พาณิชย์ปั๊มเศรษฐกิจโต8% "วัฒนา"ยอมเล่นทุกบทสู้ภาวะค้าโลกกดดัน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 30, 2004 11:27 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

หากจัดอันดับกระทรวง ที่มีความสำคัญทาง เศรษฐกิจ กัน กระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นกระทรวงที่ยืนอยู่ ระดับแถวหน้า ไม่แพ้ กระทรวงเกรดเออื่นๆ ดังนั้น รมต.ที่ถูกจับมานั่งวางในตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ตอบได้คำเดียวว่า “คงไม่ธรรมดา” หากไม่เก่งจริงก็คงจะ ต้องมีแบ็กอัพที่ดีอย่างแน่นอน เห็นจากการก้าวกระโดดการเข้ามารับตำแหน่งของนายวัฒนา เมืองสุข เพราะเพียงแค่ 3 ปี ที่เข้ามาโลดแล่นทางการเมือง ก็สามารถเข้ามานั่งในตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ได้อย่างเหนือ ความคาดหมายของหลายคน จนเป็นที่จับตา ซึ่งนายวัฒนา บอกว่า เป็นเพราะได้รับความ ไว้วางใจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แม้กระแสข่าวก่อนที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี “ทักษิณ 8” เก้าอี้ของนายวัฒนา ถูกเขย่าอย่างหนัก ทั้งปัญหาข้าว กุ้ง ลำไย โหมเข้ามา แต่ก็ไม่อาจส่งผลทำให้ เก้าอี้สั่นคลอนไปได้ “ทีมเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสเปิดใจ “วัฒนา เมืองสุข” รมว.พาณิชย์ ถึงภารกิจที่จะต้องเร่ง ดำเนินการเพื่อผลักดันการขยายตัวเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ทั้งเรื่องการส่งออกและการแก้ ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ซึ่งถือเป็นเรื่องปากท้องและใกล้ตัวกับประชาชนในระดับรากหญ้า มากที่สุด รวมทั้งมีข้อครหาจากหลายฝ่าย ที่ถูกจับตามาโดยตลอดว่า “เข้ามาแสวงหา ผลประโยชน์ เอื้อพวกพ้อง โดยเฉพาะภาพการเป็นหลานเขยของเครือเจริญ โภคภัณฑ์” พาณิชย์จัดทัพดันเศรษฐกิจโต รัฐบาล “ทักษิณ” ตั้งเป้าขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 47 ไว้ที่ 8% แต่เป้าหมายนี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ อยู่ที่การทำงานของกระทรวงพาณิชย์เป็นหลัก ทั้งงานที่ เกี่ยวข้องกับการส่งออก และการกระตุ้นการบริโภค ในประเทศ โดยด้านการส่งออก กระทรวงพาณิชย์จะต้องทำให้การขยายตัวในปีนี้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน หรือไม่ต่ำ กว่า 15% ส่วนการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ จะต้องทำให้เกษตรกรซึ่งเป็นระดับรากหญ้า ของประเทศ และมีจำนวนมากที่สุดอยู่ดีกินดี จากการขายสินค้าเกษตรได้ราคาดี จึงต้องเร่งทำ ให้ราคาสินค้าเกษตรปีนี้อยู่ในระดับสูงขึ้น ไม่ตกต่ำเหมือนปีที่ผ่านๆมา เมื่อเกษตรกรมีรายได้ เพิ่มก็จะมีเงินจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจก็จะหมุนดีขึ้น เรียกว่า กระทรวงพาณิชย์มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้เศรษฐกิจไทย ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย เพราะเศรษฐกิจไทยอยู่ได้ด้วยการส่งออกซึ่งมีสัดส่วน ถึง 60% ของจีดีพี และการบริโภคภายในเกือบ 40% ของจีดีพี ส่วนด้าน