจะเติบโตร้อยละ 4.2 รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 25 มี.ค.47 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดการณ์การเติบโต
ของเศรษฐกิจโลกในปี 47 ว่าจะเติบโตร้อยละ 4.2 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจจีนและ สรอ. เป็น
หลัก ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่ง
คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4.0 นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 48
ว่าจะเติบโตลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.8 (รอยเตอร์)
2. ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน มี.ค.47 สูงสุดในรอบ 3 ปี รายงาน
จากลอนดอน เมื่อวันที่ 25 มี.ค.47 ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน มี.ค. 47 เพิ่มขึ้นเป็น
เดือนที่ 5 ติดต่อกัน และมียอดสูงสุดในรอบ 3 ปี ในขณะที่ยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุด
ในรอบ 7 ปี แม้ว่าค่าเงินปอนด์จะแข็งค่าขึ้นโดยอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาและอ่อนตัวลงเล็กน้อยในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.
การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วนถึงประมาณ 1 ใน 5 ของผลผลิตรวมในประเทศของอังกฤษจาก
ความต้องการทั้งในและนอกประเทศที่เพิ่มขึ้นหลังจากชะลอตัวมาเป็นเวลา 7 ปีทำให้เกรงกันว่า ธ.กลาง
อังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน เม.ย. นี้ (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคของทั้งประเทศญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 26 มี.ค.47 ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักซึ่งไม่ราคาอาหารสดของทั้งประเทศญี่ปุ่น
ในเดือน ก.พ.47 ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักของ
เมืองโตเกียวในเดือน มี.ค. 47 ลดลงร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยตัวเลขของ
เมืองหลวงจะประกาศก่อนของทั้งประเทศ 1 เดือน ทั้งนี้ ธ.กลางญี่ปุ่นจะใช้ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของทั้ง
ประเทศในการกำหนดนโยบายการเงินของประเทศ (รอยเตอร์)
4. ยอดขายปลีกของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 26 มี.ค.47 ทางการญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น
เดือนที่ 2 ร้อยละ 0.9 เทียบต่อปี แต่ลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบต่อเดือน ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของยอดขาย
ปลีกเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์ อาหาร และเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม ยอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้นยัง
คงต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 (รอยเตอร์)
5. การใช้จ่ายของผู้ใช้แรงงานของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 เทียบต่อปี
รายงานจากโตเกียว เมื่อ 26 มี.ค.47 The Ministry of Public Management, Home Affairs,
Posts and Telecommunications เปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้ใช้แรงงาน (Wage earner’s
spending) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นดัชนีหลักสำหรับชี้วัดการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 ในเดือน
ก.พ.47 เทียบต่อปี ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของผู้ใช้แรงงานต่อครัวเรือนต่อเดือนในเดือน ก.พ.47 มีจำนวน
314,355 เยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากเดือนก่อน สำหรับดัชนีชี้วัดแนวโน้มการบริโภค ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดสัด
ส่วนที่เหมาะสมของรายได้ที่ครัวเรือนใช้จ่ายในแต่ละเดือน เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 73.6 จากร้อยละ 73 ใน
เดือนก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 26/3/47 25/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.558 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.3461/39.6332 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 664.66/13.90 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,700/7,800 7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.42 31.21 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท. เผยเศรษฐกิจโลกฟื้นอาจกระทบเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของไทย นายบัณฑิต นิจถาวร
รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ปรับตัวดีขึ้น โดย
