ภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือโดยรวมในเดือนมีนาคม 2547 ยังขยายตัวต่อเนื่อง ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวสูงตามความต้องการของตลาดต่างประเทศเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคบริการขยายตัวดี เนื่องจากไม่ประสบปัญหาความกังวลเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) เช่นปีก่อน แต่สำหรับรายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักลดลงตามราคาสินค้าเกษตร ส่วนการบริโภคเนื้อและไข่ไก่ฟื้นตัวช้าๆ แต่ยังอ่อนไหวต่อข่าวการระบาดที่มีเป็นระยะ ขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเร่งตัวขึ้นมาก ด้านเงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ขยายตัวบ้าง แต่สำหรับเงินให้สินเชื่อขยายตัวในเกณฑ์สูง ตอบสนองภาวะการค้าและการลงทุนปรับปรุงการผลิตของอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร
ไตรมาสแรกปีนี้ เศรษฐกิจภาคเหนือขยายตัวดีโดยรวม โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวดีตอบสนองการส่งออก ภาคบริการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน จากสายการบินราคาถูกและการเพิ่มเที่ยวบินตรงมาจังหวัดเชียงใหม่ และการจัดประชุมสัมมนาภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักและเลี้ยงไก่ลดลง ขณะที่การลงทุนก่อสร้างโดยเฉพาะที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง จากการเร่งซื้อขายก่อนสิ้นสุดมาตรการด้านภาษีเมื่อปลายปีก่อน และผลจากราคาเหล็กเส้นที่สูงขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ภาคเกษตร ผลผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.7 ตามการขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง โดยอ้อยโรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 จากการส่งเสริมของโรงงานน้ำตาล ส่วนผลผลิตมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 จากแรงจูงใจด้านราคาในฤดูการผลิตก่อนที่อยู่ในเกณฑ์ดี แต่ราคาพืชผลหลักลดลงร้อยละ 14.6 และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง จากราคาอ้อยโรงงานที่ลดลงร้อยละ 4.6 ส่วนราคากระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ลดลงร้อยละ 13.0 ร้อยละ 27.9 และร้อยละ 77.8 ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดมากและต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้า ทำให้ผลให้รายได้เกษตรจากพืชผลหลักของภาคเหนือลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.9
ไตรมาสแรกปี 2547 ผลผลิตพืชสำคัญของภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตอ้อยโรงงานร้อยละ 2.7 และมันสำปะหลังร้อยละ 11.8 แต่ราคาพืชผลหลักลดลงร้อยละ 11.4 ตามราคาอ้อยโรงงาน กระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ ที่ลดลงร้อยละ 4.6 ร้อยละ 38.1 ร้อยละ 34.6 และร้อยละ 71.6 ตามลำดับ ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลงร้อยละ 5.9 สำหรับผลกระทบจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกในไก่ ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ประชาชนกลับมาบริโภคไข่และเนื้อไก่อยู่ที่ระดับประมาณร้อยละ 50-60 และร้อยละ 30-50 ของภาวะปกติ ตามลำดับ ในขณะที่อุปทานไข่ลดลงมากจากการทำลายไก่ ส่งผลให้ราคาไข่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตขยายตัวในเกณฑ์ดี มูลค่าการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยสามารถผลิตและส่งออกเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 40.5 เป็น 142.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามความต้องการสินค้าเทคโนโลยีใหม่ของตลาดต่างประเทศ ส่วนการผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เป็น 470.9 พันเมตริกตัน ตามผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพอ้อยที่มีค่าความหวานสูงขึ้น และการผลิตสังกะสีลดลงร้อยละ 37.4 เหลือ 6,401 เมตริกตัน
ไตรมาสแรก ปี 2547 การผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือยังขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.1 ส่วนผลผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 จากการขยายพื้นที่เพาะปลูก และอ้อยไฟไหม้ลดลงทำให้ค่าความหวานเพิ่มขึ้น การผลิตสังกะสีลดลงร้อยละ 13.0 จากปัญหาการดำเนินงาน และสินแร่ในประเทศเหลือน้อย
