ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ผลการปรับโครงสร้างหนี้ในปี 41-45 ลูกหนี้ภาคอุตสาหกรรมได้รับการยืดหนี้สูงสุด 26 ปี ผอฝ.
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ผลการปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงปี 41-45
ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ในภาคอุตสาหกรรมได้รับการยืดหนี้สูงสุด 26 ปี ขณะที่ภาคบริการได้รับยืดหนี้ 5-20 ปี ภาคก่อ
สร้าง 3.5-18 ปี หนี้ส่วนบุคคล 17 ปี หนี้สาธารณูปโภค 1-13 ปี ส่วนหนี้ค้าส่ง-ค้าปลีก มีอัตราการยืดหนี้ให้ 8-
20 ปี สำหรับการลดเงินต้นและดอกเบี้ยให้นั้น ผู้นำเข้าได้รับการลดหนี้สูงสุดร้อยละ 30.34 ของยอดหนี้ทั้งหมด
รองลงมาเป็นภาคส่งออกร้อยละ 22.99 ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคที่ได้รับการลดหนี้ต่ำสุดร้อยละ 0.07
สำหรับวิธีการใช้หนี้ที่นิยมมากที่สุด คือ โอนทรัพย์ชำระหนี้ โดยภาคอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลใช้วิธีนี้มากที่สุดร้อยละ
68.7 ของยอดหนี้รวม รองลงมาเป็นภาคค้าส่ง-ค้าปลีก ส่วนการแปลงหนี้เป็นทุนภาคค้าส่ง-ค้าปลีกใช้วิธีนี้มากที่สุด
คือ ร้อยละ 20.9 รองลงมาเป็นอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 6.2 (ไทยรัฐ, มติชน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทยในเดือน ก.ค.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 81.2 รองประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน ก.
ค.48 ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 488 ตัวอย่าง ครอบคลุมทั้ง 33 อุตสาหกรรม พบว่า ผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมเชื่อมั่นต่อภาวะอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.48 โดยดัชนีภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น
อยู่ที่ระดับ 81.2 จากระดับ 78.8 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากค่าดัชนีหลักที่นำมาใช้คำนวณทุกปัจจัยปรับตัวเพิ่มขึ้น
จากเดือนก่อนหน้าทั้งสิ้น ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย และปริมาณการผลิตปรับตัวเพิ่ม
ขึ้นจาก 91.0 90.9 และ 98.2 ในเดือน มิ.ย.มาอยู่ที่ 95.2 93.9 และ 99.2 ในเดือน ก.ค.ตาม
ลำดับ เช่นเดียวกับค่าดัชนีโดยรวมของต้นทุนประกอบการและผลกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 42.3 และ 80.9 ใน
เดือน มิ.ย.เป็น 47.8 และ 89.5 ในเดือน ก.ค.ตามลำดับ ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาค
อุตสาหกรรมเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เริ่มปรับแนวทางการบริหารต้นทุน
การผลิตสินค้า ให้สอดรับกับสถานการณ์น้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลได้มีมาตรการกระตุ้น
เศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการมองว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคของ
ประชาชนได้มากขึ้น (สยามรัฐ, ไทยรัฐ, ข่าวสด, บ้านเมือง)
3. คกก.ติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐเร่งรัดให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่าย งปม.48 รม
ช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐในปี งปม.48 เมื่อ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา
พบว่า การเบิกจ่ายเงิน งปม.ตั้งแต่ต้นปี งปม. คือ ต.ค.47 จนถึง 23 ส.ค.48 ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิก
จ่าย งปม.ได้จำนวน 9.98 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 84.84 ของวงเงิน งปม.ที่ยังไม่รวมงบกลาง
จำนวน 1.17 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 90.53 ขณะที่การเบิกจ่ายเงินลงทุนมีเพียง 1.82 แสนล้านบาท
หรือคิดเป็น 66.22 ทั้งนี้ แม้ว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนจะสูงกว่าปีก่อนร้อยละ 8.13 ก็ตาม แต่พบว่ายังเบิกจ่ายได้
ช้า เนื่องจากมีปัญหาทั้งภายนอกและภายในส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเอง อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการได้เร่งรัด
ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจโอนเงินงบประมาณให้หน่วยงานโดยเร็ว และให้รายงานผลการก่อหนี้ให้คณะ
กรรมการทราบทุกเดือน รวมทั้งให้กรมบัญชีกลางเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหา เชื่อว่าเมื่อถึงสิ้นปี งปม.จะสามารถเบิก
จ่ายได้ตามเป้าหมายที่กำหนด (เดลินิวส์)
4. ไทยนำเข้าทองคำเดือน ก.ค.48 สูงถึง 5.2 ตัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนที่นำเข้า
