ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ 1. ธปท.ยืนยันอัตราดอกเบี้ยไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นเนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังอยู่ในระดับสูง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยยังคงทรงตัว เนื่องจากสภาพคล่องในระบบสถาบันการเงินยังมีส่วนเกินในระดับที่สูงมาก นอกจากนั้น ยังไม่มีแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากนอกประเทศ เห็นได้จากทิศทางอย่างเป็นทางการที่ออกมายังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าแนวโน้มสินเชื่อในระบบจะเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นก็ตาม แต่ยังไม่มีผลที่จะทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนไปจากที่คงอยู่ในระดับต่ำ สำหรับการที่ ธ.ทหารไทย ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวเป็นจำนวน 0.25% นั้น เชื่อว่าเป็นการปรับเพื่อบริหารเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งเป็นการปรับสภาพคล่องของ ธ.ทหารไทยเพียงแห่งเดียว (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้) 2. สศช.ประเมินว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้อาจส่งผลกระทบต่อจีดีพีหากสถานการณ์ยืดเยื้อ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า หากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ยังคงยืดเยื้อต่อไป ย่อมมีผลกระทบต่อการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้ โดยก่อนหน้านี้ สศช.ได้ประกาศคงประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 47 ไว้ที่ระดับ 7-8% สำหรับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ที่เห็นได้ชัดคือ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงมาก ทำให้การบริโภคสินค้าและบริการลดลงตาม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงภาวะการจ้างงานของคนในพื้นที่จำนวนมาก (กรุงเทพธุรกิจ) 3. เจพีมอร์แกน คาดการณ์ว่าปี 47 ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย จะเป็นแหล่งที่ธุรกรรมควบรวมกิจการร้อนแรงที่สุดในภูมิภาค นายฟิลิปส์ ลี หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ และนายทอดด์ มาริน หัวหน้าร่วมฝ่ายวาณิชธนกิจของ เจ.พี.มอร์แกน ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยกับรอยเตอร์ โดยคาดการณ์ว่า ตลอดปี 47 ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย จะเป็นเป็นแหล่งที่ธุรกรรมควบรวมซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions) หรือเอ็มแอนด์เอ ร้อนแรงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัทที่อยู่ใน 3 ชาติเอเชีย น่าจะได้เปรียบจากภาวะตลาดหุ้นภายในภูมิภาคที่สดใส โดยบริษัทจะใช้หุ้นทุนแลกเปลี่ยนเพื่อซื้อกิจการมากกว่าจะใช้เงินสด (กรุงเทพธุรกิจ) 4. ก.ล.ต.เชื่อมั่นว่าภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ ในขณะนี้ที่ปรับตัวลดลงเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้น กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงของสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ยังคงเป็นปัจจัยกระทบต่อการลงทุนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะมีผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ (โลกวันนี้) 5. สถิติการขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือน ก.พ.47 เพิ่มขึ้น 24.06% เทียบต่อปีตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในเดือน ก.พ.47 มีผู้ประกอบการขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วราชอาณาจักรจำนวน 4,249 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 24.06% คิดเป็นเงินทุนจดทะเบียน 12,065.70 ล.บาท เพิ่มขึ้น 72.49% เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ปรัวตัวดีขึ้นจากมาตรการของรัฐบาล ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจเกิดความมั่นใจในการที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการของตนให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล และสร้างการแข่งขันทั้งตลาดภายในและตลาดต่างประเทศ ส่วนการจดทะเบียนเลิกกิจการมีจำนวน 588 ราย ลดลง 11.18% จากปีก่อน (สยามรัฐ) ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ 1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. เดือน มี.ค.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ 88.3 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 30 มี.ค.47 สำนักวิจัยเอกชน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ. เดือน มี.ค.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ 88.3 จาก 88.5 ในเดือน ก.พ.47 ในขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 86.5 อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าสถานการณ์ทางธุรกิจในเดือน มี.ค. น่าจะดีกว่าเดือน ก.พ. แต่ยังคงรู้สึกว่าการจ้างงานไม่สู้ดีนัก ตลาดแรงงานไม่เพียงแค่ทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นเท่านั้น แต่ยังทำให้มีมุมมองในด้านลบต่อภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้นด้วย ทั้งนี้ จำนวนผู้บริโภคที่กล่าวว่าหางานทำได้ยากในเดือน มี.ค.47 เพิ่มขึ้นถึง 30.0% จาก 28.9% ในเดือน ก.