3. ภาคบริการ ขยายตัวดี เนื่องจากไม่ประสบปัญหาความกังวลเกี่ยวกับโรค SARS นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่สนับสนุนคือ หมีแพนด้าและภาวะการแข่งขันด้านราคาของสายการบินราคาถูก (Low Fare Airline) จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 โดยท่าอากาศยานเชียงใหม่ และเชียงราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.9 และร้อยละ 12.4 ด้านอัตราการเข้าพักเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นจากร้อยละ 51.2 ระยะเดียวกันปีก่อนเป็นร้อยละ 52.8 และราคาห้องพักเฉลี่ยต่อห้องเพิ่มขึ้นจาก 758.4 บาท ระยะเดียวกันปีก่อน เป็น 835.0 บาท
ไตรมาสแรกปี 2547 อยู่ในเกณฑ์ขยายตัว เนื่องจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นและการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทางการ ประกอบกับการแข่งขันด้านราคาของสายการบินราคาถูก (Low Fare Airline) การจัดประชุมสัมมนาภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและสปา อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศส่วนหนึ่งชะลอการ เดินทางจากข่าวการระบาดของโรคไข้หวัดนก แต่ผลกระทบมีน้อยเมื่อเทียบกับข่าวโรค SARS ปีก่อน ทำให้จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.6 ด้านอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 61.1 เป็นร้อยละ 63.9 ราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 838.3 เป็น 934.0 บาทต่อห้อง
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากรายได้ในภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ และการกระตุ้นอุปสงค์ โดยมีเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยาวนานมากขึ้น การนำยานยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด และการส่งเสริมการขาย กิจกรรมการบริโภคสำคัญเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ ซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 โดยขยายตัวเกือบทุกจังหวัดภาคเหนือ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บจากธุรกิจประเภทการขายส่งขายปลีกฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนเร่งตัวขึ้นร้อยละ 10.7 อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการใช้จ่ายชะลอลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ทั้งยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์และรถยนต์และภาษีมูลค่าเพิ่ม
ไตรมาสแรก ปี 2547 ชะลอลงเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากรายได้ในภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น การจ้างงานสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ และการกระตุ้นอุปสงค์ในด้านต่างๆ เช่น การแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ ตลอดจนการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ทำให้ทุกกิจกรรมของการบริโภคปรับตัวสูงขึ้นมาก
5. การลงทุนภาคเอกชน ชะลอลงตามการลงทุนก่อสร้าง ต่อเนื่องจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของธุรกิจและประชาชน อย่างไรก็ตาม สัญญาณการลงทุนก่อสร้างในจังหวัดสำคัญ อาทิ เชียงใหม่ อยู่ในเกณฑ์ดี ค่าธรรมเนียมขายและขายฝากที่ดินเพิ่มขึ้นในอัตราสูงร้อยละ 95.6 ตามธุรกรรมที่มีเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของผู้ประกอบการโรงแรมและหมู่บ้านจัดสรรจากส่วนกลาง พื้นที่ก่อสร้างรับอนุญาตในเขตเทศบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 ด้านการลงทุนผลิตอยู่ในเกณฑ์ดี มูลค่านำเข้าสินค้าทุนประเภทเครื่องจักรกลและส่วนประกอบอยู่ในระดับสูง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 92.8 ตามการขยายตัวของการส่งออก ขณะที่โรงงานจดทะเบียนตั้งใหม่ชะลอลงจากเดือนก่อนแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
ไตรมาสแรก ปี 2547 การลงทุนภาคเอกชนชะลอลงตามการลงทุนก่อสร้างจากการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาเหล็กซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน กิจกรรมการลงทุน ได้แก่ ค่าธรรมเนียมขายและขายฝากที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4 แต่พื้นที่ก่อสร้างรับอนุญาตในเขตเทศบาลลดลงร้อยละ 2.8 เป็นผลจากการชะลอตัวของพื้นที่ก่อสร้างฯ ประเภทที่อยู่อาศัยและประเภทพาณิชยกรรม เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การลงทุนผลิตอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อผลิตสินค้าเกษตรและเกี่ยวเนื่องกับการเกษตร ขนส่ง อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์พลาสติก โครงการได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.9 แต่มูลค่าเงินลงทุนอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยส่วนใหญ่สนใจลงทุนผลิตวัสดุ โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเกษตร
