กรุงเทพ--7 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (6 พฤษภาคม 2547) นายสรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลัง ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นประธานการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) กับหน่วยราชการไทย ที่กระทรวงการต่างประเทศ สรุปได้ ดังนี้
1. นาย Rajat Nga ผู้อำนวยการใหญ่ของ ADB ฝ่ายอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและนาย Yoshi Iwasaki ผู้อำนวยการใหญ่ของ ADB ฝ่ายภูมิภาคเอเชียใต้ ได้เข้าหารือและประชุมร่วมกับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนฝ่ายไทยจากกระทรวงการ ต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และ กรมทางหลวง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์การร่วมมือต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการ เชื่อมโยงทางคมนาคมที่ประเทศไทยได้ริเริ่มในภูมิภาคส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือในกรอบของ ACMECS หรือความร่วมมือระหว่างสามประเทศอันได้แก่ อินเดีย พม่าและไทย เพื่อเปรียบเทียบกับสิ่ง ที่ ADB ได้ทำในกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และภูมิภาคเอเชียใต้ ในการหารือ ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายตระหนักดีว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการเชื่อมโยงกันของเส้นทางคมนาคมระหว่างลุ่มน้ำโขงและเอเชียใต้ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาประเทศต่างๆในภูมิภาค ดังกล่าว และการพัฒนานี้ยังเป็นการพัฒนาโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยการเมือง
2. การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฝ่าย ADB ได้แจ้งแก่ทางฝ่ายไทยว่าได้ดำเนินการอะไรไปบ้างเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาแก่ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และอนุภูมิภาคลุ่มน้ำแม่โขงเช่นเดียวกับที่ทางฝ่ายไทยได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทของไทยในการส่งเสริมการพัฒนาผ่านกรอบความร่วมมือต่างๆ ทั้งนี้ผู้อำนวยการใหญ่ของ ADB ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้เคยเข้าพบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศมาก่อนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้มีความประทับใจและ เห็นด้วยกับสิ่งที่ทางฝ่ายไทยได้กระทำไปในกรอบความร่วมมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น GMS หรือ ACMECS และรวมไปถึง BIMSTEC ด้วย ดังนั้นการหารือครั้งนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ของ ADB ในภูมิภาคเอเชียใต้จึงได้รับเชิญเพื่อมาหารือด้วย
3. จากการประชุมครั้งนี้ เป็นที่เห็นได้ชัดว่าทางฝ่ายไทยและ ADB มีวิสัยทัศน์ตรงกัน ในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ริเริ่มโดยฝ่ายไทยในการเชื่อมโยงถนนและเส้นทางคมนาคมกับประเทศใกล้เคียงเช่น พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนามและบังกลาเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาของประเทศในภูมิภาคส่วนนี้ ซึ่งถ้าไม่มีเครือข่ายการเชื่อมโยงที่ดี การพัฒนาก็เป็นไปได้ยาก ซึ่ง ADB ก็ได้ให้เงินกู้แก่ประเทศเหล่านี้เป็นจำนวนมากเพื่อพัฒนาเส้นทางการคมนาคมด้วย นอกจากนี้ทาง ADB ยังได้ให้เงินกู้กว่าครึ่งหนึ่งของทางธนาคารฯ แก่ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ เช่นปากีสถาน เนปาล ภูฐาน อินเดียและ บังกลาเทศ เพราะมองเห็นศักยภาพในการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของประเทศต่างๆเหล่านี้เมื่อเทียบกับทศวรรษที่ 1980 ซึ่งทางฝ่ายไทยก็ได้มีความเห็นเช่นเดียวกับ ADB โดยเห็นได้จากนโยบาย Look West ของไทยในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นต่อประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียใต้
3. ADB ได้มีความชื่นชมในหลายโครงการที่ประเทศไทยได้ริเริ่มโดยเฉพาะการเชื่อมโยง เส้นทางคมนาคมกับประเทศจีนและบังกลาเทศซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา และเป็นตัวอย่าง ที่ดีว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นศูนย์กลางเชื่อมการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้และต่อไปยังเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือด้วย ดังนั้น ADB จึงมีความประสงค์ที่จะตั้งสำนักงานในประเทศไทยด้วย ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนการจัดตั้งยังรอการรับรอง โดยพระราชบัญญัติซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอยู่ สำนักงาน ADB ในประเทศไทยนี้จะเป็น สำนักงานที่ใหญ่ที่สุดของ ADB รองจากสำนักงานใหญ่ของ ADB ที่กรุงมะนิลา ซึ่งเมื่อมีการจัดตั้งสำนักงานแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ประจำประมาณสามสิบคน การตั้งสำนักงาน ADB ในประเทศไทยจะทำให้ไทยเป็น ศูนย์กลางที่จะทำให้การพัฒนาในประเทศเพื่อนบ้านรวดเร็วขึ้น
4. การประชุมในครั้งนี้ได้ผลดีมาก อย่างไรก็ตามคงต้องมีการทำงานเพิ่มเติมในรายละเอียดต่างๆ ต่อไป ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและผู้แทนจากทาง ADB หารือในรายละเอียดต่างๆ ต่อไป ซึ่งรวมถึงข้อเสนอของ ADB ที่ให้ความช่วยเหลือสถาบันแม่น้ำโขงที่จังหวัดขอนแก่นซึ่งได้รับการยกระดับเป็นสถาบันระดับภูมิภาค และการให้ความช่วยเหลือสถาบันความร่วมมือในด้านการค้าระหว่างประเทศที่จะสามารถเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถในด้านการพาณิชย์ของเหล่าประเทศสมาชิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-สส-