เพียง 3.04 ตัน นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศเกี่ยวกับกรณีการนำ
เข้าทองคำในเดือน ก.ค.48 ที่ยังคงสูง แม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลจะขอความร่วมมือให้ชะลอการนำเข้าแล้วก็ตามว่า
การนำเข้าเดือน ก.ค.ที่ยังสูงขึ้น เกิดจากเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมายอดการนำเข้าต่ำกว่าปกติมาก ซึ่งเป็นไปตามภาวะ
การค้าปกติช่วง พ.ค.-ก.ค.ของทุกปีเป็นช่วงที่การค้าซบเซา การนำเข้าจะน้อยมาก แต่ ก.ค.ปีนี้กลับนำเข้ามาก
ถึง 5.2 ตัน ขณะที่เดือน ก.ค.ปีก่อนนำเข้าเพียง 3.04 ตัน เพราะประชาชนซื้อทองมาก เมื่อมีคำสั่งซื้อมากก็มี
ความจำเป็นต้องนำเข้ามากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีการนำเข้าประมาณ 70 ตัน โดยคาด
ว่าทั้งปีจะนำเข้าไม่เกิน 120 ตัน (ข่าวสด, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปีของสรอ.ลดลงอีกเป็นสัปดาห์ที่2 รายงาน
จากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 48 บริษัทสินเชื่อจำนอง Freddie Mac เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ระยะ 30 ปีและ 15 ปีในสัปดาห์นี้อยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 5.77 และร้อยละ 5.35 ลดลงจากร้อยละ 5.80 และร้อย
ละ 5.40 เมื่อสัปดาห์ก่อนตามลำดับ เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะเวลา 1 ปีที่ปรับได้ (ARM) ลด
ลงอยู่ที่ร้อยละ 4.56 จากร้อยละ 4.58 เมื่อสัปดาห์ก่อน ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 อย่างไรก็
ตาม บ. Freddie Mac คาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นได้ในปีนี้ ทั้งนี้ในปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
จำนองโดยเฉลี่ยของสรอ.ระยะ 30 ปี 15 ปีและ ARM อยู่ที่ร้อยละ 5.82 , 5.21 และร้อยละ 4.05 ตาม
ลำดับ รองประธานบ. Freddie Mac กล่าวว่าแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองจะลดลงเล็กน้อยในสัปดาห์นี้แต่มี
แนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น สำหรับยอดขายบ้านใหม่เมื่อเดือนก.ค. ตามรายงานของก.พาณิชย์สรอ. สูงถึง 1.41
ล้านหลังจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว(ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ทำสถิติสูงสุด เนื่องจากมีความต้องการบ้านใหม่สูงขึ้นใน
ขณะที่ปริมาณบ้านใหม่ในสต็อกมีเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปีที่แล้วส่วนยอดขายบ้านมือสองสูงสุดเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่ที่
เคยมีมา จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าตลาดบ้านได้รับแรงกระตุ้นจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่อยู่ในระดับต่ำดังกล่าว
(รอยเตอร์)
2. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ.ลดลง ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ส.ค.48
รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 25 ส.ค.48 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (หลัง
ปรับฤดูกาล) ของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ส.ค.48 มีจำนวน 315,000 คน ลดลง 4,000 คน จาก
สัปดาห์ก่อนหน้าที่มีจำนวน 319,000 คน เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด แต่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับช่วงเดียว
กันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 342,000 คน ขณะที่ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งปรับด้วยปัจจัยที่มี
ความผัวผวนแล้ว เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 315,000 คน จากจำนวน 313,750 คน สำหรับจำนวนแรงงานที่กลับมาขอ
รับสวัสดิการว่างงานหลังจากที่เคยขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกแล้ว ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ส.ค.48 มี
จำนวน 2.58 ล้านคน ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า และเป็นจำนวนต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.44 (รอยเตอร์)
3. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเยอรมนีในเดือน ส.ค.48 จากผลสำรวจโดย Ifo ลดลง
เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 25 ส.ค.48 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจใน
เดือน ส.ค.48 จากผลสำรวจธุรกิจประมาณ 7,000 แห่งในเยอรมนีโดย Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ
ของเยอรมนีลดลงมาอยู่ที่ระดับ 94.6 จากระดับ 95.0 ในเดือน ก.ค.48 ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.