6. การคลัง การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลผ่านสำนักงานคลังจังหวัดและคลังอำเภอในภาคเหนือชะลอตัว โดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 3.8 เป็น 10,817.7 ล้านบาท จากรายจ่ายลงทุนที่ลดลงร้อยละ 8.6 เหลือ 3,861.1 ล้านบาท ขณะที่รายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 เป็น 6,956.6 สำหรับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 เป็น 1,336.6 ล้านบาท จากการขยายตัวของการจัดเก็บในหมวดภาษี ภาษีธุรกิจเฉพาะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ทำให้ดุลในงบประมาณขาดดุล 9,481.1 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 9,191.4 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน
ไตรมาสแรก ปี 2547 รายจ่ายของรัฐบาล เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.8 เป็น 29,090.4 ล้านบาท จากรายจ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2 และรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 สำหรับรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 เป็น 3,585.4 จากการเพิ่มขึ้นในหมวดภาษี โดยเฉพาะภาษีธุรกิจเฉพาะเกือบ 2 เท่า ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 และร้อยละ 12.6 ตามลำดับ ทำให้ดุลในงบประมาณขาดดุล 25,505.0 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 23,462.8 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน
7. การค้าต่างประเทศ การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.0 เป็น 188.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการส่งออกสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.5 เป็น 142.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากความต้องการสินค้าเทคโนโลยีใหม่ เช่น โทรศัพท์มือถือจอสีรุ่นใหม่และกล้องดิจิตอล ด้านการส่งออกสินค้าผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.8 เป็น 12.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. การส่งออกชายแดน เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.4 เป็น 34.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกไปพม่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จากการที่พม่าผ่อนคลายความเข้มงวด ขณะที่การส่งออกไปจีนตอนใต้ลดลงร้อยละ 49.7 ส่วนการส่งออกไปลาวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.9 เป็น 1.8 ล้านดอลลาร์ สรอ.
การนำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.7 เป็น 110.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. แยกเป็นการนำเข้าสินค้าของนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.7 โดยนำเข้าเครื่องจักร และวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ส่วนการนำเข้าผ่านชายแดน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็น 5.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากพม่าและจีนตอนใต้ โดยการนำเข้าจากพม่าเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัว จากการนำเข้าโค-กระบือ ผลิตภัณฑ์จากพืชสวน และสัตว์น้ำ การนำเข้าสินค้าจากจีนตอนใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.2 ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ การนำเข้าจากลาวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จากการนำเข้าลิกไนต์และผลิตภัณฑ์จากไม้ ดุลการค้า ในเดือนมีนาคม 2547 เกินดุล 58.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนที่เกินดุลเพียง 32.2 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ไตรมาสแรก ปี 2547 การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.3 เป็น 518.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเพิ่มขึ้นทั้งการส่งออกจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือร้อยละ 39.1 และที่ผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ร้อยละ 3.5 ส่วนการส่งออกชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.3 จากพม่าลดความเข้มงวดในการตรวจจับสินค้าไทย ขณะที่การส่งสินค้าไปจีนตอนใต้ มีอุปสรรค การนำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.8 นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.6 ขณะที่การนำเข้าผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ลดลงร้อยละ 16.3 ส่วนการนำเข้าผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 90.1 โดยเพิ่มขึ้นทั้งการนำเข้าจากพม่า จีนตอนใต้ และลาว ส่งผลให้ ดุลการค้า ในไตรมาสแรกปี 2547 เกินดุล 174.7 ล้านดอลลาร์ สรอ.
8. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.5 เร่งตัวขึ้นมาก เทียบกับร้อยละ 1.9 เดือนก่อน จากสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงาน โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 ตามราคาผักและผลไม้ ข้าวสารเจ้าหอมมะลิ และเนื้อสุกร ส่วนราคาหมวดอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เนื่องจากค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามค่าเอฟที
ไตรมาสแรก ปี 2547 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เร่งตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 ตามราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ส่วนราคาหมวดอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากค่าเอฟทีไฟฟ้า เป็นสำคัญ สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.2 ตามราคาค่าเช่าบ้านที่ลดลงต่อเนื่อง
9. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เดือนกุมภาพันธ์ 2547 พบว่า ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวม 6.5 ล้านคน ประกอบด้วยผู้มีงานทำ 6.3 ล้านคน ผู้ว่างงาน 0.2 ล้านคน และผู้รอฤดูกาล 85 พันคน ด้านภาวะการมีงานทำมีอัตราการจ้างงานร้อยละ 96.2 ต่ำกว่าร้อยละ 96.8 เดือนเดียวกันปีก่อน ตามการจ้างงานในภาคเกษตรลดลง อย่างไรก็ตาม การจ้างงานนอกภาคเกษตรยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการขยายตัวของภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการศึกษา และภาวะการท่องเที่ยวอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 2.5 สูงกว่าร้อยละ 1.9 ระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากภาวะความไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งต้องการแรงงานที่มีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ขณะที่ผู้ว่างงานส่วนใหญ่อยู่ในระดับปริญญาตรี
10. การเงิน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2547 ปริมาณเงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือมียอดคงค้าง 286,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.0 ส่วนหนี่งเกิดจากเงินโอนของส่วนราชการ ด้านสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์มียอดคงค้าง 204,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.5 เร่งตัวจากเดือนก่อน จากการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจซื้อขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในเขตภาคเหนือตอนบน และธุรกิจโรงสีในภาคเหนือตอนล่าง และยังมีการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--
-ยก-
ไตรมาสแรกปีนี้ เศรษฐกิจภาคเหนือขยายตัวดีโดยรวม โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวดีตอบสนองการส่งออก ภาคบริการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน จากสายการบินราคาถูกและการเพิ่มเที่ยวบินตรงมาจังหวัดเชียงใหม่ และการจัดประชุมสัมมนาภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักและเลี้ยงไก่ลดลง ขณะที่การลงทุนก่อสร้างโดยเฉพาะที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง จากการเร่งซื้อขายก่อนสิ้นสุดมาตรการด้านภาษีเมื่อปลายปีก่อน และผลจากราคาเหล็กเส้นที่สูงขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ภาคเกษตร ผลผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.7 ตามการขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อยและมันสำปะหลัง โดยอ้อยโรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 จากการส่งเสริมของโรงงานน้ำตาล ส่วนผลผลิตมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 จากแรงจูงใจด้านราคาในฤดูการผลิตก่อนที่อยู่ในเกณฑ์ดี แต่ราคาพืชผลหลักลดลงร้อยละ 14.6 และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง จากราคาอ้อยโรงงานที่ลดลงร้อยละ 4.6 ส่วนราคากระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ลดลงร้อยละ 13.0 ร้อยละ 27.9 และร้อยละ 77.8 ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดมากและต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้า ทำให้ผลให้รายได้เกษตรจากพืชผลหลักของภาคเหนือลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.9