การท่องเที่ยวมีสัดส่วนน้อยมาก ส่วนนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการสำหรับในด้านการส่งออก ได้แก่ เร่งขยายตลาดใหม่ ให้มากขึ้น ทั้งตลาดจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก แอฟริกา ละตินอเมริกาและ รักษาตลาดเก่าไม่ให้เสียตลาดไปได้ ขณะเดียวกัน ก็เร่งเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับ ประเทศต่างๆ ทั้งจีน อินเดีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย เปรู บาห์เรน เป็นต้น ให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อขยายตลาดส่งออกของไทยให้กว้างขวางขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ต้องเร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ที่เรื้อรังมายาวนาน ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาล มากี่ชุดก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพราะส่วนใหญ่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ดังนั้น จากนี้ไปจะเป็นยุคใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะวางแผน และแก้ปัญหาล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นได้ ซึ่งเมื่อครั้งที่เข้ามารับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ครั้งแรกก็เคย ประกาศลั่นว่า “จะทำให้ราคาข้าวของเกษตรกรเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวนาที่เป็น คนจนได้ลืมตาอ้าปากได้” วางฐานแก้วิกฤติสินค้าเกษตร เริ่มต้นด้วยการแก้ปัญหาราคาข้าว ที่ตกต่ำ กระทรวงพาณิชย์จะ ประกาศราคา รับจำนำข้าวก่อนที่ จะเก็บเกี่ยว ทั้งข้าวนาปีและข้าวนา ปรัง เพื่อให้ชาวนาทราบราคาล่วง หน้า ก็จะไม่ขายข้าวให้กับพ่อค้า คนกลางในราคาที่ถูก ขณะเดียวกัน พ่อค้าคนกลางก็ไม่สามารถกดราคา รับซื้อ ได้ก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ ตลาด ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาตกเขียว ได้ และหากทำกันอย่างเป็นระบบ เชื่อว่าพ่อค้าคนกลาง ที่ชอบกดราคา ชาวนา ก็จะหมดไป ที่สำคัญยังปรับเปลี่ยนระบบรับจำนำข้าวใหม่ เพื่อป้องกันปัญหาทุจริต โดยจะให้เจ้าของโกดัง ที่รัฐเช่าเพื่อเก็บรักษาข้าวร่วมรับผิดชอบข้าว ด้วยการให้วางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 15% ของมูลค่าข้าวที่ฝากในโกดัง เมื่อโรงสีแปรสภาพข้าวแล้วเอามาฝากยังโกดังกลาง หากคุณภาพ ข้าวไม่ได้ตามที่ได้แจ้งไว้ เจ้าของโกดังต้องรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกยึดหลักทรัพย์ ค้ำประกัน และมีความผิดฐานโกงรัฐ ซึ่งเมื่อข้าวในโกดังมีคุณภาพ และเจ้าของโกดังดูแลอย่างดี ไม่ปล่อยน้ำเข้าหรือทำให้ไฟไหม้ บริษัทประกันภัยก็มั่นใจทำประกันภัยมากขึ้น มั่นใจว่าการรับจำนำระบบใหม่นี้จะแก้ปัญหาการทุจริตได้อย่างแน่นอน!! “ทุกขั้นตอนตรวจสอบได้ และตัดคน ที่จะเกี่ยวข้องออกไปหมด ทั้งบริษัท ตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) ที่เคยได้เงินจากการตรวจสอบข้าว ที่คุณภาพไม่ได้ตามที่แจ้งไว้ ให้ได้ตาม ที่แจ้ง กระสอบละเกือบ 10 บาทจากโรงสี หรือพ่อค้า หัวหน้าคลังสินค้าทั้งของ อคส. และ อ.