ค.48 แต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าผลสำรวจในช่วงเดือน มี.ค.ถึง มิ.ย.48 และต่างจากผลสำรวจโดยรอยเตอร์ที่คาด
ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 95.2 อันเป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกว่าร้อยละ 50 นับตั้งแต่ต้น
ปีมาอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 68 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 25 ส.ค.48 ซึ่งส่งผลกระทบโดย
ตรงต่อต้นทุนของธุรกิจและโดยทางอ้อมต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยดัชนีในส่วนของสภาพธุรกิจในปัจจุบันลดลงมา
อยู่ที่ระดับ 93.8 จากระดับ 94.9 ในเดือนก่อน อย่างไรก็ดีดัชนีในส่วนของความคาดหวังของธุรกิจในอีก 6 เดือน
ข้างหน้ากลับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 95.4 จากระดับ 95.1 ในเดือนก่อน จากความคาดหวังว่าสภาพธุรกิจในช่วงครึ่ง
หลังของปีนี้จะดีขึ้นจากการส่งออกที่กำลังเพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นของธุรกิจว่าสามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้ (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.2 เทียบต่อปี รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 26 ส.ค.48 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่นับรวมราคา
สินค้าและพลังงานในเดือน ก.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ประมาณ
การไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่เมื่อเทียบต่อเดือนไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มิ.ย.48 (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล
แล้ว) ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในโตเกียวในเดือน ส.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.3 เทียบต่อปี สอดคล้องกับที่นัก
วิเคราะห์ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน แต่หากเทียบต่อเดือนกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้
บริโภคพื้นฐานของประเทศญี่ปุ่นที่ลดลงในเดือน ก.ค.แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นยังประสบกับภาวะเงินฝืดแม้ว่าระดับราคา
น้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 26 ส.ค. 48 25 ส.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.142 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.9711/41.2494 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.83236 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.14/ 16.83 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,500/8,600 8,500/8,600 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 57.99 58.43 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 26.14*/22.99* 26.14*/22.99* 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 11 ส.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ผลการปรับโครงสร้างหนี้ในปี 41-45 ลูกหนี้ภาคอุตสาหกรรมได้รับการยืดหนี้สูงสุด 26 ปี ผอฝ.
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ผลการปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงปี 41-45
ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ในภาคอุตสาหกรรมได้รับการยืดหนี้สูงสุด 26 ปี ขณะที่ภาคบริการได้รับยืดหนี้ 5-20 ปี ภาคก่อ
สร้าง 3.5-18 ปี หนี้ส่วนบุคคล 17 ปี หนี้สาธารณูปโภค 1-13 ปี ส่วนหนี้ค้าส่ง-ค้าปลีก มีอัตราการยืดหนี้ให้ 8-
20 ปี สำหรับการลดเงินต้นและดอกเบี้ยให้นั้น ผู้นำเข้าได้รับการลดหนี้สูงสุดร้อยละ 30.34 ของยอดหนี้ทั้งหมด
รองลงมาเป็นภาคส่งออกร้อยละ 22.99 ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคที่ได้รับการลดหนี้ต่ำสุดร้อยละ 0.07
สำหรับวิธีการใช้หนี้ที่นิยมมากที่สุด คือ โอนทรัพย์ชำระหนี้ โดยภาคอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลใช้วิธีนี้มากที่สุดร้อยละ
68.7 ของยอดหนี้รวม รองลงมาเป็นภาคค้าส่ง-ค้าปลีก ส่วนการแปลงหนี้เป็นทุนภาคค้าส่ง-ค้าปลีกใช้วิธีนี้มากที่สุด
คือ ร้อยละ 20.9 รองลงมาเป็นอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 6.2 (ไทยรัฐ, มติชน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมไทยในเดือน ก.ค.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 81.2 รองประธานสภา
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน ก.