พ.47 ส่วนมุมมองต่อสถานการณ์ในอนาคตของผู้บริโภคดัชนีลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 91.0 จาก 91.9 ในขณะที่มุมมองต่อสถานการณ์ปัจจุบันดัชนีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 84.1 จาก 83.3 (รอยเตอร์) 2. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษเดือน มี.ค.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ -3 รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 30 มี.ค.47 บริษัทวิจัย Martin Hamblin GFK เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.47 ลดลงอยู่ที่ระดับ —3 จาก —2 ในเดือน ก.พ.47 ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะยังคงอยู่ในระดับ —2 เท่าเดิม ซึ่งสาเหตุของการลดลงมาจากความรู้สึกกังวลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้หลังจากขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ในเดือน พ.ย.46 และ ก.พ.47 ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้ารายการใหญ่ ๆ ส่วนกรณีการลอบวางระเบิดรถไฟในประเทศสเปนอาจจะมีผลกระทบต่อการลดลงของดัชนีเดือน มี.ค. เล็กน้อย สำหรับการคาดการณ์ว่าสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจทั่วไปใน 12 เดือนข้างหน้าลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ —12 ในเดือน มี.ค.47 (รอยเตอร์) 3. คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 8 เม.ย.47 นี้ รายงานจากลอนดอน เมื่อ 30 มี.ค.47 Kate Barker สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางอังกฤษ ให้สัมภาษณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 8 เม.ย.47 นี้ แม้ว่าราคาบ้านในเดือนนี้จะสูงขึ้นอีกร้อยละ 1.4 และสูงขึ้นร้อยละ 16.7 ในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาก็ตาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลางอังกฤษ 2 ครั้งที่ผ่านมา ไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการบ้านตามที่ ธ.กลางอังกฤษคาดไว้ แต่เป้าหมายของ ธ.กลางคืออัตราเงินเฟ้อ ไม่ใช่ราคาบ้านและ ธ.กลางอังกฤษก็ไม่ต้องการสร้างความตระหนกให้แก่ผู้บริโภคจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (รอยเตอร์) 4. รอยเตอร์คาดว่า PMI ของญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.47 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน รายงานจากโตเกียว เมื่อ 31 มี.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์พบว่า Purchasing Managers’ Index (PMI) ของญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.47 อยู่ที่ระดับ 55.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.6 ในเดือนก่อน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน (พ.ย.46) ที่ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นในธุรกิจได้เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ภาคโรงงานยังคงมีอุปสงค์ที่เฉื่อยชาอยู่ โดยจะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของ unfilled work orders รวมทั้งการที่วัตถุดิบโดยเฉพาะเหล็กมีราคาสูงขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบนั่นเอง (รอยเตอร์) 5. รอยเตอร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.47 จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 รายงานจากโซล เมื่อ 30 มี.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.47 จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ระดับร้อยละ 0.8 เทียบต่อเดือน (ตัวเลขก่อนปรับฤดูกาล) เนื่องจากราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งส่งผลให้ต้นทุนสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น ส่วนในเดือน ก.พ.47 ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) เทียบต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ธ.กลางเกาหลีใต้มีเป้าหมายจะรักษาภาวะเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของเกาหลีใต้จะทบทวนเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันพฤหัสบดีที่ 8 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยข้ามคืนของเกาหลีใต้อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 3.75 ตั้งแต่เดือน ก.ค.46 เนื่องจากผลกระทบทางด้านเครดิตในระบบสถาบันการเงิน ตลอดจนตลาดแรงงานที่ซบเซาส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าภาคการส่งออกจะเฟื่องฟูก็ตาม โดย ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน มี.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้จะประกาศในวันพฤหัสบดีที่ 1 เม.ย.นี้ (รอยเตอร์)ข้อมูลเศรษฐกิจ 31/3/47 30/3/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.552 39.263 ธปท. อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.3825/39.6617 39.0915/39.3765 ธปท. อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.20 - 1.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 649.21/12.44 698.90/29.26 ตลท. ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,750/7,850 7,750/7,850 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 31.26 29.78 28.18 ปตท./รอยเตอร์ ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* 16.99*/14.59* ปตท. * ปรับเลด เมื่อ 10 ม.ค.47 ตามนโยบายรักษาเสถึยรภาพราคาน้ำมันของรัฐบาล