ไตรมาสแรกปี 2547 ผลผลิตพืชสำคัญของภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตอ้อยโรงงานร้อยละ 2.7 และมันสำปะหลังร้อยละ 11.8 แต่ราคาพืชผลหลักลดลงร้อยละ 11.4 ตามราคาอ้อยโรงงาน กระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ ที่ลดลงร้อยละ 4.6 ร้อยละ 38.1 ร้อยละ 34.6 และร้อยละ 71.6 ตามลำดับ ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลงร้อยละ 5.9 สำหรับผลกระทบจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกในไก่ ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ประชาชนกลับมาบริโภคไข่และเนื้อไก่อยู่ที่ระดับประมาณร้อยละ 50-60 และร้อยละ 30-50 ของภาวะปกติ ตามลำดับ ในขณะที่อุปทานไข่ลดลงมากจากการทำลายไก่ ส่งผลให้ราคาไข่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. ภาคอุตสาหกรรม การผลิตขยายตัวในเกณฑ์ดี มูลค่าการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยสามารถผลิตและส่งออกเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 40.5 เป็น 142.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามความต้องการสินค้าเทคโนโลยีใหม่ของตลาดต่างประเทศ ส่วนการผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เป็น 470.9 พันเมตริกตัน ตามผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพอ้อยที่มีค่าความหวานสูงขึ้น และการผลิตสังกะสีลดลงร้อยละ 37.4 เหลือ 6,401 เมตริกตัน
ไตรมาสแรก ปี 2547 การผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือยังขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.1 ส่วนผลผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 จากการขยายพื้นที่เพาะปลูก และอ้อยไฟไหม้ลดลงทำให้ค่าความหวานเพิ่มขึ้น การผลิตสังกะสีลดลงร้อยละ 13.0 จากปัญหาการดำเนินงาน และสินแร่ในประเทศเหลือน้อย
3. ภาคบริการ ขยายตัวดี เนื่องจากไม่ประสบปัญหาความกังวลเกี่ยวกับโรค SARS นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่สนับสนุนคือ หมีแพนด้าและภาวะการแข่งขันด้านราคาของสายการบินราคาถูก (Low Fare Airline) จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 โดยท่าอากาศยานเชียงใหม่ และเชียงราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.9 และร้อยละ 12.4 ด้านอัตราการเข้าพักเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นจากร้อยละ 51.2 ระยะเดียวกันปีก่อนเป็นร้อยละ 52.8 และราคาห้องพักเฉลี่ยต่อห้องเพิ่มขึ้นจาก 758.4 บาท ระยะเดียวกันปีก่อน เป็น 835.0 บาท
ไตรมาสแรกปี 2547 อยู่ในเกณฑ์ขยายตัว เนื่องจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นและการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทางการ ประกอบกับการแข่งขันด้านราคาของสายการบินราคาถูก (Low Fare Airline) การจัดประชุมสัมมนาภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและสปา อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศส่วนหนึ่งชะลอการ เดินทางจากข่าวการระบาดของโรคไข้หวัดนก แต่ผลกระทบมีน้อยเมื่อเทียบกับข่าวโรค SARS ปีก่อน ทำให้จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.6 ด้านอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 61.1 เป็นร้อยละ 63.9 ราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 838.3 เป็น 934.0 บาทต่อห้อง
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากรายได้ในภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ และการกระตุ้นอุปสงค์ โดยมีเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยาวนานมากขึ้น การนำยานยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด และการส่งเสริมการขาย กิจกรรมการบริโภคสำคัญเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ ซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 เดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 โดยขยายตัวเกือบทุกจังหวัดภาคเหนือ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บจากธุรกิจประเภทการขายส่งขายปลีกฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนเร่งตัวขึ้นร้อยละ 10.7 อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการใช้จ่ายชะลอลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ทั้งยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์และรถยนต์และภาษีมูลค่าเพิ่ม
ไตรมาสแรก ปี 2547 ชะลอลงเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากรายได้ในภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น การจ้างงานสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ และการกระตุ้นอุปสงค์ในด้านต่างๆ เช่น การแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ ตลอดจนการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ทำให้ทุกกิจกรรมของการบริโภคปรับตัวสูงขึ้นมาก