ค.48 ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 488 ตัวอย่าง ครอบคลุมทั้ง 33 อุตสาหกรรม พบว่า ผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมเชื่อมั่นต่อภาวะอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.48 โดยดัชนีภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น
อยู่ที่ระดับ 81.2 จากระดับ 78.8 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากค่าดัชนีหลักที่นำมาใช้คำนวณทุกปัจจัยปรับตัวเพิ่มขึ้น
จากเดือนก่อนหน้าทั้งสิ้น ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมของยอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย และปริมาณการผลิตปรับตัวเพิ่ม
ขึ้นจาก 91.0 90.9 และ 98.2 ในเดือน มิ.ย.มาอยู่ที่ 95.2 93.9 และ 99.2 ในเดือน ก.ค.ตาม
ลำดับ เช่นเดียวกับค่าดัชนีโดยรวมของต้นทุนประกอบการและผลกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 42.3 และ 80.9 ใน
เดือน มิ.ย.เป็น 47.8 และ 89.5 ในเดือน ก.ค.ตามลำดับ ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาค
อุตสาหกรรมเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เริ่มปรับแนวทางการบริหารต้นทุน
การผลิตสินค้า ให้สอดรับกับสถานการณ์น้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลได้มีมาตรการกระตุ้น
เศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการมองว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคของ
ประชาชนได้มากขึ้น (สยามรัฐ, ไทยรัฐ, ข่าวสด, บ้านเมือง)
3. คกก.ติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐเร่งรัดให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่าย งปม.48 รม
ช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการติดตามผลการใช้จ่ายเงินภาครัฐในปี งปม.48 เมื่อ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา
พบว่า การเบิกจ่ายเงิน งปม.ตั้งแต่ต้นปี งปม. คือ ต.ค.47 จนถึง 23 ส.ค.48 ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิก
จ่าย งปม.ได้จำนวน 9.98 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 84.84 ของวงเงิน งปม.ที่ยังไม่รวมงบกลาง
จำนวน 1.17 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 90.53 ขณะที่การเบิกจ่ายเงินลงทุนมีเพียง 1.82 แสนล้านบาท
หรือคิดเป็น 66.22 ทั้งนี้ แม้ว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนจะสูงกว่าปีก่อนร้อยละ 8.13 ก็ตาม แต่พบว่ายังเบิกจ่ายได้
ช้า เนื่องจากมีปัญหาทั้งภายนอกและภายในส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเอง อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการได้เร่งรัด
ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจโอนเงินงบประมาณให้หน่วยงานโดยเร็ว และให้รายงานผลการก่อหนี้ให้คณะ
กรรมการทราบทุกเดือน รวมทั้งให้กรมบัญชีกลางเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหา เชื่อว่าเมื่อถึงสิ้นปี งปม.จะสามารถเบิก
จ่ายได้ตามเป้าหมายที่กำหนด (เดลินิวส์)
4. ไทยนำเข้าทองคำเดือน ก.ค.48 สูงถึง 5.2 ตัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนที่นำเข้า
เพียง 3.04 ตัน นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศเกี่ยวกับกรณีการนำ
เข้าทองคำในเดือน ก.ค.48 ที่ยังคงสูง แม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลจะขอความร่วมมือให้ชะลอการนำเข้าแล้วก็ตามว่า
การนำเข้าเดือน ก.ค.ที่ยังสูงขึ้น เกิดจากเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมายอดการนำเข้าต่ำกว่าปกติมาก ซึ่งเป็นไปตามภาวะ
การค้าปกติช่วง พ.ค.-ก.ค.ของทุกปีเป็นช่วงที่การค้าซบเซา การนำเข้าจะน้อยมาก แต่ ก.ค.ปีนี้กลับนำเข้ามาก
ถึง 5.2 ตัน ขณะที่เดือน ก.ค.ปีก่อนนำเข้าเพียง 3.04 ตัน เพราะประชาชนซื้อทองมาก เมื่อมีคำสั่งซื้อมากก็มี
ความจำเป็นต้องนำเข้ามากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีการนำเข้าประมาณ 70 ตัน โดยคาด
ว่าทั้งปีจะนำเข้าไม่เกิน 120 ตัน (ข่าวสด, แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปีของสรอ.ลดลงอีกเป็นสัปดาห์ที่2 รายงาน
จากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 48 บริษัทสินเชื่อจำนอง Freddie Mac เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ระยะ 30 ปีและ 15 ปีในสัปดาห์นี้อยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 5.77 และร้อยละ 5.35 ลดลงจากร้อยละ 5.80 และร้อย
ละ 5.40 เมื่อสัปดาห์ก่อนตามลำดับ เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะเวลา 1 ปีที่ปรับได้ (ARM) ลด
ลงอยู่ที่ร้อยละ 4.56 จากร้อยละ 4.58 เมื่อสัปดาห์ก่อน ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 อย่างไรก็
ตาม บ. Freddie Mac คาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นได้ในปีนี้ ทั้งนี้ในปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
จำนองโดยเฉลี่ยของสรอ.ระยะ 30 ปี 15 ปีและ ARM อยู่ที่ร้อยละ 5.82 , 5.21 และร้อยละ 4.05 ตาม
ลำดับ รองประธานบ. Freddie Mac กล่าวว่าแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองจะลดลงเล็กน้อยในสัปดาห์นี้แต่มี
แนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น สำหรับยอดขายบ้านใหม่เมื่อเดือนก.ค. ตามรายงานของก.พาณิชย์สรอ. สูงถึง 1.41
ล้านหลังจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว(ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) ทำสถิติสูงสุด เนื่องจากมีความต้องการบ้านใหม่สูงขึ้นใน
