1 เสถียรภาพในประเทศ
จากเครื่องชี้เสถียรภาพในประเทศเดือนนี้ อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง
รายละเอียดของเครื่องชี้เสถียรภาพในประเทศมีดังนี้
- อัตราเงินเฟ้อ ในเดือนกรกฎาคม 2548 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.3 โดยราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 จากการเพิ่มขึ้นของราคาไก่สด ปลา และสัตว์น้ำ เนื่องจากผลผลิตมีน้อย รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์นม และอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้านซึ่งปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ สำหรับราคา ในหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.9 เร่งตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 จากการปรับขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าโดยสารสาธารณะตามต้นทุน ค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งกดดันให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งตัวสูงขึ้นมากจากร้อยละ 1.3 ในเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ในเดือนนี้
-อัตราการว่างงาน
ในเดือนกรกฎาคม 2548 อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.4 ของกำลังแรงงานรวม ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ การจ้างงานในภาคเกษตรยังคง ลดลงต่อเนื่อง โดยลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.6 จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งต่อเนื่อง แรงงานบางส่วนจึงได้ โยกย้ายสู่ภาคนอกเกษตรมากขึ้น ส่งผลให้การจ้างงานในภาคนอกเกษตรขยายตัวร้อยละ 3.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสาขาที่มีการจ้างงานขยายตัวดี คือ การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการค้าส่งและค้าปลีก ซึ่งขยายตัวในอัตราร้อยละ 5.4 และ 4.8 ตามลำดับ
- หนี้สาธารณะ
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 หนี้สาธารณะมีจำนวน3,210 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิจากเดือนก่อน 29.5 พันล้านบาทตามการเพิ่มขึ้นของหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 38.4 พันล้านบาท จากการชำระภาระอาวัลของบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด นอกจากนี้ หนี้รัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่มิใช่สถาบันการเงินเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 13.4 พันล้านบาท ขณะที่หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงได้ปรับลดลง จากการชำระคืนหนี้ที่รัฐบาลกู้มาเพื่อชดเชยการขาดดุลเงินงบประมาณ ทำให้โดยรวมแล้วหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในเดือนนี้อยู่ร้อยละ 44.6 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน
2 เสถียรภาพต่างประเทศ
หนี้ต่างประเทศ
หนี้ต่างประเทศรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 มียอดหนี้คงค้าง 48.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยยอดหนี้สุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 0.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากหนี้ภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคาร แต่เนื่องจากเงินเยนมีค่าอ่อนลง ทำให้เมื่อตีราคาหนี้ในสกุลเงินเยนเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ ทำให้ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ
โครงสร้างหนี้ต่างประเทศ หนี้ระยะสั้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.3 ของหนี้ต่างประเทศทั้งหมด เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 27.5 ในเดือนก่อนจากสินเชื่อการค้าที่เพิ่มขึ้น
หนี้ภาคเอกชน มียอดคงค้าง 34.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยในเดือนนี้ภาคธนาคารมีการชำระคืนหนี้ 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากหนี้เงินกู้ระยะยาวของกิจการวิเทศธนกิจ ขณะที่หนี้ภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคารเพิ่มขึ้น 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากการได้รับสินเชื่อการค้าเป็นสำคัญ ส่งผลให้หนี้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นสุทธิ 0.6 พันล้านดอลลาร์สรอ. แต่ผลของการอ่อนค่าของเงินเยน ทำให้หนี้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเพียง 0.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อตีราคาหนี้เป็น สกุลเงินดอลลาร์ สรอ
หนี้ภาคทางการ ลดลง 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ จากการชำระคืนเงินกู้สุทธิของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจโดยบางส่วนเป็นการ Refinance โดยการออกตราสารหนี้ยาว (Samurai Bond) อย่างไรก็ตาม ผลจากการตีราคาหนี้ที่ลดลงตามการอ่อนค่าของเงินเยน ส่งผลให้ยอดคงค้าง หนี้ภาคทางการลดลงทั้งสิ้น 0.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
- เงินสำรองระหว่างประเทศ
เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2548 เท่ากับ 48.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 3.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
- ดัชนีชี้วัดเสถียรภาพต่างประเทศ
เสถียรภาพต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดีโดยสัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่อการส่งออกสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสามารถในการชำระหนี้ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี สัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ระยะสั้น และ สัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศต่อมูลค่าการนำเข้า ลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการลดลงของเงินสำรองระหว่างประเทศและยอดหนี้คงค้างระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าการนำเข้าสูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดี สัดส่วนทั้งสองยังอยู่ในเกณฑ์สูง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
