วันนี้ (4 พฤษภาคม 2547) คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าปัจจัยการผลิตของสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ ทั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าภายใต้กรอบของอัตราอากรทั่วไป (MFN Rate) ของวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศยังคงมีอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับโครงสร้างอัตราอากร ขาเข้าของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปที่นำเข้าจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งปัจจุบันได้ปรับลดลงเหลือร้อยละ 0-5 แล้ว อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา กระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรทั้งระบบเพื่อให้เข้าสู่อัตราอากรตามโครงสร้างการผลิต 3 ขั้นตอนที่กระทรวงการคลังกำหนด (ร้อยละ 1 สำหรับวัตถุดิบ ร้อยละ 5 สำหรับสินค้ากึ่งสำเร็จรูป และร้อยละ 10 สำหรับสินค้าสำเร็จรูป) แต่เนื่องจากการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรทั้งระบบดังกล่าวยังมิได้เข้าสู่อัตราอากรตามเป้าหมายที่กระทรวงการคลังกำหนดได้ทันที ทำให้ปัญหาโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าของผู้ประกอบอุตสาหกรรมขั้นปลายน้ำของประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยังคงมิได้รับ การแก้ไข
วราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัญหาในเรื่องของความไม่สามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการผลิตในประเทศอันเนื่องมาจากปัญหาของโครงสร้างภาษี กระทรวงการคลังได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป ดังนั้น การปรับปรุงโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าปัจจัยการผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่กระทรวงการคลังได้นำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันนี้ กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเห็นควรที่จะใช้แนวทางในการดำเนินการปรับลดอัตราอากรขาเข้าของวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศในลักษณะเดียวกับที่กระทรวงการคลังได้เคยดำเนินการไปให้กับเครื่องรับโทรทัศน์และเคเบิลใยนำแสงเมื่อปี 2545
สำหรับรายการสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้นำมาดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าในครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 76 ประเภทย่อย ซึ่งประกอบด้วย ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าว เตาอบไมโครเวฟ หม้อแปลงไฟฟ้า และเซลส์แสงอาทิตย์ เป็นต้น ทั้งนี้ มีสาระสำคัญของหลักการในการดำเนินการพอสรุปได้ ดังนี้
ปรับลดอัตราอากรขาเข้าลงเหลือร้อยละ 5 สำหรับวัตถุดิบและชิ้นส่วนไม่ว่าจะอยู่ในประเภทย่อยใดที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราอากรขาเข้าของสินค้าสำเร็จรูปดังกล่าวภายใต้กรอบอัตราทั่วไป (MFN Rate) สูงกว่าร้อยละ 5 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทพัดลม ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับวัตถุดิบและชิ้นส่วนไม่ว่าจะอยู่ในประเภทย่อยใดที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราอากรขาเข้าของสินค้าสำเร็จรูปดังกล่าวภายใต้กรอบอัตราทั่วไป (MFN Rate) ต่ำกว่าร้อยละ 5 ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ วิทยุสื่อสาร มอเตอร์ และเซลล์แสงอาทิตย์ เป็นต้น
การได้รับสิทธิในการปรับลด/ยกเว้นอากรขาเข้าตามหลักการข้างต้นจะต้องผ่านการรับรองจากสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ว่า เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสถาบันฯ จะเป็นผู้กำกับดูแลสูตรการผลิตและระบบการนำเข้า-จำหน่าย เพื่อมิให้มีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
การปรับลดอัตราอากรศุลกากรในวันนี้ ถึงแม้ว่าจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ในส่วนของภาษีศุลกากรไปเป็นจำนวนปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ กล่าวคือ จะช่วยรักษาฐานการผลิตและมูลค่าการค้าในระบบห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะรวมไปถึงผู้ประกอบการผลิตในกลุ่ม SMEs ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในการลงทุน การจ้างแรงงาน รวมทั้งอาจเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของนักลงทุนรายใหม่ที่จะเลือกประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 36/2547 4 พฤษภาคม 2547--
วราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัญหาในเรื่องของความไม่สามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการผลิตในประเทศอันเนื่องมาจากปัญหาของโครงสร้างภาษี กระทรวงการคลังได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป ดังนั้น การปรับปรุงโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าปัจจัยการผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่กระทรวงการคลังได้นำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันนี้ กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเห็นควรที่จะใช้แนวทางในการดำเนินการปรับลดอัตราอากรขาเข้าของวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศในลักษณะเดียวกับที่กระทรวงการคลังได้เคยดำเนินการไปให้กับเครื่องรับโทรทัศน์และเคเบิลใยนำแสงเมื่อปี 2545
สำหรับรายการสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้นำมาดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าในครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 76 ประเภทย่อย ซึ่งประกอบด้วย ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าว เตาอบไมโครเวฟ หม้อแปลงไฟฟ้า และเซลส์แสงอาทิตย์ เป็นต้น ทั้งนี้ มีสาระสำคัญของหลักการในการดำเนินการพอสรุปได้ ดังนี้
ปรับลดอัตราอากรขาเข้าลงเหลือร้อยละ 5 สำหรับวัตถุดิบและชิ้นส่วนไม่ว่าจะอยู่ในประเภทย่อยใดที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราอากรขาเข้าของสินค้าสำเร็จรูปดังกล่าวภายใต้กรอบอัตราทั่วไป (MFN Rate) สูงกว่าร้อยละ 5 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทพัดลม ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับวัตถุดิบและชิ้นส่วนไม่ว่าจะอยู่ในประเภทย่อยใดที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราอากรขาเข้าของสินค้าสำเร็จรูปดังกล่าวภายใต้กรอบอัตราทั่วไป (MFN Rate) ต่ำกว่าร้อยละ 5 ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ วิทยุสื่อสาร มอเตอร์ และเซลล์แสงอาทิตย์ เป็นต้น
การได้รับสิทธิในการปรับลด/ยกเว้นอากรขาเข้าตามหลักการข้างต้นจะต้องผ่านการรับรองจากสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ว่า เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสถาบันฯ จะเป็นผู้กำกับดูแลสูตรการผลิตและระบบการนำเข้า-จำหน่าย เพื่อมิให้มีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
การปรับลดอัตราอากรศุลกากรในวันนี้ ถึงแม้ว่าจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ในส่วนของภาษีศุลกากรไปเป็นจำนวนปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ กล่าวคือ จะช่วยรักษาฐานการผลิตและมูลค่าการค้าในระบบห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะรวมไปถึงผู้ประกอบการผลิตในกลุ่ม SMEs ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในการลงทุน การจ้างแรงงาน รวมทั้งอาจเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของนักลงทุนรายใหม่ที่จะเลือกประเทศไทยเป็นฐานในการผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 36/2547 4 พฤษภาคม 2547--