ต.ก. ที่เคยได้ใต้โต๊ะจากการทำผิด ให้เป็นถูก เช่นเดียวกับเซอร์เวเยอร์ หรือ โรงสีที่เคยเอาข้าวใน โกดังไปเวียนเทียน ขายก่อนก็ทำไม่ได้อีก เพราะระบบใหม่ จะมีผู้ถือกุญแจโกดัง 4 คน คือ เจ้าของโกดัง บริษัทประกัน เจ้าหน้าที่ อคส. และ อ.ต.ก. รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย” โดยระบบรับจำนำข้าวแบบใหม่นี้เริ่มใช้ในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 47 ที่เริ่มรับจำนำไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.เป็นต้นมา แต่เชื่อว่าโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือกนาปรังปี 47 รัฐบาลจะไม่ได้ข้าวเลยแม้แต่เม็ดเดียว เพราะขณะนี้ ราคาข้าวที่ชาวนาขายได้ในท้องตลาดอยู่ที่ประมาณ 5,600 บาท/ตัน สูงกว่า ราคารับจำนำที่ 5,100 บาท/ตันเสียอีก สร้างกลไกตลาดลดแทรกแซง การตกต่ำของราคากุ้งที่ผ่านมา ตอนผม เข้ามารับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ใหม่ๆ ราคากุ้งตกต่ำ มากจาก 200 กว่าบาท/ กิโลกรัม เหลือไม่ถึง 100 บาท/กิโลกรัม เพราะน้ำท่วมจังหวัดเพชรบุรี ผู้เลี้ยงกุ้ง เลยเร่งจับขาย ราคาก็ยิ่งตกต่ำ มีการเดิน ขบวนประท้วง เอากุ้งมาเทหน้าลาน พระบรมรูปฯ และแจกฟรี “ผมเรียกมาคุย และขอเวลา แก้ปัญหาภายใน 7 วัน โดยรับปาก จะทำให้ราคากุ้ง ขึ้นมาให้ได้ แต่ขออย่างเดียว ขอให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ หากราคา กุ้งไม่ขึ้น ผมท้า ออกจากตำแหน่ง แต่เพียงขอ 2 วัน ราคากุ้งก็ขยับขึ้นมาทันที โดยที่ยังไม่ได้ใช้ เงินเข้าแทรกแซงแม้แต่บาทเดียว” จากนั้นก็หาทางแก้ปัญหาด้วยการสร้างความต้องการที่แท้จริง สั่งให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด รณรงค์ให้คนกินกุ้งมากขึ้น ร้านอาหาร และภัตตาคารทุกแห่งจะต้องมีเมนูที่ทำจากกุ้งเพิ่มขึ้น และประกาศแทรกแซง แต่ไม่มีผู้เลี้ยงเอามาจำนำกับรัฐ เพราะราคาขยับขึ้นก่อนมาอยู่ที่กว่า 100 บาท/กิโลกรัม ซึ่งผู้เลี้ยงก็พอใจแล้ว แต่วันนี้ที่ราคาเริ่มตกลง เพราะมีคนออกมาพูดมากหลังจากที่สหรัฐฯประกาศไต่สวนการทุ่ม ตลาดกุ้งจากไทย แต่หลังจากที่ผมได้เดินทางไปพูดคุยกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เชื่อว่า สหรัฐฯจะเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดกุ้งไทยในอัตราต่ำอาจจะไม่ถึง 10% จากอัตรา สูงสุดสำหรับไทยที่ประมาณ 57% ซึ่งจะทำให้สถานะของไทยได้เปรียบประเทศ คู่แข่งอีก 5 ประเทศ ที่ถูกไต่สวนการทุ่มตลาด เพราะคาดว่าบางประเทศอาจจะถูกเรียกเก็บอากรตอบโต้ การทุ่มตลาดสูงถึงเกือบ 200% ส่วนผลไม้ที่กำลังจะออกในปีนี้ ทั้งเงาะ ทุเรียน มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ได้วางแผน รองรับไว้ล่วงหน้า แล้วเช่นกัน โดยจะ ให้ห้างค้าปลีกรายใหญ่ ทั้งบิ๊กซี เทสโก้ โลตัส เดอะมอลล์ เป็นต้น เข้าไปซื้อผลผลิต จากเกษตรกรโดยตรง แล้วนำมากระจาย ไปยังสาขาต่างๆ ของแต่ละห้างทั่วประเทศ โดยที่รัฐไม่ต้องลงมือแทรกแซงราคาเอง “ผมว่าการเป็น รมว.