จากเครื่องชี้เสถียรภาพในประเทศเดือนนี้ อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง
รายละเอียดของเครื่องชี้เสถียรภาพในประเทศมีดังนี้
- อัตราเงินเฟ้อ ในเดือนกรกฎาคม 2548 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.3 โดยราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 จากการเพิ่มขึ้นของราคาไก่สด ปลา และสัตว์น้ำ เนื่องจากผลผลิตมีน้อย รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์นม และอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้านซึ่งปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ สำหรับราคา ในหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.9 เร่งตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 จากการปรับขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าโดยสารสาธารณะตามต้นทุน ค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งกดดันให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งตัวสูงขึ้นมากจากร้อยละ 1.3 ในเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ในเดือนนี้
-อัตราการว่างงาน
ในเดือนกรกฎาคม 2548 อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.4 ของกำลังแรงงานรวม ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ การจ้างงานในภาคเกษตรยังคง ลดลงต่อเนื่อง โดยลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.6 จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งต่อเนื่อง แรงงานบางส่วนจึงได้ โยกย้ายสู่ภาคนอกเกษตรมากขึ้น ส่งผลให้การจ้างงานในภาคนอกเกษตรขยายตัวร้อยละ 3.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสาขาที่มีการจ้างงานขยายตัวดี คือ การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการค้าส่งและค้าปลีก ซึ่งขยายตัวในอัตราร้อยละ 5.4 และ 4.8 ตามลำดับ
- หนี้สาธารณะ
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 หนี้สาธารณะมีจำนวน3,210 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิจากเดือนก่อน 29.5 พันล้านบาทตามการเพิ่มขึ้นของหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 38.4 พันล้านบาท จากการชำระภาระอาวัลของบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด นอกจากนี้ หนี้รัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่มิใช่สถาบันการเงินเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 13.4 พันล้านบาท ขณะที่หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงได้ปรับลดลง จากการชำระคืนหนี้ที่รัฐบาลกู้มาเพื่อชดเชยการขาดดุลเงินงบประมาณ ทำให้โดยรวมแล้วหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในเดือนนี้อยู่ร้อยละ 44.6 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน
2 เสถียรภาพต่างประเทศ
หนี้ต่างประเทศ
หนี้ต่างประเทศรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 มียอดหนี้คงค้าง 48.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยยอดหนี้สุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 0.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากหนี้ภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคาร แต่เนื่องจากเงินเยนมีค่าอ่อนลง ทำให้เมื่อตีราคาหนี้ในสกุลเงินเยนเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ ทำให้ยอดคงค้างหนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ
โครงสร้างหนี้ต่างประเทศ หนี้ระยะสั้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.3 ของหนี้ต่างประเทศทั้งหมด เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 27.5 ในเดือนก่อนจากสินเชื่อการค้าที่เพิ่มขึ้น
หนี้ภาคเอกชน มียอดคงค้าง 34.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยในเดือนนี้ภาคธนาคารมีการชำระคืนหนี้ 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากหนี้เงินกู้ระยะยาวของกิจการวิเทศธนกิจ ขณะที่หนี้ภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคารเพิ่มขึ้น 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากการได้รับสินเชื่อการค้าเป็นสำคัญ ส่งผลให้หนี้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นสุทธิ 0.6 พันล้านดอลลาร์สรอ. แต่ผลของการอ่อนค่าของเงินเยน ทำให้หนี้ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเพียง 0.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อตีราคาหนี้เป็น สกุลเงินดอลลาร์ สรอ
หนี้ภาคทางการ ลดลง 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ จากการชำระคืนเงินกู้สุทธิของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจโดยบางส่วนเป็นการ Refinance โดยการออกตราสารหนี้ยาว (Samurai Bond) อย่างไรก็ตาม ผลจากการตีราคาหนี้ที่ลดลงตามการอ่อนค่าของเงินเยน ส่งผลให้ยอดคงค้าง หนี้ภาคทางการลดลงทั้งสิ้น 0.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
- เงินสำรองระหว่างประเทศ
เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2548 เท่ากับ 48.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 3.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
- ดัชนีชี้วัดเสถียรภาพต่างประเทศ
เสถียรภาพต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดีโดยสัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่อการส่งออกสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสามารถในการชำระหนี้ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี สัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ระยะสั้น และ สัดส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศต่อมูลค่าการนำเข้า ลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการลดลงของเงินสำรองระหว่างประเทศและยอดหนี้คงค้างระยะสั้นที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าการนำเข้าสูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดี สัดส่วนทั้งสองยังอยู่ในเกณฑ์สูง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--