5. การลงทุนภาคเอกชน ชะลอลงตามการลงทุนก่อสร้าง ต่อเนื่องจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของธุรกิจและประชาชน อย่างไรก็ตาม สัญญาณการลงทุนก่อสร้างในจังหวัดสำคัญ อาทิ เชียงใหม่ อยู่ในเกณฑ์ดี ค่าธรรมเนียมขายและขายฝากที่ดินเพิ่มขึ้นในอัตราสูงร้อยละ 95.6 ตามธุรกรรมที่มีเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของผู้ประกอบการโรงแรมและหมู่บ้านจัดสรรจากส่วนกลาง พื้นที่ก่อสร้างรับอนุญาตในเขตเทศบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 ด้านการลงทุนผลิตอยู่ในเกณฑ์ดี มูลค่านำเข้าสินค้าทุนประเภทเครื่องจักรกลและส่วนประกอบอยู่ในระดับสูง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 92.8 ตามการขยายตัวของการส่งออก ขณะที่โรงงานจดทะเบียนตั้งใหม่ชะลอลงจากเดือนก่อนแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
ไตรมาสแรก ปี 2547 การลงทุนภาคเอกชนชะลอลงตามการลงทุนก่อสร้างจากการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาเหล็กซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน กิจกรรมการลงทุน ได้แก่ ค่าธรรมเนียมขายและขายฝากที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4 แต่พื้นที่ก่อสร้างรับอนุญาตในเขตเทศบาลลดลงร้อยละ 2.8 เป็นผลจากการชะลอตัวของพื้นที่ก่อสร้างฯ ประเภทที่อยู่อาศัยและประเภทพาณิชยกรรม เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การลงทุนผลิตอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อผลิตสินค้าเกษตรและเกี่ยวเนื่องกับการเกษตร ขนส่ง อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์พลาสติก โครงการได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.9 แต่มูลค่าเงินลงทุนอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยส่วนใหญ่สนใจลงทุนผลิตวัสดุ โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเกษตร
6. การคลัง การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลผ่านสำนักงานคลังจังหวัดและคลังอำเภอในภาคเหนือชะลอตัว โดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 3.8 เป็น 10,817.7 ล้านบาท จากรายจ่ายลงทุนที่ลดลงร้อยละ 8.6 เหลือ 3,861.1 ล้านบาท ขณะที่รายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 เป็น 6,956.6 สำหรับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 เป็น 1,336.6 ล้านบาท จากการขยายตัวของการจัดเก็บในหมวดภาษี ภาษีธุรกิจเฉพาะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 ทำให้ดุลในงบประมาณขาดดุล 9,481.1 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 9,191.4 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน
ไตรมาสแรก ปี 2547 รายจ่ายของรัฐบาล เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.8 เป็น 29,090.4 ล้านบาท จากรายจ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2 และรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 สำหรับรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 เป็น 3,585.4 จากการเพิ่มขึ้นในหมวดภาษี โดยเฉพาะภาษีธุรกิจเฉพาะเกือบ 2 เท่า ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 และร้อยละ 12.6 ตามลำดับ ทำให้ดุลในงบประมาณขาดดุล 25,505.0 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 23,462.8 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน
7. การค้าต่างประเทศ การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.0 เป็น 188.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการส่งออกสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.5 เป็น 142.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากความต้องการสินค้าเทคโนโลยีใหม่ เช่น โทรศัพท์มือถือจอสีรุ่นใหม่และกล้องดิจิตอล ด้านการส่งออกสินค้าผ่านด่านศุลกากรท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.8 เป็น 12.0 ล้านดอลลาร์ สรอ. การส่งออกชายแดน เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.4 เป็น 34.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกไปพม่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จากการที่พม่าผ่อนคลายความเข้มงวด ขณะที่การส่งออกไปจีนตอนใต้ลดลงร้อยละ 49.7 ส่วนการส่งออกไปลาวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.9 เป็น 1.8 ล้านดอลลาร์ สรอ.
การนำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.7 เป็น 110.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. แยกเป็นการนำเข้าสินค้าของนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.7 โดยนำเข้าเครื่องจักร และวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ส่วนการนำเข้าผ่านชายแดน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็น 5.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากพม่าและจีนตอนใต้ โดยการนำเข้าจากพม่าเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัว จากการนำเข้าโค-กระบือ ผลิตภัณฑ์จากพืชสวน และสัตว์น้ำ การนำเข้าสินค้าจากจีนตอนใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.2 ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ การนำเข้าจากลาวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จากการนำเข้าลิกไนต์และผลิตภัณฑ์จากไม้ ดุลการค้า ในเดือนมีนาคม 2547 เกินดุล 58.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนที่เกินดุลเพียง 32.2 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ไตรมาสแรก ปี 2547 การส่งออก ผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.3 เป็น 518.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเพิ่มขึ้นทั้งการส่งออกจากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือร้อยละ 39.1 และที่ผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ร้อยละ 3.5 ส่วนการส่งออกชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.3 จากพม่าลดความเข้มงวดในการตรวจจับสินค้าไทย ขณะที่การส่งสินค้าไปจีนตอนใต้ มีอุปสรรค การนำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.8 นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.6 ขณะที่การนำเข้าผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ลดลงร้อยละ 16.3 ส่วนการนำเข้าผ่านด่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 90.1 โดยเพิ่มขึ้นทั้งการนำเข้าจากพม่า จีนตอนใต้ และลาว ส่งผลให้ ดุลการค้า ในไตรมาสแรกปี 2547 เกินดุล 174.7 ล้านดอลลาร์ สรอ.
8. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.5 เร่งตัวขึ้นมาก เทียบกับร้อยละ 1.9 เดือนก่อน จากสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงาน โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 ตามราคาผักและผลไม้ ข้าวสารเจ้าหอมมะลิ และเนื้อสุกร ส่วนราคาหมวดอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เนื่องจากค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามค่าเอฟที
ไตรมาสแรก ปี 2547 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เร่งตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 ตามราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ส่วนราคาหมวดอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากค่าเอฟทีไฟฟ้า เป็นสำคัญ สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.2 ตามราคาค่าเช่าบ้านที่ลดลงต่อเนื่อง
9. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เดือนกุมภาพันธ์ 2547 พบว่า ภาคเหนือมีกำลังแรงงานรวม 6.5 ล้านคน ประกอบด้วยผู้มีงานทำ 6.3 ล้านคน ผู้ว่างงาน 0.2 ล้านคน และผู้รอฤดูกาล 85 พันคน ด้านภาวะการมีงานทำมีอัตราการจ้างงานร้อยละ 96.2 ต่ำกว่าร้อยละ 96.8 เดือนเดียวกันปีก่อน ตามการจ้างงานในภาคเกษตรลดลง อย่างไรก็ตาม การจ้างงานนอกภาคเกษตรยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการขยายตัวของภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการศึกษา และภาวะการท่องเที่ยวอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 2.5 สูงกว่าร้อยละ 1.9 ระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากภาวะความไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งต้องการแรงงานที่มีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ขณะที่ผู้ว่างงานส่วนใหญ่อยู่ในระดับปริญญาตรี
10. การเงิน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2547 ปริมาณเงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือมียอดคงค้าง 286,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.0 ส่วนหนี่งเกิดจากเงินโอนของส่วนราชการ ด้านสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์มียอดคงค้าง 204,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.5 เร่งตัวจากเดือนก่อน จากการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจซื้อขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในเขตภาคเหนือตอนบน และธุรกิจโรงสีในภาคเหนือตอนล่าง และยังมีการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--
-ยก-