พาณิชย์ ต้องเล่น กับตลาดให้เป็นต้องรู้ว่า จะปล่อยสินค้า เข้า-ออกช่วงไหน ชาวนาหรือเกษตรกรจะได้กำไร หรือได้ราคาดี ไม่เสียเปรียบ พ่อค้าคนกลางและท้ายสุดรัฐบาลก็ไม่ต้องเข้ามารับภาระ แทรกแซงราคาหรือ เข้ารับจำนำเหมือนที่ผ่านมา” ขอเป็นพระเอกกู้ราคาสินค้าตก ปัญหาราคาสินค้าเกษตร มักจะเกิดขึ้นจาก การที่มีผลผลิตมาก พอปีไหนสินค้าเกษตร ราคาดี เกษตรกรก็จะแห่ปลูกสินค้านั้นๆ มากขึ้น เช่น ปีที่แล้วเงาะราคาดี ปีนี้ก็จะแห่ ปลูกกันมาก หวังจะได้ราคาดีตามไปด้วย ไม่เคยมีใครเป็นห่วงปัญหานี้อย่างจริงจัง มีแต่ส่งเสริมให้ผลิต มองแต่ด้านการผลิต แต่ไม่มองด้านความต้องการ ของตลาดบ้าง ส่งเสริมให้ผลิต แต่ความต้องการตลาดไม่มี สินค้าก็ขายไม่ได้ ราคาก็ตกต่ำ ประเทศอื่น ต้องดูความต้องการของตลาดก่อน แล้วจึงส่งเสริมการผลิตในประเทศไม่มีที่ ไหนเหมือนประเทศไทย ที่ผลิตก่อนแล้วค่อยหาตลาดภายหลัง จึงทำให้ปัญหาราคาสินค้า เกษตรตกต่ำอยู่ทุกปี แต่ต้องขอร้องว่า เรื่องการทำตลาดข้าว หรือสินค้าเกษตรอื่นๆ นั้น อยากให้เป็นหน้าที่ของผม เพียงคนเดียว เพราะเป็น รมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นกระทรวงค้าขาย ไม่ใช่กระทรวงอื่นๆจะขอขาย ด้วย ถ้าหลายหน่วยงานแย่งกันขาย ราคาจะคุมไม่ได้ โดยเฉพาะราคาข้าว ถ้าประเทศไทย สามารถกำหนดข้าวในตลาดโลกได้จะดีขนาดไหน กระทรวงพาณิชย์จะเน้นหนัก เรื่องช่วยเหลือเกษตรกรให้มากขึ้น เพราะที่ ผ่านมา ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญ พวกผู้ประกอบการสินค้าอุตสาหกรรม ช่วยเหลือ ตัวเองได้แล้ว แต่เกษตรกรช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และไม่มีใครดูแล จึงจำเป็นที่ กระทรวงพาณิชย์จะต้องเข้าไปช่วยเหลือ อย่างเรื่องข้าว ถ้ากระทรวงพาณิชย์ทำราคาให้มีเสถียรภาพได้ ชาวนาก็จะได้ประโยชน์เต็มที่ และไม่เสียเปรียบใคร อย่างก่อนหน้าที่จะเป็น รมว.พาณิชย์ ราคาข้าวขาว 5% ส่งออกอยู่ที่ ประมาณ 180-190 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ส่วนข้าวหอมมะลิแค่ 200 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ก็ดีใจแล้ว แต่ปัจจุบันราคาไหลไปกว่า 200 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ส่วนข้าวหอมมะลิก็กว่า 500 เหรียญสหรัฐฯต่อตันแล้ว ถือเป็นราคาที่สูงมาก ส่วนเรื่องไซโลที่ผลักดันนั้น เพราะต้องการให้มีสถานที่เก็บสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ สามารถ รักษาคุณภาพสินค้าไม่ให้เสื่อมได้ เพราะควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นได้ อย่างข้าวที่ในปัจจุบัน เก็บในโกดังธรรมดา ไม่มีการรักษาอุณหภูมิ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอบยา รมยา รักษา คุณภาพ แต่คงคุณภาพเดิมไม่ได้ 100% เมื่อขายออกไปราคาก็ตกลงมาก แต่ถ้าเก็บในไซโลนาน แค่ไหนราคาก็ไม่ตก แม้ต้องเสียค่าเช่าให้เจ้าของไซโล 246 บาท/ตัน/6 เดือน จากราคาเช่า โกดังธรรมดา 186 บาท/ตัน/6 เดือน ก็ยังถือว่าคุ้มกว่า แต่การสร้างไซโลไม่ได้ให้รัฐบาลลงทุน ต้องการให้เอกชนลงทุนเอง และไม่ได้ ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนรายใดรายหนึ่งเท่านั้น แต่เปิดกว้างให้ทุกราย ที่มีความสามารถ แต่หลังจากที่กรมการค้าภายในได้ออกเงื่อนไขในการก่อสร้าง (ทีโออาร์) ไปแล้ว เป็นเงื่อนไขที่เปิดกว้าง ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องสร้างไซโล ขนาดเท่าใด ถ้ากำหนดก็จะถูกมองว่ามีการล็อกสเปกได้อีก นายกฯการันตี “ผมไม่โกง” “การเข้ามารับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ของผม มีแต่คน ปรามาส ว่าจะทำได้หรือ เพราะดู ภาพแล้วไม่น่าจะมี ความสามารถ มากขนาดนั้น แต่เชื่อว่าที่นายกฯให้ ผมมาเป็น รมว.