สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎรการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ฉบับที่ ๑๒

ข่าวการเมือง Friday May 21, 2004 08:42 —รัฐสภา

ฉบับที่ ๑๒ สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันพุธที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เวลา ๒๒.๓๐ นาฬิกา - เลิกประชุม นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในภาคใต้เป็นส่วนใหญ่นั้น แต่สมาชิกเหล่านั้นได้มี ส่วนร่วมในการคลี่คลายปัญหาชายแดนภาคใต้ได้ดีขึ้นมาเป็นลำดับ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ - ๒๕๔๓ แต่สถานการณ์ในภาคใต้ได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้เข้ามาบริหารราชการ แผ่นดิน ซึ่งนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินมีความแตกต่างจากรัฐบาลสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้บนพื้นฐานความเป็นจริง ๓ ประการ คือ- มีการกำหนดนโยบายภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนา- ความหลากหลายของระบบธรรมเนียมประเพณีที่ควรรักษาไว้- การสนับสนุนให้ประชาชนสามารถใช้วิถีชีวิตของตนเองได้อย่างเต็มที่จากนั้น นายชวน หลีกภัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ว่า การบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา ไม่เคยนำญัตติเรื่องความมั่นคงของประเทศมาอภิปรายดังนั้น จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เราควรจะให้ความสำคัญ และยอมรับความเป็นจริงในอดีต ๒ ประการ คือ- ยอมรับประวัติศาสตร์ของพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานี ที่ในอดีตเคยมี อาณาจักรเป็นของตนเอง มีความคิด และระบบการปกครองเป็นของตนเอง- ยอมรับว่าไม่มีความพยายามในการคลี่คลายความขัดแย้ง เพื่อให้การปกครองมีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวกันแต่รัฐบาลในชุดปัจจุบันมีจุดอ่อนในการแก้ไขปัญหา คือ มีการประเมินสถานการณ์ ผิดพลาด มีนโยบายผิดพลาด มีการแก้ไขปัญหาอย่างใจร้อน และไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างแท้จริง ยกตัวอย่างเช่น การออกคำสั่งยกเลิกศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และการแต่งตั้งหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่มีผู้แทนมุสลิม ไม่มีจุฬาราชมนตรี ไม่มีเอกชน เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ ส่วนนโยบายและการปฏิบัติของรัฐ ได้มีการนำนโยบายใหม่ของรัฐบาลมาทดลองใช้ โดยไม่ใช้นโยบายเดิมในการแก้ไขปัญหา ทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชนมุสลิมภาคใต้ที่อยู่ด้วยความวิตกกังวล ดังนั้น รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ จะต้องมีส่วนรับผิดชอบสำหรับนโยบายด้านความมั่นคงในเรื่องของการส่งทหารไปอิรัก แม้ว่าประเทศไทยจะมีบทบาทในระดับนานาชาติ แต่ก็ไม่ควรสร้างเงื่อนไขให้กับบ้านเมืองและการกระทำดังกล่าวทำให้ประเทศไทยมีคู่ปฏิปักษ์โดยไม่จำเป็น อีกทั้งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในภาคใต้พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจง- สถานการณ์ภาคใต้เป็นปัญหาที่สะสมมานานจากอดีต เนื่องจากชาวมุสลิมเกิดความไม่พอใจในข้อตกลงบางประการที่ทำไว้ในอดีตกับชาวต่างประเทศ แต่ตนก็ได้มีคำสั่งให้แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนแล้ว - การใช้นโยบายของรัฐในการคลี่คลายปัญหาในภาคใต้เป็นไปเพื่อประโยชน์ ส่วนรวมของประชาชน- การจัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั้น เพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอดีต โดยกำหนดให้ ศอ.บต. ขึ้นอยู่กับกองทัพภาคที่ ๔ แต่ในปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น รัฐบาลจึงยกเลิกการมี ศอ.บต. และได้จัดตั้งหน่วยงานอื่นขึ้นรับผิดชอบแทน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน- กรณีบุคคลสูญหาย ไม่ควรกล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายเดียว เนื่องจากการที่บุคคลหายไป อาจเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้ สำหรับที่กล่าวว่า มีบุคคลสูญหายหลายร้อยคนนั้น ไม่เป็นความจริง- การส่งทหารไปอิรักเป็นเรื่องของการปฏิบัติตามมติสหประชาชาติและเพื่อมนุษยธรรม รวมทั้งเพื่อสร้างความศิวิไลซ์ให้กับประเทศไทยในสายตานานาชาติ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