วันนี้ (6 พฤษภาคม 2547) นายสรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลัง ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นประธานการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) กับหน่วยราชการไทย ที่กระทรวงการต่างประเทศ สรุปได้ ดังนี้
1. นาย Rajat Nga ผู้อำนวยการใหญ่ของ ADB ฝ่ายอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและนาย Yoshi Iwasaki ผู้อำนวยการใหญ่ของ ADB ฝ่ายภูมิภาคเอเชียใต้ ได้เข้าหารือและประชุมร่วมกับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนฝ่ายไทยจากกระทรวงการ ต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และ กรมทางหลวง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์การร่วมมือต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการ เชื่อมโยงทางคมนาคมที่ประเทศไทยได้ริเริ่มในภูมิภาคส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือในกรอบของ ACMECS หรือความร่วมมือระหว่างสามประเทศอันได้แก่ อินเดีย พม่าและไทย เพื่อเปรียบเทียบกับสิ่ง ที่ ADB ได้ทำในกรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และภูมิภาคเอเชียใต้ ในการหารือ ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายตระหนักดีว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการเชื่อมโยงกันของเส้นทางคมนาคมระหว่างลุ่มน้ำโขงและเอเชียใต้ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาประเทศต่างๆในภูมิภาค ดังกล่าว และการพัฒนานี้ยังเป็นการพัฒนาโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยการเมือง
2. การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฝ่าย ADB ได้แจ้งแก่ทางฝ่ายไทยว่าได้ดำเนินการอะไรไปบ้างเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาแก่ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และอนุภูมิภาคลุ่มน้ำแม่โขงเช่นเดียวกับที่ทางฝ่ายไทยได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทของไทยในการส่งเสริมการพัฒนาผ่านกรอบความร่วมมือต่างๆ ทั้งนี้ผู้อำนวยการใหญ่ของ ADB ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้เคยเข้าพบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศมาก่อนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้มีความประทับใจและ เห็นด้วยกับสิ่งที่ทางฝ่ายไทยได้กระทำไปในกรอบความร่วมมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น GMS หรือ ACMECS และรวมไปถึง BIMSTEC ด้วย ดังนั้นการหารือครั้งนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ของ ADB ในภูมิภาคเอเชียใต้จึงได้รับเชิญเพื่อมาหารือด้วย
3. จากการประชุมครั้งนี้ เป็นที่เห็นได้ชัดว่าทางฝ่ายไทยและ ADB มีวิสัยทัศน์ตรงกัน ในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ริเริ่มโดยฝ่ายไทยในการเชื่อมโยงถนนและเส้นทางคมนาคมกับประเทศใกล้เคียงเช่น พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนามและบังกลาเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาของประเทศในภูมิภาคส่วนนี้ ซึ่งถ้าไม่มีเครือข่ายการเชื่อมโยงที่ดี การพัฒนาก็เป็นไปได้ยาก ซึ่ง ADB ก็ได้ให้เงินกู้แก่ประเทศเหล่านี้เป็นจำนวนมากเพื่อพัฒนาเส้นทางการคมนาคมด้วย นอกจากนี้ทาง ADB ยังได้ให้เงินกู้กว่าครึ่งหนึ่งของทางธนาคารฯ แก่ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ เช่นปากีสถาน เนปาล ภูฐาน อินเดียและ บังกลาเทศ เพราะมองเห็นศักยภาพในการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของประเทศต่างๆเหล่านี้เมื่อเทียบกับทศวรรษที่ 1980 ซึ่งทางฝ่ายไทยก็ได้มีความเห็นเช่นเดียวกับ ADB โดยเห็นได้จากนโยบาย Look West ของไทยในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นต่อประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียใต้
3. ADB ได้มีความชื่นชมในหลายโครงการที่ประเทศไทยได้ริเริ่มโดยเฉพาะการเชื่อมโยง เส้นทางคมนาคมกับประเทศจีนและบังกลาเทศซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา และเป็นตัวอย่าง ที่ดีว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นศูนย์กลางเชื่อมการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้และต่อไปยังเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือด้วย ดังนั้น ADB จึงมีความประสงค์ที่จะตั้งสำนักงานในประเทศไทยด้วย ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนการจัดตั้งยังรอการรับรอง โดยพระราชบัญญัติซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอยู่ สำนักงาน ADB ในประเทศไทยนี้จะเป็น สำนักงานที่ใหญ่ที่สุดของ ADB รองจากสำนักงานใหญ่ของ ADB ที่กรุงมะนิลา ซึ่งเมื่อมีการจัดตั้งสำนักงานแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ประจำประมาณสามสิบคน การตั้งสำนักงาน ADB ในประเทศไทยจะทำให้ไทยเป็น ศูนย์กลางที่จะทำให้การพัฒนาในประเทศเพื่อนบ้านรวดเร็วขึ้น
4. การประชุมในครั้งนี้ได้ผลดีมาก อย่างไรก็ตามคงต้องมีการทำงานเพิ่มเติมในรายละเอียดต่างๆ ต่อไป ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและผู้แทนจากทาง ADB หารือในรายละเอียดต่างๆ ต่อไป ซึ่งรวมถึงข้อเสนอของ ADB ที่ให้ความช่วยเหลือสถาบันแม่น้ำโขงที่จังหวัดขอนแก่นซึ่งได้รับการยกระดับเป็นสถาบันระดับภูมิภาค และการให้ความช่วยเหลือสถาบันความร่วมมือในด้านการค้าระหว่างประเทศที่จะสามารถเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถในด้านการพาณิชย์ของเหล่าประเทศสมาชิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : [email protected]จบ--
-สส-