พาณิชย์ได้ เพราะ เชื่อมั่นในตัวผมว่า จะทำงานตาม นโยบาย ของรัฐบาลได้ และนายกฯ ก็รับประกันแล้วว่า คนอย่างผม ไม่โกงไม่กิน ชาติบ้านเมือง ทุกอย่างที่ทำลงไปก็เพื่อ ผลประโยชน์ ของประเทศทั้งนั้น” ส่วนการเป็นหลานเขยของเครือเจริญโภคภัณฑ์นั้น จะให้ลบภาพออกได้อย่างไร แต่ควรจะดูที่ สมอง และการทำงานมากกว่าว่า มีความสามารถทำได้หรือไม่ สิ่งที่พูดถูกต้องหรือไม่เอาผลงาน มาวัดกันจะดีกว่า ไม่ใช่ดูว่าเป็นหลานเขยใคร อายุเท่าไร หรือกระโดดข้ามหัวใครมาบ้าง ทุกอย่างที่พูด นโยบายที่วางแผน ผมมองเกมล่วงหน้าไว้หมดแล้ว แต่คนอื่นตามไม่ทัน เลยคิดไม่ทันว่าผลจะออกมาอย่างไร อย่างเรื่องราคาข้าว ที่บอกว่าจะต้องสูงขึ้นก็ต้องสูงขึ้น แต่ตอนแรกที่พูดไปไม่มีใครเชื่อ พอตอนนี้จะมาต่อว่าว่าข้าวราคาแพงไปแล้ว ผู้ส่งออกหาซื้อไม่ได้ ส่วนเรื่องระบบรับจำนำข้าว แบบใหม่ ที่ผมเชื่อว่าจะแก้ปัญหาทุจริตได้อย่างเบ็ดเสร็จนั้น เป็นระบบที่สมบูรณ์แบบที่สุด อยากให้ประเทศไทยใช้ระบบจำนำข้าวแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้เปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่ กับคนที่จะเป็น รมว.พาณิชย์แทนว่า จะเห็นตามที่ผมเห็นหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็ไม่เป็น อะไร ถ้าทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม “ไม่เข้าใจว่า ทุกอย่างที่ทำไปมีแต่คนประณาม ทุกคนเป็นโจทก์ ผมเป็นจำเลย คนเดียว เรื่องทุจริตรับจำนำข้าว ผมไม่เกี่ยว แต่มีคนดึงมาโยงกันจนได้ อย่างเรื่องระบายลำไยเน่าในสต๊อกอีก 56,000 ตัน ประกาศขายแล้ว แต่ก็ยังมี คนห้ามไม่ให้ขาย บอกว่าควรตรวจสอบราคากลางก่อน เพราะหากว่าขายต่ำกว่า ราคาตลาด ก็น่าจะคิดได้ว่า ราคาลำไยเน่าที่รับจำนำมาตั้งหลายปีแล้วจะให้มี ราคาดีเท่า ราคาปัจจุบันได้อย่างไร แต่สุดท้ายราคากลางก็ออกมาแล้ว สรุปว่าที่ผมประกาศขายราคาสูงกว่าราคากลาง ก็ไม่เข้าใจว่าจะขัดขากันเอง ทำไม” ดังจะเห็นได้ว่า การเป็น รมว.พาณิชย์ในสภาวะที่การค้าโลกเริ่มกดดันเข้ามาทุกขณะประเทศที่ พัฒนาแล้วต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองให้มากที่สุด นับว่าเป็นเรื่องที่ยากและหนักหนา สาหัสทีเดียว รมว.พาณิชย์ยุคนี้ จึงต้องเล่นบทบาทหลายบทบาทไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะทำเป็น “หูทวนลม พูดอะไรก็ไม่ได้ยิน” หรือ “ปล่อยลูกบ้าออกมาบ้างเพื่อทำให้ สถานการณ์บางอย่างดีขึ้น” หรือแม้กระทั่ง “การบีบน้ำตาคลอเบ้า เพื่อให้ ประเทศมหาอำนาจเห็นใจ” ก็ถือเป็นภารกิจหลักที่สำคัญสำหรับการเป็น รมว.พาณิชย์ ยุคนี้เช่นกัน. กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