ขณะที่ปริมาณบ้านใหม่ในสต็อกมีเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปีที่แล้วส่วนยอดขายบ้านมือสองสูงสุดเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่ที่
เคยมีมา จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าตลาดบ้านได้รับแรงกระตุ้นจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่อยู่ในระดับต่ำดังกล่าว
(รอยเตอร์)
2. ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สรอ.ลดลง ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ส.ค.48
รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 25 ส.ค.48 ก.แรงงาน เปิดเผยว่า ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (หลัง
ปรับฤดูกาล) ของ สรอ. ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ส.ค.48 มีจำนวน 315,000 คน ลดลง 4,000 คน จาก
สัปดาห์ก่อนหน้าที่มีจำนวน 319,000 คน เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด แต่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับช่วงเดียว
กันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 342,000 คน ขณะที่ยอดการขอรับสวัสดิการว่างงานเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งปรับด้วยปัจจัยที่มี
ความผัวผวนแล้ว เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 315,000 คน จากจำนวน 313,750 คน สำหรับจำนวนแรงงานที่กลับมาขอ
รับสวัสดิการว่างงานหลังจากที่เคยขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกแล้ว ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ส.ค.48 มี
จำนวน 2.58 ล้านคน ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า และเป็นจำนวนต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.44 (รอยเตอร์)
3. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเยอรมนีในเดือน ส.ค.48 จากผลสำรวจโดย Ifo ลดลง
เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 25 ส.ค.48 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจใน
เดือน ส.ค.48 จากผลสำรวจธุรกิจประมาณ 7,000 แห่งในเยอรมนีโดย Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ
ของเยอรมนีลดลงมาอยู่ที่ระดับ 94.6 จากระดับ 95.0 ในเดือน ก.ค.48 ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.
ค.48 แต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าผลสำรวจในช่วงเดือน มี.ค.ถึง มิ.ย.48 และต่างจากผลสำรวจโดยรอยเตอร์ที่คาด
ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 95.2 อันเป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกว่าร้อยละ 50 นับตั้งแต่ต้น
ปีมาอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 68 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 25 ส.ค.48 ซึ่งส่งผลกระทบโดย
ตรงต่อต้นทุนของธุรกิจและโดยทางอ้อมต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยดัชนีในส่วนของสภาพธุรกิจในปัจจุบันลดลงมา
อยู่ที่ระดับ 93.8 จากระดับ 94.9 ในเดือนก่อน อย่างไรก็ดีดัชนีในส่วนของความคาดหวังของธุรกิจในอีก 6 เดือน
ข้างหน้ากลับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 95.4 จากระดับ 95.1 ในเดือนก่อน จากความคาดหวังว่าสภาพธุรกิจในช่วงครึ่ง
หลังของปีนี้จะดีขึ้นจากการส่งออกที่กำลังเพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นของธุรกิจว่าสามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้ (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.2 เทียบต่อปี รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 26 ส.ค.48 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่นับรวมราคา
สินค้าและพลังงานในเดือน ก.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ประมาณ
การไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่เมื่อเทียบต่อเดือนไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มิ.ย.48 (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล
แล้ว) ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในโตเกียวในเดือน ส.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.3 เทียบต่อปี สอดคล้องกับที่นัก
วิเคราะห์ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน แต่หากเทียบต่อเดือนกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้
บริโภคพื้นฐานของประเทศญี่ปุ่นที่ลดลงในเดือน ก.ค.แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นยังประสบกับภาวะเงินฝืดแม้ว่าระดับราคา
น้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 26 ส.ค. 48 25 ส.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.142 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.9711/41.2494 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.83236 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.14/ 16.83 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,500/8,600 8,500/8,600 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 57.99 58.43 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 26.14*/22.99* 26.14*/22.99* 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม 40 สตางค์ เมื่อ 11 ส.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--