เฉพาะ สรอ. ที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวชัดเจนตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 46 และญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจขยายตัวถึง 2% ส่วน
เศรษฐกิจในเอเชียขยายตัวเฉลี่ย 4-7% ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย แต่ก็ยังต้องติดตามเรื่องค่าเงินที่จะมี
ความผันผวนและความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในการขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ย และส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายในเศรษฐกิจทั่วโลก (เดลินิวส์, บ้านเมือง)
2. ธปท. แนะภาคอุตสาหกรรมให้พัฒนาสินค้าเพื่อให้แข่งขันกับต่างประเทศได้ นายบัณฑิต นิจ
ถาวร รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพการเงิน ธปท. กล่าวว่า อุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญกับสิ่งท้าทายหลาย
ด้าน อย่างแรกคือ ต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งราคาวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงาน ที่สำคัญคือ
ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนภาวะเงินเฟ้อในประเทศต่าง ๆ ที่มี
แนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ภาคอุตสาหกรรมต้องแข่งขันในการบริหารต้นทุนและนำส่วนเกินจากการบริหารต้น
ทุนเพื่อลงทุนใหม่ (re-investment) ในการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น จึงจะสามารถแข่งขันกับต่าง
ประเทศได้ โดยในระยะสั้น การขยายตัวของอุตสาหกรรมประเภท Copy and Development — C&D ยัง
คงไปได้ดี แต่ในระยะยาวประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกก็สามารถเข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรม C&D ได้เช่นกัน ดัง
นั้น การพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะยาว ไทยต้องให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมที่ตนเองมีความถนัด (Thai
traditional) เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ต่างประเทศลอกเลียนแบบได้ยาก ทำให้โอกาสที่จะเข้ามาแข่ง
ขันเป็นเรื่องยาก (ผู้จัดการ)
3. กลต. เร่งออกหลักเกณฑ์กำหนดสภาพคล่องตราสารหนี้ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
เลขาธิการ กลต. กล่าวว่า ตลาดตราสารหนี้ของไทยมีการพัฒนาน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับ สรอ.ที่มีการพัฒนาตรา
สารหนี้คิดเป็น 63% ต่อจีดีพี ปริมาณการซื้อขาย 4% ของมูลค่าคงค้าง มีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้น 12-13 เท่า
ขณะที่ประเทศไทยคิดเป็น 16% ของจีดีพี ปริมาณการซื้อขาย 0.4% ของมูลค่าคงค้าง ดังนั้น การพัฒนาตรา
สารหนี้จะต้องทำให้การบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตั้งตลาดอนุพันธ์ การ
ให้ผู้เล่นสามารถกู้ยืมตราสารหนี้และทำชอร์ตเซลได้ในบางช่วง นอกจากนั้นยังต้องเชื่อมโยงตลาดตราสารหนี้
ไทยกับเอเชียให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของเม็ดเงินเพื่อการลงทุนในเอเชีย จากเดิมที่ประเทศ
แถบเอเชียต้องนำเงินสำรองไปลงทุนในประเทศตะวันตก นอกจากนี้ ตลาดตราสารหนี้ไทยต้องมีโครงสร้างที่
รัดกุมมากขึ้น จะต้องมีการกำกับดูแลผลประโยชน์ผู้ลงทุน ปริมาณการซื้อขาย ปัญหาภาษี แต่ปัญหาเหล่านี้
กระจายอยู่หลายหน่วยงานทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปได้ยาก สำหรับปัญหาของตลาดตราสารหนี้ปีที่แล้ว ขณะนี้
ได้มีการแก้ปัญหาโดยมีแนวทางทำให้เกิดสภาพคล่องในตราสารหนี้ที่กองทุนถือเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต โดย
กลต. ได้หารือกับสมาคมบริษัทจัดการยกร่างหลักเกณฑ์สภาพคล่องตราสารหนี้ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในเร็วๆ นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ราคาน้ำมันโลกอาจผันผวนรุนแรงในรอบ 25 ปี บริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศเปิด
เผยว่า สถานการณ์ด้านราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนมาก จนทำให้คาดการณ์ว่าอาจผันผวนรุนแรงเป็น
ประวัติการณ์หรือในรอบ 25 ปี หลังจากที่ สรอ. พยายามกว้านซื้อน้ำมันจากแหล่งน้ำมันดิบเบรนท์สำรองไว้
ใช้และเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อการร้าย ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงถึงระดับ 38.18
ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ซึ่งเมื่อราคาน้ำมันดิบที่เบรนท์แพงขึ้น ราคาน้ำมันดิบในแหล่งสำคัญของโลกจะ
ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม และจะกระทบต่อแหล่งน้ำมันดิบดูไบซึ่งส่วนใหญ่ส่งให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียและเป็น
ตลาดน้ำมันใหญ่ของไทยก็จะแพงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น รัฐบาลอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายและวางแผน
รับมือสถานการณ์ด้านราคาน้ำมันซึ่งคาดว่าจะเกิดความผันผวนต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี (ไทยรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ปี 47 เศรษฐกิจโลกจะเติบโตร้อยละ 4.2 รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 25 มี.ค.47 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดการณ์การเติบโต
ของเศรษฐกิจโลกในปี 47 ว่าจะเติบโตร้อยละ 4.2 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจจีนและ สรอ. เป็น
หลัก ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่ง
คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4.0 นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 48
ว่าจะเติบโตลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.8 (รอยเตอร์)
2. ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน มี.ค.47 สูงสุดในรอบ 3 ปี รายงาน
จากลอนดอน เมื่อวันที่ 25 มี.ค.47 ยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน มี.ค. 47 เพิ่มขึ้นเป็น
เดือนที่ 5 ติดต่อกัน และมียอดสูงสุดในรอบ 3 ปี ในขณะที่ยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุด
ในรอบ 7 ปี แม้ว่าค่าเงินปอนด์จะแข็งค่าขึ้นโดยอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาและอ่อนตัวลงเล็กน้อยในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ.
การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วนถึงประมาณ 1 ใน 5 ของผลผลิตรวมในประเทศของอังกฤษจาก
ความต้องการทั้งในและนอกประเทศที่เพิ่มขึ้นหลังจากชะลอตัวมาเป็นเวลา 7 ปีทำให้เกรงกันว่า ธ.กลาง
อังกฤษอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน เม.ย. นี้ (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคของทั้งประเทศญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 26 มี.ค.47 ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักซึ่งไม่ราคาอาหารสดของทั้งประเทศญี่ปุ่น
ในเดือน ก.พ.47 ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักของ
เมืองโตเกียวในเดือน มี.ค. 47 ลดลงร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยตัวเลขของ
เมืองหลวงจะประกาศก่อนของทั้งประเทศ 1 เดือน ทั้งนี้ ธ.กลางญี่ปุ่นจะใช้ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของทั้ง
ประเทศในการกำหนดนโยบายการเงินของประเทศ (รอยเตอร์)
4. ยอดขายปลีกของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 26 มี.ค.47 ทางการญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น
เดือนที่ 2 ร้อยละ 0.9 เทียบต่อปี แต่ลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบต่อเดือน ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของยอดขาย
ปลีกเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์ อาหาร และเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม ยอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้นยัง
คงต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 (รอยเตอร์)
5. การใช้จ่ายของผู้ใช้แรงงานของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 เทียบต่อปี
รายงานจากโตเกียว เมื่อ 26 มี.ค.47 The Ministry of Public Management, Home Affairs,
Posts and Telecommunications เปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้ใช้แรงงาน (Wage earner’s
spending) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นดัชนีหลักสำหรับชี้วัดการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 ในเดือน
ก.พ.47 เทียบต่อปี ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของผู้ใช้แรงงานต่อครัวเรือนต่อเดือนในเดือน ก.พ.47 มีจำนวน
314,355 เยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากเดือนก่อน สำหรับดัชนีชี้วัดแนวโน้มการบริโภค ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดสัด
ส่วนที่เหมาะสมของรายได้ที่ครัวเรือนใช้จ่ายในแต่ละเดือน เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 73.6 จากร้อยละ 73 ใน
เดือนก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 26/3/47 25/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.558 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.3461/39.6332 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 664.66/13.90 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,700/7,800 7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 30.42 31.21 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท.
* ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-